เมื่อเช้าวันที่ 12 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีถึงเหตุวางระเบิดหลายพื้นที่ใน จ.พัทลุง และ จ.สตูล ว่า ที่เกิดเหตุไม่ใช่บริเวณที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวและยังไม่มีรายงานว่าได้รับผลกระทบอะไรซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะเข้าไปตรวจสอบและกำลังดำเนินการโดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบในพื้นที่ยังไม่พบว่ามีสาเหตุไปเชื่อมโยงกับเรื่องของการก่อการร้าย จึงยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแน่นอน
เหตุที่เกิดขึ้นไม่มีผลกับการท่องเที่ยวและเป็นช่วงที่ใกล้การเลือกตั้งไม่ได้มุ่งที่ตัวนักท่องเที่ยว แม้จะเกิดเหตุในหลายพื้นที่แต่ไม่ได้เกิดความสูญเสีย แปลว่าเขาต้องการแค่ให้เกิดเสียงดังเท่านั้น จึงเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะเข้าใจสถานการณ์ในบ้านเราช่วงที่ใกล้เลือกตั้ง ซึ่งมันจะมีการสร้างสถานการณ์อยากให้ดูตื่นเต้น ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวที่จังหวัดสตูล ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีอากาศดีอย่างไร นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า คนที่ไปเที่ยวจังหวัดสตูล ส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปเที่ยวในพื้นที่อุทยานมากกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นนับเป็นรายได้ของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2504 ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี เวลาผ่านมาจะครบ 60 ปี รายได้จากอุตสาหกรรมนี้ทำรายรับให้ประเทศปีละ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.6 ล้านล้านบาท เท่ากับร้อยละ 8 ของรายได้ประชาชาติต่อปีของประเทศ และสร้างงานให้แก่คนไทยและคนต่างชาติในไทยอีกมากกว่า 5 ล้านคนเลยทีเดียว
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมนี้มากเป็นพิเศษเพราะสามารถต่อยอดนำไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ของประเทศที่เกี่ยวข้องมากมายจนขณะนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมากถึงปีละ 40 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก รองจาก สหรัฐอเมริกา,สาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐฝรั่งเศส
แหล่งท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดของประเทศไทยก็คือชายฝั่งทะเลทั้งภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน, ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและภาคตะวันออกฝั่งอ่าวไทย จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญก็คือชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล ตรัง พังงา กระบี่ และภูเก็ต กลุ่มจังหวัดเหล่านี้ทำรายได้เข้าประเทศปีละมากกว่า 4 ล้านล้านบาททั้งทางตรงและทางอ้อม
การป้องกันเหตุร้ายกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจึงนับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ปัจจุบันประเทศไทยมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่บริหารจัดการกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโตยตรงอยู่แล้ว
เชื่อว่ารัฐบาลคงมีความพร้อมในการป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะนี่คือหัวใจของรายได้เข้าประเทศทีเดียว จึงไม่น่าเป็นห่วงเพราะการท่องเที่ยวคือธุรกิจที่ประชาชนคนไทยทั้ง 67 ล้านคน มีส่วนร่วมนั่นเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี