ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชี้ขาดยุบพรรคไทยรักษาชาติไปแล้ว
แต่กลุ่มนักการเมืองรุ่นใหญ่ที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ยังประกาศจะเคลื่อนไหวการเมืองต่อไป
อ้างว่า ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย
นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นพ.เหวง โตจิราการ นายนิคม ไวยรัชพานิช เป็นต้น
ล่าสุด ประกาศจะไปเปิดเวทีปราศรัยหลายที่ 13 มี.ค.ที่ ร้อยเอ็ด, 14 มี.ค. นครราชสีมา, 15 มี.ค. ฉะเชิงเทรา, 17 มี.ค.นครศรีธรรมราช และ 18 มี.ค. เพชรบูรณ์ เป็นต้น
1. น่าสนใจว่า การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ เจตนาจริงๆ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองใด กลุ่มใด และนายใหญ่คนใด
ถ้ากลุ่มที่ไม่ใช่พรรคการเมือง สามารถเดินสายเปิดเวทีปราศรัยในโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งได้แบบนี้ โดยไม่ผูกพันตามกฎหมายพรรคการเมือง แล้วกลุ่มอื่นๆ จะสามารถทำได้ด้วยหรือไม่?
ถ้าทำ แล้วบรรยากาศการเมืองมันจะเป็นอย่างไร?
2. ดูโฉมหน้าค่าตาแต่ละคน ช่างมีสง่าราศี
เป็นนักประชาธิปไตยแท้ๆ เลยทีเดียวเชียว
ก่อแก้ว รูปที่มีทุกบ้าน
หมอเหวง โหวงเหวง
ณัฐวุฒิ เผาไปเลยพี่น้อง
แต่ที่น่าสนใจ คือ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ในยุคก่อนหน้านี้
บทบาทเมื่อครั้งเป็นประธานวุฒิสภา ก็ช่างส่งเสริมประชาธิปไตยจริงๆ
คงจะจำกันได้ สำหรับความกระเหี้ยนกระหือรือในการแก้รัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยเรื่องที่มาของสว. แถมพ่วงด้วยคุณสมบัติของสว. เอื้อประโยชน์ต่อพวกตน
ยังไม่ลืมว่า ในระหว่างการประชุมรัฐสภาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ได้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมอย่างน่าสมเพชขนาดไหน
พฤติกรรมอาศัยอำนาจในฐานะประธานในที่ประชุม รวบรัดตัดสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภา ไม่ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็น ปิดอภิปราย ลงมติ ใช้เสียงข้างมากลากไป
ปกติ การแก้ไขกฎหมายที่มี สส. สว.สงวนคำแปรญัตติไว้นั้น จะต้องได้รับสิทธิ์อภิปรายเหตุผลของตนเองในที่ประชุมใหญ่ แต่นายนิคมถึงขนาดอาศัยอำนาจประธานในที่ประชุม ปิดปากสมาชิกรัฐสภาที่สงวนคำแปรญัตติและแสดงเจตนาจะขอใช้สิทธิ์อภิปรายอยู่กว่า 50 คน โดยรีบเร่งลงมติทันที
เอาอกเอาใจรัฐบาลอย่างออกนอกหน้า
สว.ด้วยกัน ถึงขนาดลุกขึ้นวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยความอับอายแทน ในฐานที่นายนิคมเป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา
พฤติกรรมของนายนิคม ไวยรัชพานิช เมื่อครั้งเป็นประธาน สว. สะท้อนธาตุแท้ความเป็นประชาธิปไตยตามแบบระบอบทักษิณได้อย่างดี
คือ เสียงข้างมากลากไป
เอาให้ได้ตามความต้องการของนายใหญ่
หรือว่านี่คือนิยามของประชาธิปไตยที่กำลังถวิลหา และก้าวต่อไป
3. เมื่อปูมหลังแต่ละคนเป็นเช่นนี้
เคยสัมพันธ์ทางผลประโยชน์การเมืองกับพรรคการเมืองชัดเจนเช่นนี้
ย่อมถูกรู้ทันได้แน่ว่า นี่เป็นเพียงการเล่นเกมการเมือง ในสถานการณ์ “รบพิเศษ” ในอีกหน้าหนึ่งของพรรคตระกูลเพื่อของทักษิณ ชินวัตร
เป็นการเล่นไม่เลิก ไม่สนใจผลกระทบต่อบ้านเมืองส่วนรวมมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองและพวกพ้องเป็นสำคัญ
พรรคการเมืองใหม่ก็ยังไม่ตั้ง ไม่ต้องไปรอดำเนินการอะไรตามระเบียบข้อกฎหมาย แต่งานด่วนเล่นได้เลย คือ เดินหน้าสุดซอยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ทันที
แบบนี้ ก็ได้ด้วยหรือ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี