ผมไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้ว กากบาทอย่างปลอดโปร่งโล่งใจ และใฝ่ฝันว่านโยบายที่ผมเลือกจะใช้ 1 คะแนนของผมผลักดันนั้น จะได้ถูกขับเคลื่อน
ผมฝันว่า “ลูกศิษย์” ที่โรงเรียนพระดาบสของผม และเด็กอื่นๆ ที่มีชะตาชีวิตอย่างลูกศิษย์ของผม จะได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดี จากนโยบายของพรรคที่ผมเลือก ผมอยู่กับเขาเหล่านี้มารุ่นแล้วรุ่นเล่า เด็กที่ “หลงหูหลงตาสังคม” ยากจน บ้างขาดพ่อขาดแม่ บ้างดำเนินชีวิตผิดพลาด เกเร ไม่รับผิดชอบ ติดเกม ฯลฯ ชีวิตที่เลือกไม่ได้กับชีวิตที่ไม่ได้เลือก วันหนึ่งอยากได้โอกาส “เริ่มต้นใหม่” ไม่มีเลย โอกาสนั้น หรือมีก็ไม่ง่ายเลย เพราะขัดสนจนเงิน ขาดผู้ใหญ่เป็นหลักชัยในชีวิต เคว้งคว้าง กระทั่งได้พบโรงเรียนพระดาบส จึงได้พบ “โอกาสอีกครั้ง” หรือจะเรียกว่า “โอกาสที่สอง” ตามที่เขานิยมเรียกกันก็ได้
ได้เรียนฟรี กินฟรี อยู่ฟรี 1 ปี มีทั้ง “วิชาชีพ” และ“วิชาชีวิต” ให้เรียน กล่าวคือ นักเรียนชายเรียนช่างต่างๆ อาทิ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างเชื่อม ช่างไม้ เกษตรพอเพียง ฯลฯ นักเรียนหญิงเรียนเคหะบริบาล แล้วยังมีวิชาการและหลักสูตรฝึกอบรม “ทักษะชีวิต” เพื่อหล่อหลอมให้มีบุคลิกภาพที่ดี ทัศนคติที่ดี และทักษะการดำเนินชีวิตที่ดี บนหลักการว่า “มีความรู้ท่วมหัว แต่หากขาดทักษะในการดำเนินชีวิต ก็มีสิทธิ์ล้มเหลวไม่เป็นท่า” ผมเป็น “ดาบสอาสา” สอนบางส่วนในฝ่าย “ทักษะชีวิต” นี่แหละ
เราเห็นแววตาแห้งแล้งของลูกศิษย์ต้นปี และค่อยๆ มีประกายแห่งความสุข ความหวังขึ้นมาทีละนิดทีละนิด จนกระทั่งสุกปลั่งเหมือนดาวเหนือในยามจะเข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตร พร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะ พวกเขาชนะชะตาชีวิต ชนะตนเอง และชนะใจครูบาอาจารย์ตลอดจนครอบครัวได้
“ใครเรียนต่อ ปวส.บ้าง”
เมื่อถามเขาคำถามนี้ ประกายตาของหลายคนก็สลดลง
ไม่มีเงินเรียน ต้องทำงานก่อน คือคำตอบของหลายๆ คน
เมื่อเห็นนโยบายของพรรคการเมืองประกาศเรื่องเรียนฟรีถึง ปวส. และพูดถึงตัวหลักสูตรว่า จะให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมออกแบบกำหนดหลักสูตรเพื่อให้ได้ทักษะที่เป็นที่ต้องการจริงๆ ของตลาดแรงงานและผู้ประกอบการ ยิ่งชอบใจ เพราะโรงเรียนพระดาบสเราทำมาแล้ว มีบริษัทเบนซ์ มีโรงพยาบาลมิชชั่น ฯลฯ เข้ามาร่วมด้วย ในการให้เด็กได้เรียนรู้จากการทำงานจริง และค่อยๆ ปรับหลักสูตรไปด้วยกัน
1 คะแนนของผมนั้น จึงมอบเป็นแรงผลักดันให้แนวทางนี้เกิดขึ้นได้จริงและถ้วนหน้าทั่วประเทศ หวังให้แววตาแห้งผากของเด็กอีกจำนวนมหาศาล ได้มีประกายของความสุข ความหวัง ขึ้นมาบ้าง
1) ครับ, ผมเลือกพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนี้ แต่เพราะผมได้พิจารณานโยบายทั้งหมดของเขา ตัวบุคคลที่จะเป็นคณะทำงาน การแสดงความจริงใจด้วยการแจกแจงตัวเลขเงินที่จะใช้กับนโยบายทั้งหมด และแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณแล้ว ผมสัมผัสได้ถึง “ความระมัดระวัง” ต่อเงินส่วนรวม ไม่ได้คิดนโยบายขึ้นมาเพื่อเอาชัยชนะให้ตัวเองได้เป็นรัฐบาลแค่นั้น แต่เป็นนโยบายที่ประเทศไทยจะชนะด้วย ชนะอะไรครับ ชนะปัญหาที่กัดกินอยู่ในกลุ่มคนที่แตกต่างกันในสังคม ใครที่อาการโคม่า นโยบายรีบแก้ปัญหาให้มีลมหายใจ แล้วต่อยอดให้มีทักษะที่ดีขึ้น เพื่อพึ่งพาตนเองได้ ไม่เป็นภาระของชาติ ทำให้เขามีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ไม่ต้องนั่งรอ ถือกะลาอิเล็กทรอนิกส์รอให้ผู้มีอำนาจ “เติมเงิน” ให้ แต่มีศักยภาพที่จะทำมาหากินได้ด้วยตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี มีโอกาสที่เท่าเทียม และภาคภูมิใจที่เป็นพลเมืองของประเทศนี้
ประชาธิปัตย์คิดนโยบายด้วยความรอบคอบ มีคำอธิบายมีงานวิจัยรองรับ และมีคนกำกับที่แน่ชัดในความซื่อสัตย์สุจริตและเปี่ยมด้วยสติปัญญาความรู้
2) “แล้วไม่กลัวเหรอ ว่าอภิสิทธิ์จะถูกรุมตีอีก”
ไม่กลัวครับ ถึงเวลาที่เราต้องเลิกจำนนต่อความกลัวที่มีคนที่ไม่มีปัญญาหาเสียงให้สุจริต นำมาเป็นประเด็นหลอกหลอนเราเสียที
ผมนึกไม่ออกว่า ทำไมต้องมีแค่ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น ที่นั่งในเก้าอี้นายกฯ แล้วจะไม่มีใครตี หากเก้าอี้นายกฯนี้ ไม่ใช่ของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว บิ๊กแดงซึ่งเป็น ผบ.ทบ. จะไม่ทำหน้าที่คุ้มครองบ้านเมือง ผบ.ตร. และฝ่ายความมั่นคงจะเพิกเฉย ปล่อยให้ใครมาทำอะไรในบ้านเมืองนี้ก็ได้อย่างนั้นหรือครับ
และในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทุกคนที่กล่าวชื่อหรือกล่าวถึงมานี้ ก็ล้วนอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น เขาจะไม่เรียนรู้ ไม่ป้องกัน ไม่จัดการ ให้สุดท้ายต้องย้อนกลับไปลงเอยเหมือนเก่าอย่างนั้นหรือครับ
ทำไมต้องบีบบังคับให้คนไทย ต้องเอา 1 คะแนนไปใช้ในลักษณะเหมือนต้อง “จ่ายค่าคุ้มครอง” แบบนั้นล่ะครับ ทำไมไม่มีใครออกมารับประกันว่าไม่ต้องกลัว เก้าอี้นายกฯ เป็นของใครก็ได้ ในฐานะฝ่ายความมั่นคง ในฐานะตำรวจ ในฐานะทหาร เรารับประกันว่าเราจะทำหน้าที่ของเราอย่างเสมอภาค เท่าเทียม จริงจัง และเต็มที่เสมอเหมือนกันหมด ดังนั้น ขอให้ท่านหยุดกลัว และทำหน้าที่ “พลเมืองไทย” ด้วยการใช้ 1 คะแนนเสียงของท่านให้ปลอดโปร่งที่สุด
3) มีนักศึกษาถามว่า “ในกระแสสังคมตอนนี้ เราจะเห็นคนไทย คนรุ่นใหม่ หมดศรัทธา หรือเบื่อ หรือไม่เชื่อในประเทศไทยเยอะมาก ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ท่านเชื่ออะไรในคนไทย หรือว่าเชื่ออะไรในประเทศไทยบ้าง”
หมอเอ้ก-คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ ผู้สมัครเขตบางซื่อ ดุสิต พรรคประชาธิปัตย์ ตอบว่า “ผมขอบอกว่า ผมจะเชื่อในพลังของคนไทย ที่อยากจะผลักดันอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ถึงแม้ว่าผมจะเป็นนักการเมืองก็ตาม คุณอย่าเชื่อ ในพลังในการเปลี่ยนแปลงของพวกผม แต่จงเชื่อในพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของพวกคุณ เพราะ ณ วันนี้ อำนาจแห่งการเปลี่ยนแปลงอยู่ในมือของพวกคุณ อันนี้คือสิ่งที่ผมเชื่อในวันนี้”
ผมชื่นชมเด็กรุ่นใหม่ในพรรคการเมืองนี้ ตรงนี้เขามีกิริยามารยาทและทัศนคติที่ดีต่อชาติบ้านเมืองและต่อคนต่างรุ่น ต่างวัย ต่างความคิด พวกเขามีความมุ่งมั่นที่ชัดเจน เป็นตัวของตัวเอง และมีสติปัญญาดีพอที่จะเป็น “ตัวแทน” ของประชาชนได้
4) ในบรรดาพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพพอที่จะนำพาประเทศให้พ้นบ่วงอุบาทว์เดิมๆ มีใครบ้างครับ ที่ไม่หาประโยชน์จากความกลัว ความโกรธ และความเกลียด
พวกหนึ่งบอกให้เกลียดเผด็จการ และบังคับว่าต้องเลือกว่าจะเอาเผด็จการหรือฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ในเวลามีอำนาจ ฝ่ายประชาธิปไตยหน้าด้านๆพวกนั้นก็ใช้อำนาจอย่างเลวทรามที่สุด ทั้งทุจริตเงินทอง และทุจริตเชิงอำนาจ เช่น เอาอำนาจของเสียงส่วนใหญ่ไปออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้คนที่ตาย ตายไป โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม และยัดเอาคนทุจริต คนสั่งเผาบ้านเผาเมืองใส่ไปในนั้นแทน ประชาธิปไตยบ้าอะไรครับ ที่ให้คนทำผิดพ้นผิดโดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ให้ล้มเลิกกระบวนการนั้น
พวกหนึ่งบอกให้กลัวระบอบทักษิณ แต่ไม่เคยพูดให้เป็นรูปธรรมว่า อะไรที่น่ากลัว ระบอบทักษิณจะทำอะไรหรือ? จะได้ถกเถียงกันเป็นข้อๆ และเรื่องๆ ไปสำคัญที่สุดคือ 5 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้เรียนรู้และสร้างเครื่องมือที่เรียกว่า “ระบบป้องกัน” ให้ชาติบ้านเมืองกันเลยหรือครับ ถึงต้องบอกให้เราเลือกให้บิ๊กตู่ “ยืนยาม-เฝ้าบ้าน” ให้เราต่อ บ้านเราเคยถูกโจรปล้น แทนที่จะเราจะสร้างรั้ว ติดสัญญาณเตือนภัย ติดกล้องวงจรปิด เลี้ยงหมาเฝ้ายาม และจ้างระบบ รปภ. เพื่อป้องกัน ให้คนในบ้านนอนหลับอย่างเป็นสุข และตื่นขึ้นมาร่ำเรียน ทำมาหากิน อย่างมีความสุข กลับต้องให้ “ลุง” ยืนเฝ้ายาม และปลุกพวกเราให้ตื่นกลัวอยู่ตลอดเวลาทำไมล่ะครับ นี่คือ 5 ปี ที่ให้แก่พวกเราหรือครับ?
5) ผมใช้ 1 คะแนน ของผมไปแล้วครับ ผลักดันนโยบายที่ดีให้เป็นไปได้ รวมถึงนโยบายประกันรายได้เพื่อพี่น้องเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งไม่ผลักภาระไปทำร้ายผู้ประกอบการและสร้างผลกระทบด้านราคาสินค้าตามมา พี่น้องเกษตรกรของผมมีหลักประกันรายได้ พี่น้องจังหวัดภูเก็ตของผม จะได้เป็น “จังหวัดจัดการตัวเอง” เป็นมหานครแห่งใหม่ เหมือนกรุงเทพมหานคร ผมเชื่อว่าภูเก็ตมีศักยภาพและควรได้โอกาสนั้น ซึ่งก็ต้องรอดูว่า คนทั้งเกาะภูเก็ตพร้อมจะใช้ 1 คะแนนเพื่อผลักดันสิ่งนี้หรือไม่
อย่าหมกมุ่นกับความเกลียดที่ถูกกระตุ้น
อย่าจำนนกับความกลัวที่ใครข่มขู่
จงเชื่อใน 1 คะแนนของท่าน ที่จะพร้อมใจกันพิสูจน์ด้วยความกล้าหาญว่า ประเทศไทยมีทางออก มีทางไป มีโอกาสก้าวหน้าได้ ตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ มี “ประชาธิปไตยสุจริต” ได้ โดยไม่ต้องสมยอมกับ “ผู้มีอำนาจ” ที่ทำทุกอย่างให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจต่อ และไม่ต้องรอการพยักหน้าอนุญาตจากคนโกงที่ชุบเลี้ยงอันธพาลเอาไว้ด้วย
#savethaland Together we can ใช้ 1 คะแนน ประกาศอิสรภาพให้ประเทศไทยกันครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี