ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้มีความแปลกประหลาดยิ่งกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นครั้งแรกที่พรรคการเมืองต่างๆ ได้แบ่งก๊กฝ่ายออกเป็นสามก๊ก คือ ก๊กพันธมิตรพรรคเพื่อไทย ก๊กพันธมิตรพรรคพลังประชารัฐ และก๊กที่วางตนอยู่ตรงกลาง ซึ่งผิดแผกจากอดีตที่ต่างพรรคต่างก็ทำการรณรงค์เลือกตั้งกันไปตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย
ที่สำคัญคือในการเลือกตั้งครั้งนี้แต่ละฝ่ายได้จัดตั้งนักรบโซเชียลมีเดียหรือที่เรียกว่า Social Warrior กันเป็นจำนวนมาก เพราะต่างก็เรียนรู้บทเรียนของการเลือกตั้ง ทั้งฝรั่งเศส แคนาดา อเมริกา และมาเลเซีย ว่าพลังของโซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญต่อชัยชนะและปราชัยในการเลือกตั้ง
ดังนั้น Social Warrior หรือนักรบโซเชียลของแต่ละฝ่ายที่ต่างก็ได้รับมอบหมายภารกิจให้ทำการรณรงค์เพื่อให้ฝ่ายตนได้รับชัยชนะ จึงต่างก็ทำการรณรงค์ทุกรูปแบบทุกวิถีทาง จนกระทั่งเกิดความรุนแรงขึ้นอย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดความแตกแยกแตกสามัคคีรุนแรงขึ้นยิ่งกว่ายุคสมัยใด ถึงขนาดปลุกปั่นให้ฆ่ากัน กระทั่งปลุกปั่นให้ขับไล่คนไทยด้วยกันเองให้ไปอยู่ต่างประเทศ
แต่ที่เป็นอันตรายร้ายแรงที่สุดก็คือการแอบอ้างว่าเป็นฝ่ายที่มีความจงรักภักดี และกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่จงรักภักดี แม้กระทั่งก๊กที่วางตนเป็นกลางๆ ก็ถูกชี้หน้ากล่าวหาว่าเป็นพวกไม่จงรักภักดี
แทนที่จะเป็นการต่อสู้กันในเชิงนโยบายในวิถีทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนพิจารณาว่านโยบายของพรรคไหนดีกว่ากันแล้วลงคะแนนเสียงให้กับพรรคนั้น ก็กลับกลายเป็นว่ามีการบิดเบือนให้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่จงรักภักดีกับฝ่ายที่ไม่จงรักภักดี
ถึงขนาดชี้หน้าด่ากราดกันแบบไม่เกรงใจว่าใครเลือกพรรคนั้นเป็นผู้ไม่จงรักภักดี ใครจงรักภักดีต้องเลือกพรรคนี้ สนับสนุนพรรคนี้ ซึ่งเป็นการบิดเบือนให้เกิดเป็นความขัดแย้งใหม่ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องหรือไม่ได้เป็นความจริงใดๆ เลย เพราะประเทศไทยไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างผู้จงรักภักดีกับผู้ไม่จงรักภักดี เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่ปวงชนชาวไทยที่มีความจงรักภักดีด้วยกันทั้งสิ้น
จะมีบ้างเป็นบางคนบางกลุ่มที่ล่วงละเมิด ซึ่งก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว เป็นเรื่องของคนจำนวนน้อย และอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว คือถ้าเป็นความผิดตามกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด และถึงแม้จะเป็นความผิดตามกฎหมายก็ต้องจำกัดให้เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่เอามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายล้างกัน หรือในการขับไล่ไสส่งว่าประชาชนจำนวนมากเป็นผู้ไม่จงรักภักดี
ยิ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่ามีประชาชนไปลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองก๊กต่างๆนับสิบล้านคนด้วยกันทั้งสิ้น การผลักไล่ไสส่งให้ประชาชนกว่าสิบล้านคนให้กลายไปเป็นผู้ไม่จงรักภักดี ทั้งๆ ที่ประชาชนเหล่านั้นเพียงแค่ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองบางพรรค จึงเป็นความใจดำอำมหิตที่ก่อผลร้ายแอบแฝง นั่นคือการสร้างแนวร่วมมุมกลับที่จะมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมือง
ลองนึกดูเถิดว่าหากปล่อยให้มีการขับไล่ไสส่งประชาชนถึง 15 ล้านคน ให้กลายไปเป็นผู้ไม่จงรักภักดีแล้วจะเกิดอันตรายใหญ่หลวงสักเพียงไหน เพราะไม่เป็นธรรมกับประชาชนเหล่านั้นเนื่องจากการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งก็เพียงเพราะการเชื่อถือในนโยบายของพรรคการเมือง
ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับความจงรักภักดี ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่คนไทยมีความจงรักภักดีโดยถ้วนหน้ากัน
ครั้นได้ตราหน้าด่ากราดใครต่อใครว่าเป็นผู้ไม่จงรักภักดีแล้วก็โหมปลุกระดมกันอย่างหนักหน่วงรุนแรง ไม่ต่างอันใดกับสถานการณ์ที่มีการปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากันในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งนับถึงบัดนี้ก็ยังเยียวยาความรู้สึกนึกคิดทางจิตใจได้ไม่หมดสิ้น หากไปเพิ่มจำนวนโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกร่วม 15 ล้านคน ก็จะเกิดปัญหาใหญ่ในบ้านเมืองขึ้นในอนาคต
ความรุนแรงนั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาในบ้านเมืองได้อย่างแท้จริง ศานติและสันติวิธีเท่านั้นจึงจะสามารถใช้เพื่อแก้ไขปัญหาภายในชาติ และปัญหาระหว่างประชาชนในชาติได้ ความจริงเรื่องนี้ก็มีบทเรียนอันเจ็บปวดรวดร้าวมามากมาย ที่ควรน้อมนำมารำลึกเป็นแบบอย่างในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองต่อไป
จึงมีผู้นำเสนอให้ใช้นโยบายและวิธีการของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งในยุคสมัยนั้น ซึ่งรุนแรงกว้างขวางในลักษณะเป็นสงครามกลางเมืองถึง 47 จังหวัด โดยเปิดกว้างเชิญชวนด้วยเมตตาธรรมให้ทุกคนเข้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศไทย
และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จึงทำให้สันติภาพและสันติสุขเกิดขึ้นในบ้านเมืองต่อเนื่องมาหลายสิบปี
การหลั่งเลือดนั้นมีแต่ขยายความขัดแย้งและเป็นบ่อเกิดของสงคราม มีแต่สันติสุขและสันติภาพเท่านั้นจึงจะสามารถผนึกจิตใจผู้คนในชาติให้ร่วมจิตสมานฉันท์ในการพัฒนาบ้านเมืองได้
ปีนี้เป็นปีมหามงคลสมัยที่ชีวิตหนึ่งอาจจะมีโอกาสเข้าร่วมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงเป็นภาระหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องหยุดยั้งความแตกแยกแตกสามัคคีและความรุนแรงทั้งปวง เพื่อน้อมเกล้าฯถวายความจงรักภักดีอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อสันติและความร่มเย็นเป็นสุขของประเทศไทยและคนไทยสืบไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี