สังคมไทยเพิ่งจะผ่านพ้นการเลือกตั้งทั่วประเทศไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาผลที่ออกมาน่าจะส่งผลกระทบต่อรูปโฉมการเมืองไทยในอนาคตไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการที่พรรคหลักขาประจำดั้งเดิมที่ต่างต่อกรกันมาหลายยก อย่าง พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้ต่างสูญเสียคะแนนไปให้พรรคหน้าใหม่เพิ่งแจ้งเกิด 2 พรรค ได้แก่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคอนาคตใหม่ โดยรวมๆ กันแล้วร่วม 10 ล้านคะแนนได้
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? เหตุใดผู้คนถึงไปเทคะแนนให้กับพรรคหน้าใหม่ทั้ง 2 ถึง 13-14 ล้านคะแนน แล้วผู้คนเหล่านั้น คือใครกันบ้าง?
ผู้คนที่ลงคะแนนสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐก็คงจะประกอบด้วย พวกต่อต้านระบอบทักษิณ และเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐภายใต้การนำพาของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น จะสามารถยืนหยัดกับระบอบทักษิณและต้านทานได้ โดยเฉพาะการที่มีพลังกองทัพหนุนหลังอยู่
ขณะที่อีกพวกหนึ่งก็คือ กลุ่มธุรกิจและกลุ่มท้องถิ่นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายและมาตรการประชารัฐ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่แน่นอนก็คือ บรรดาข้าราชการประจำทั้งหลายที่ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินมากขึ้นด้วยระบบการกระจุกตัวของอำนาจ และโดยองค์รวมกลุ่มเหล่านี้ก็เห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามีภาษี มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ไว้วางใจกว่าบรรดาผู้นำทางการเมืองมืออาชีพทั้งหลาย และได้มีความพึงพอใจกับเสถียรภาพของบ้านเมืองในเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าภายใต้การเป็นนายกรัฐมนตรีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้านเมืองก็จะราบรื่นเรียบร้อย และมีเสถียรภาพต่อไป
กลุ่มเหล่านี้โดยรวมเรียกรวมๆ ได้ว่า เป็นพวกอนุรักษ์นิยม หรืออำนาจนิยม ก็ว่าได้
ส่วนกลุ่มผู้คนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ภายใต้การนำพาของ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกคนหนุ่มสาวที่เหนื่อยหน่ายกับการเมืองแบบเก่าๆ หน้าเดิมๆ และเรื่องเดิมๆ และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากได้ผู้นำรุ่นใหม่ ชุดใหม่ และถูกใจสไตล์แบบกล้าชน ไม่เกรงกลัวพวกอำนาจเก่า(The Establishment) ของคุณธนาธร ส่งผลให้เกิดความมั่นใจ ความสะใจ และเป็นความท้าทาย ยิ่งประเด็นต่างๆ ที่ยกมาชู ก็เป็นประเด็นถึงใจ ทั้งเรื่องปฏิรูปกองทัพ ยกเครื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นต้น เรียกได้ว่า กลุ่มผู้คนเหล่านี้เป็นพวกหัวก้าวหน้า อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะนำให้สังคมก้าวหน้าไปได้
ส่วนกลุ่มที่ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย ก็ถือว่าเป็นกลุ่มขาประจำ โดยฝั่งเพื่อไทยก็คือผู้คนที่ชื่นชอบนโยบายประชานิยม และความเป็นผู้นำของนายทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่ผู้เลือกพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็เป็นกลุ่มคนที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดี ทั้งต่อชื่อพรรค รวมทั้งผู้นำอย่าง นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างไม่เสื่อมคลาย
ในขณะที่คนรุ่นใหม่ และคนที่ไม่ได้เทคะแนนให้พรรคทั้งสองนั้นต่างเห็นว่า ทั้ง 2 พรรค ยังคงใช้ผู้นำหน้าเดิมๆ และพูดกันแต่เรื่องเดิมๆ โดยเฉพาะผลงานแต่อดีต ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นการขาดวิสัยทัศน์ และไม่ใช่เป้าหมายสำหรับอนาคตประเทศไทยในใจเขา
ส่วนทางพรรคภูมิใจไทย แม้จะใช้สไตล์การเมืองแบบเดิมๆ แต่ก็ยังมีประเด็นใหม่ๆ แหวกแนวมานำเสนอบ้าง แถมยังเน้นที่ตัวผู้สมัครเฉพาะที่เป็นมือเก๋า มืออาชีพ ที่ฐานเสียงแน่นจริงในพื้นที่
รวมความแล้ว พรรคพลังประชารัฐ หรือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการสนับสนุนเพราะมีการเชื่อว่าพึ่งพาได้ (Reliable) ส่วนพรรคอนาคตใหม่นั้น ได้รับการสนับสนุนเพราะดูกล้าท้าตีท้าต่อยดี (rebellious)
ในขณะที่พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย จัดได้ว่าเป็นพวกย่ำอยู่กับที่หรือเป็นสิ่งตกค้างมาจากอดีต ยังอยู่กับอดีต อีกนัยหนึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นพวกจำเจ (Redundant)
แต่ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนไทย จะเลือกใครด้วยเหตุใดก็ตามที ผลที่ออกมา ก็ถือเป็นคำตัดสิน สำหรับบางพรรคก็ถือเป็นบทเรียน ในขณะที่บางพรรคก็เป็นการได้รับโอกาส ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แต่ละพรรคการเมืองจะต้องนำไปพินิจพิจารณาตนเอง ว่าควรจะเลือกทิศทางการดำเนินนโยบาย และบทบาทของตนในสภากันอย่างไร
โดยทุกคนจะต้องไม่ลืมว่า เมื่ออาสาเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมืองแล้ว ได้รับเสียงจากประชาชนไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องลงมือทำนโยบายที่นำเสนอชาวไทยเอาไว้ให้เกิดผลจริง ซึ่งจะต้องปฏิบัติบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชน และสังคมไทยโดยรวมเป็นหลัก
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี