การเมืองของประเทศภายหลังการเลือกตั้งจะเดินไปทางใดเป็นเรื่องที่น่าสนใจรวมทั้งกังวลว่าสังคมการเมืองของประเทศและความสุขของประชาชนชาวไทยจะดีขึ้นหรือไม่ ที่กล่าวเช่นนี้เพราะองค์อธิปัตย์ที่ปกครองประเทศภายใต้ระบบเผด็จการได้ลงมาเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ และเป็นผู้กำหนดกติกาด้วยการแต่งตั้งกรรมการและวิธีการเลือกตั้งอย่างพิลึกพิลั่นทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดปฏิกิริยาคล้ายๆ กับเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาที่เรียกว่า การเลือกตั้งสกปรกเมื่อ พ.ศ. 2500 (จึงใคร่ขอนำเหตุการณ์ครั้งนั้นมาเล่าสู่กันฟัง) ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในขณะนั้น คือ นิสิต นักศึกษาที่ไปทำหน้าที่กรรมการการเลือกตั้งถูกอันธพาลข่มขู่ เกิดพลร่มไพ่ไฟ คือ มีการเปลี่ยนหีบบัตรลงคะแนน กรรมการที่เป็นนิสิต นักศึกษาถูกข่มขู่จากอันธพาลเมื่อกลับสู่มหาวิทยาลัยจึงมีการรวมตัวกันทั้งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกิดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล โดยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้นำนิสิตได้ลดธงครึ่งเสา ในห้วงเวลานั้นมีงานวันทรงดนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินมาร่วมทรงดนตรีด้วย พระองค์ทรงมีพระบรมราโชวาทว่า “ให้ใช้หัวเดินต่างเท้า” (ซึ่งพระองค์ทรงทราบว่าจะมีการเดินขบวนของนิสิตจึงทรงเตือนสติว่าให้ใช้หัวคิดก่อนเดิน)
อย่างไรก็ดี ในที่สุดการเดินขบวนก็เกิดขึ้นโดยนิสิต นักศึกษา และประชาชน ในวันต่อมาพากันเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปพบกับจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น นิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินเข้าไปรออยู่ในทำเนียบรัฐบาล ส่วนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยอื่นๆ เดินมาถูกสกัดกั้นด้วยทหารซึ่งนายทหารที่ทำหน้าที่สกัดกั้นที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นามว่า ร้อยเอก (พลเอก) อาทิตย์ กำลังเอก เป็นหัวหน้า (ซึ่งต่อมาได้ถูกขนานนามว่า สุภาพบุรุษมัฆวาน) ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น คือ พลเอก (จอมพล) สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในทำเนียบรัฐบาลกับ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อได้รับรายงานว่ามีขบวนนิสิต นักศึกษา จำนวนมากเดินขบวนมาถึงสะพานมัฆวาน และเผชิญหน้ากับทหารที่สกัดกั้นอยู่ ณ ที่นั้น พลเอกสฤษดิ์ จึงรับอาสา จอมพล ป. นายกรัฐมนตรี ไปดูเหตุการณ์ หลังจากนั้นสักพักก็ได้ยินเสียงโห่ร้องใกล้กับทำเนียบรัฐบาล และพลเอกสฤษดิ์ ได้นำหัวหน้านิสิต นักศึกษาเข้ามาในทำเนียบ พร้อมกับประชาชนที่ร่วมเดินขบวนจำนวนมากถึงประตูทำเนียบทุกประตู (ประตูทำเนียบในขณะนั้นทำด้วยไม้) ปิดอยู่ ผู้เดินขบวนพยายามดันจนประตูทุกบานพังลงและเข้ามาที่สนามหน้าทำเนียบจนแน่น ผู้นำนิสิตได้อ่านเหตุผลถึงการเดินขบวนทางเครื่องขยายเสียงให้คณะรัฐบาลโดยเฉพาะจอมพล ป.พิบูลสงคราม ถึงการเลือกตั้งสกปรก นิสิต นักศึกษาที่ไปเป็นกรรมการเลือกตั้งถูกข่มขู่ รวมทั้งการเปลี่ยนหีบเลือกตั้ง ฯลฯ เป็นต้น เหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นทั่วพระนคร จนในที่สุดผู้บัญชาการทหารบก พลเอกสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ให้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองประเทศ โดยประกาศว่า “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว”ส่วนจอมพล ป.พิบูลสงคราม ให้ลี้ภัยไปยังประเทศกัมพูชา และไปถึงแก่กรรมที่ประเทศญี่ปุ่น
เรื่องที่เขียนมานี้เขียนจากความทรงจำเพราะอยู่ในเหตุการณ์ แต่เพื่อนคนหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในเหตุการณ์นี้ คือ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่ร่วมกับนายกสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น คือ นายประสิทธิ์ ณรงค์เดช ร่วมกันชักธงชาติลงครึ่งเสา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อไว้อาลัยก่อนที่จะทำการเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยสู่ทำเนียบรัฐบาล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี