หัวข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับกระบวนการยุติธรรมขั้นพื้นฐานในระดับโรงพัก
คือว่าในการประชุมครม.เมื่อ 19 มีนาคม คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีมติเห็นชอบโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศที่มีความจำเป็นเร่งด่วน (Quick Win) ตามที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ โดยค่าใช้จ่ายของโครงการที่จะต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ให้ดำเนินการตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ
วันที่ 13 ธันวาคม 2561 (ซึ่งเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณในกรณีต่างๆ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น)
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไป ให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
สาระสำคัญของเรื่อง
โครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศที่มีความจำเป็นเร่งด่วน (Quick Win) ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561 ซึ่งมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นเป็นประธาน ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการขอรับจัดสรรงบประมาณและจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการดังกล่าว รวมทั้งพิจารณาแนวทางการจัดให้มีการบริการให้คำปรึกษาทางคดีผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้วยและให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา กระทรวงยุติธรรมจึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
รายการ รายละเอียด
วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และประชาชนทั่วไปเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
เป้าหมาย มีผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และประชาชนทั่วไปที่มาขอรับคำปรึกษาด้านกฎหมาย 250,000 คน แผนดำเนินโครงการ 1) จัดอบรมชี้แจงผู้ปฏิบัติงานทนายความอาสาและพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ
2) จัดทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ 150 สถานี ในช่วงเดือนเมษายน -กันยายน 2562 (สถานีตำรวจที่มีคดีสูงเกินกว่า 1,000 คดี จำนวน 125 สถานี และสถานีตำรวจประจำจังหวัดที่มีคดีสูงที่สุด 25 สถานี) ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการมี 2 กลุ่มคือ สถานีที่เปิดเวลา 08.30-16.30 น. และสถานีที่เปิด เวลา 08.30-23.30 น.
3) จัดทนายความอาสาตอบปัญหากฎหมายทางเว็บไซต์ที่ทำการสภาทนายความ
ความคุ้มค่าและประโยชน์ที่จะได้รับ ประชาชนมีทางเลือกในการขอรับคำปรึกษาได้มากขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในเบื้องต้นได้โดยสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีในชั้นศาล ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และประหยัดงบประมาณของภาครัฐ โดยประมาณการว่าจะมีประชาชนขอรับคำปรึกษาทางกฎหมาย จำนวน 250,000 ราย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการให้คำปรึกษา จำนวน 1,000 บาท/เรื่อง/คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ลดลงได้ประมาณ 250 ล้านบาท และคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่รัฐสามารถลดได้ในกระบวนการพิจารณาของศาล (ประมาณจากอัตราต่ำสุดในศาลชั้นต้น) ประมาณ 1,115 ล้านบาท (คิดจากปริมาณคดี 250,000 คดี มีค่าใช้จ่าย 4,600 บาท/คดี) ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการดำเนินโครงการนี้ที่ต้องใช้งบประมาณดำเนินโครงการจำนวน 36.36 ล้านบาท (งบประมาณปี พ.ศ. 2562)
ครับ รัฐบาลคุ้มครองประชาชนทางด้านกฎหมายแล้ว อย่าลืมคุ้มครองการทำงานของตำรวจ คุ้มครองโรงพักด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่มีใครกล้ารักษากติกาของบ้านเมือง ให้สงบร่มเย็น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี