“ลุงตู่ อยู่ต่อ” ไม่ใช่คำทำนายในวัน April Fool day ที่ฝรั่งใช้เป็นวันหลอกกันเล่นในวันนี้
แต่สถานการณ์ผลของการเลือกตั้ง และกติกาที่ได้เปรียบ ทำให้สามารถบอกได้ว่า ลุงตู่จะอยู่เป็นนายกฯ ต่อไป
1. คะแนนนิยมที่ปรากฏจากผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งรวมทั้งประเทศ พรรคที่เสนอลุงตู่เป็นนายกฯ ได้คะแนนมากที่สุด 8.4 ล้านเสียง (อย่างไม่เป็นทางการ)
2. จำนวน สส.ที่สองพรรคได้คะแนนคู่คี่ คือ เพื่อไทย และพลังประชารัฐ ใกล้เคียงกันมาก
แต่ที่สำคัญ คือ เมื่อต่างฝ่ายต่างหาพันธมิตรพรรคอื่นมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็อาจได้จำนวนเสียงคู่คี่สูสีกัน ใครได้เป็นรัฐบาลก็มีเสียงปริ่มน้ำ เกินกึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ทั้งหมด 500 คนไม่มาก
3. พรรค พปชร. จะมี สว.อีก 250 คน ที่ คสช.เลือกสรรมาช่วยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้ขั้ว พปชร.และพรรคพันธมิตรมีโอกาสสูงมากที่จะได้จำนวนสมาชิกรัฐสภา (สส.+สว.) เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา (สส.รวมกับสว.)
4. แม้พรรคที่สนับสนุนลุงตู่เป็นนายกฯ จะได้เสียงต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร คือ ได้น้อยกว่า 251 คน ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ และเมื่อ พ.ร.บ.ที่สำคัญ เช่น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายแผ่นดินเข้าสภาผู้แทนราษฎรในเดือนก.ค.-ส.ค. ที่รัฐบาล (ฝ่ายบริหาร) จำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ก็มีวิธีสร้างเสถียรภาพ โดย
4.1 ดึงพรรคอื่น หรือกลุ่ม สส.ของพรรคอื่นเข้าร่วมรัฐบาล (ที่เรียกกันว่า งูเห่า) แล้วปรับ ครม.อีกครั้ง
4.2 นายกฯ ลุงตู่ประกาศยุบสภาเมื่อ พ.ร.บ.สำคัญไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกตั้งใหม่ว่าจะเห็นด้วยกับฝ่ายใด
4.3 นายกฯ ลุงตู่ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ แล้วให้รัฐสภาดำเนินการหานายกฯ ใหม่ โดยรวบรวม สส.และพรรคการเมืองใหม่ หากมีปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล รัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาลก็เปิดช่องไว้ ให้นำคนนอกพรรคการเมืองมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หากสภาทั้งสองพร้อมใจยอมรับ
เคยปรากฏเหตุการณ์ในอดีต ในปี 2522 เมื่อรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ที่สืบทอดอำนาจจากรัฐประหารปี 2519 และวุฒิสภาก็มีบทบาทช่วยเลือกนายกฯและสร้างเสถียรภาพแล้ว แต่เมื่อประสบปัญหาเสถียรภาพในสภาผู้แทนราษฎร พลเอกเกรียงศักดิ์ นายกฯ พยายามเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วม แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
นายกฯ พลเอกเกรียงศักดิ์ ปรารถนาจะยุบสภาแต่ขุนทหารกลุ่มยังเติร์กไม่เห็นด้วย แต่กดดันให้พลเอกเกรียงศักดิ์ลาออก จึงได้ ผบ.ทบ.สมัยนั้น คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มาเป็นรัฐบาล รวบรวมพรรคการเมืองเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วย พลเอกเปรมเป็นนายกฯ อยู่ได้ตั้งแต่ปี 2523-2531 รวม 8 ปี
5. หากขั้วการเมืองระบอบทักษิณ (เพื่อไทย) รวบรวม สส.ได้จำนวนมากกว่า แม้จะเกินกึ่งหนึ่งของ สส.ทั้งหมด คือ เกิน 251 คน ก็คงจัดตั้งรัฐบาลได้ยาก ไม่ใช่เพียงขาดเสถียรภาพเท่านั้น
แต่ สว. 250 คน คงไม่ร่วมเลือกคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกฯ
สว. 250 คน คงจะเลือกนายกฯ พลเอกประยุทธ์แน่นอน
แม้ว่า สว. 250 คน งดออกเสียง ไม่เลือกผู้ใดเลย ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ และพลเอกประยุทธ์ไม่ได้คะแนนเกิน 375 เสียงของรัฐสภา (สองสภารวมกัน)
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่เป็นรัฐบาลปัจจุบัน ก็ยังคงเป็นรัฐบาลต่อไป จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ (และไม่ใช่รัฐบาลรักษาการด้วย ตามการวินิจฉัยของรองนายกฯ วิษณุ)
6. ผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค. ยังไม่ได้ผลเสร็จสิ้นสมบูรณ์
หากมีใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง อาจมีเลือกตั้งซ่อม เลือกตั้งใหม่ ผลก็อาจเปลี่ยนแปลงไปอีก
แม้แต่กรณีมีผู้เคลื่อนไหวถอดถอน กกต. ซึ่งยากจะประสบความสำเร็จ แต่หากประสบความสำเร็จและไม่สามารถรับรองผล หรือเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่สามารถรับรองผลการเลือกตั้งได้เกิน 95% รัฐบาลพลเอกประยุทธ์เดิมที่อยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นรัฐบาลต่อไป
และยังมีอำนาจใช้มาตรา 44 ได้ต่อไปอีกด้วย
ประชาธิปัตย์ควรเข้าร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ไหม?
ด้วยสถานการณ์การเมือง ที่ประชาชนเห็นว่าเป็นสถานการณ์แบ่งข้าง และต้องระดมคะแนนเลือกตั้ง จากเหตุการณ์ที่เขย่าขวัญประชาชนที่ไม่เอาระบอบทักษิณ ในกรณีเช้าวันที่ 8 ก.พ. ที่พรรค ทษช.เสนอทูลกระหม่อมฯ เป็นนายกฯ และมีพระราชโองการฯ บอกถึงความไม่เหมาะสม ไม่บังควรอย่างยิ่ง ในคืนวันเดียวกัน
กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ตัดสินยุบพรรค ทษช.
กรณีปรากฏการณ์ที่เกาะฮ่องกง ก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน และประกาศสำนักพระราชวังคืนวันก่อนเลือกตั้ง
น่าจะมีผลให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งมีฐานเดียวกันของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปเทคะแนนเสียงให้แก่ พปชร.
เพราะคิดว่าต้องได้พลเอกประยุทธ์และกองทัพเข้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เมื่อทักษิณแสดงตัวว่ายังต่อสู้ทางการเมืองที่แยบยล รุกล้ำ คนไม่เอาระบอบทักษิณก็ยิ่งต้องรวมตัวรวมคะแนนให้ พปชร.ที่เชื่อว่ามี พลเอกประยุทธ์และกองทัพหนุนอยู่
คะแนนประชาธิปัตย์ จึงลดลงอย่างผิดความคาดหมาย จากจำนวน สส.ที่น่าจะเกิน 100 คน เป็นเกิน 50 คน
ยังคงมีผู้เลือกประชาธิปัตย์อยู่เกือบ 4 ล้านคน ซึ่งส่วนมากน่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบระบอบทักษิณ และไม่ต้องการให้ทหารสืบทอดอำนาจ และต้องการพรรคเก่าแก่ ยาวนาน เข้าบริหารประเทศ
ณ เวลานี้ ปชป.ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากเข้าร่วมกับ พปชร. คนส่วนที่เลือก ปชป.ด้วยเหตุผลข้างต้น จะรู้สึกอย่างไร เพราะถ้าเขาต้องการเช่นนั้นเขาก็เลือก พปชร.แต่ต้นได้เองแล้ว
แต่ก็อาจจะคิดได้ว่า ประชาชนที่เลือก ปชป. อาจสุขุมพอที่จะเข้าใจว่า เมื่อ ปชป.ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ประโยชน์อันดับสองก็คือเข้าร่วมหนุนพลเอกประยุทธ์และกองทัพ แต่ก็คงมีคนส่วนหนึ่งไม่คิดเช่นนั้น
การยืนนิ่งของ ปชป. เป็นอิสระ ไม่ร่วมรัฐบาล ไม่เป็นฝ่ายค้าน แต่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อตรวจสอบ ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ว่าไม่ดี จะสมศักดิ์ศรีของพรรคเก่าที่สุด เป็นสถาบันทางการเมืองมากที่สุด หรือไม่?
ลุงตู่และรัฐบาลแกนนำโดย พปชร. ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อยู่แล้ว ปชป.ไม่ได้เป็นตัวถ่วงกีดกัน แต่จะทำหน้าที่นิติบัญญัติเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
อย่าถึงกับออกนอกหน้า ประกาศร่วมกับพรรคการเมืองที่มีทหารร่วมจัดตั้ง ประเทศไทยก็หมดทางเลือก
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี