กรณีการจับกุมปราชญ์ชาวบ้านที่ค้นคว้ายารักษาโรคที่สกัดมาจากกัญชาและแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ ตลอดจนการสั่งให้ยกเลิกการจัดอบรมเกี่ยวกับการใช้กัญชาในทางการแพทย์ของคณะผู้รณรงค์ให้ใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ นั้น เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางหนักหน่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้นได้แฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นชิงชัง และความคับแค้นใจอย่างใหญ่หลวงของผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ป่วยอาการหนักที่หมดหนทางรักษาตามแบบแผนปัจจุบัน และรอคอยความตายที่จะมาเยือนในวันใดวันหนึ่งในเร็ววัน ตลอดจนญาติพี่น้องที่สู้พาผู้ป่วยเจ็บไปรักษาหรือไปเรียนรู้การรักษาตนเองก่อนที่จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ความจริงเรื่องใช้กัญชาในทางการแพทย์นั้นก็ได้สำแดงอานุภาพในทางการเมืองให้เห็นกันแล้วในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา
นั่นคือประชาชนที่ได้รับความทุกข์แค้นแสนเข็ญจากความป่วยเจ็บและเครือข่ายประชาสังคมที่รณรงค์ให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ และต่อต้านการให้ต่างชาติหรือให้เจ้าสัวผูกขาด รวมทั้งญาติพี่น้องนับสิบล้านคนได้รณรงค์ทางการเมืองครั้งใหญ่เพื่อให้สนับสนุนพรรคการเมืองที่ประกาศนโยบายเสรีกัญชา หรือให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์
เป็นผลให้พรรคภูมิใจไทยได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ผงาดขึ้นมาเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการมากที่สุดเป็นลำดับที่ 5 และเป็นตัวแปรทางการเมืองที่สำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลด้วย
และมาถึงวันนี้คณะผู้นำพรรคภูมิใจไทยยังคงยืนยันคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาชนว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับใครๆ ที่ไม่ยอมรับนโยบายเสรีกัญชาโดยเด็ดขาด ซึ่งคนทั้งหลายต่างวิงวอนให้เทพยดาที่รักษาแผ่นดินได้บำรุงความสัตย์นี้ไว้จนกว่าจะสำเร็จ
ถึงปานนี้แล้วบางคนก็ยังไม่สำเหนียก ยังไม่สำนึก และไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของอาณาประชาราษฎร ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามีผู้ป่วยเฉพาะโรคมะเร็งเป็นล้านคน มีสถิติการตายปีละกว่าแสนคน ทำให้ญาติพี่น้องครอบครัวเป็นทุกข์ทรมานและได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสตามไปด้วยร่วมสิบล้านคน
ไม่เคยนำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญเหล่านี้และยังมีเหตุการณ์ที่ต่างชาติและเครือข่ายกิจการของเจ้าสัวทั้งหลายจับจ้องขอสิทธิบัตรในการปลูก การสกัด การแปรรูป และการส่งออกกัญชา ทำลายทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าของชาติและบรรณาการให้กับต่างชาติหรือทุนใหญ่ทั้งหลายโดยไม่ละอายใจต่อบาปเลย
นับถึงวันนี้ นอกจากไม่นำพาใดๆ แล้ว ยังมีการไล่กวาดล้างพืชพันธุ์กัญชาในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และติดตามจับกุมชาวบ้านที่ปลูกกัญชาเพื่อใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บกันโดยทั่วไป และมีบางส่วนก็ปลูกขายให้แก่ผู้เดือดร้อน โดยการปลูกส่วนใหญ่นั้นมีการส่งออกเป็นล่ำเป็นสันจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำกันอย่างขนานใหญ่และครึกโครมเป็นที่รู้กันทั่วไป ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น
ในขณะที่คนไทยกลับถูกมองว่าเป็นผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ทั้งๆ ที่ขณะนี้หลายประเทศในโลกรวมทั้งองค์การอนามัยโลกก็เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ปลดกัญชา กัญชง และกระท่อมออกจากยาเสพติดกันแล้ว และหลายประเทศก็ได้ใช้กัญชาโดยเสรีไม่ว่าทางแพทย์ การบันเทิง หรือใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารหรือเครื่องสำอางต่างๆ
ปล่อยให้ประเทศไทยซึ่งมีพันธุ์กัญชาดีที่สุดของโลก มีสภาพภูมิอากาศเหมาะแก่การปลูกกัญชาดีที่สุดของโลกขาดโอกาสทั้งในทางเศรษฐกิจ ในทางการแพทย์ และในการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างน่าเสียดายและน่าละอายใจอย่างยิ่ง
ส่วนการฝึกอบรมสัมมนาในเรื่องนี้นั้น ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องการจัดชุมนุมหรือก่อความวุ่นวายใดๆ เพราะเป็นเรื่องการให้ความรู้ทางวิชาการแก่บุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนสาหัสโดยไม่มีความหวังใดๆ ในชีวิตอีกแล้ว นอกจากแสงอันริบหรี่จากการใช้ยาที่สกัดจากกัญชาในการยืดชีวิตเท่านั้น
แค่จะเรียนรู้ แค่จะรู้จักวิธีรักษาตัวในวาระสุดท้ายของชีวิต จะเป็นการจัดชุมนุมหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศได้อย่างไร? นี่แหละคือเหตุแห่งวิกฤติของชาติที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 คือการบิดเบือนการใช้อำนาจสถานหนึ่ง และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนทุกข์เข็ญของอาณาประชาราษฎรอีกสถานหนึ่ง
เหล่านั้นคาบเกี่ยวกับเรื่องของความเป็นธรรมและมนุษยธรรมที่มนุษย์ควรมีต่อมนุษย์โดยไม่เลือกสี ไม่เลือกฝ่าย ไม่เลือกศาสนาหรือวัฒนธรรม
แต่ในทางกฎหมายนั้นก็มิใช่ว่าจะไม่มีหลักกฎหมายที่จะถือเป็นหลักในการประสาธน์ความยุติธรรมให้แก่ราษฎรเสียทีเดียว เพราะในเรื่องนี้กฎหมายในส่วนอาญาก็บัญญัติไว้ชัดเจน แม้ในทางแพ่งก็บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือเรื่องการกระทำความผิดโดยจำเป็น
มีบทบัญญัติทั้งทางแพ่งและทางอาญาตรงกันเป็นหลักอย่างเดียวกันว่า ในกรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ เพื่อจะรักษาชีวิตให้รอดพ้นจากอันตราย การกระทำใดของบุคคลในเรื่องนี้กฎหมายไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิด ในบางกรณีกฎหมายให้ถือว่าไม่ต้องรับโทษ
ดังนั้นผู้ใช้กฎหมายที่มีจิตวิญญาณแห่งความยุติธรรมอยู่ในตน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ศาล หรือเจ้าหน้าที่ใดๆ จึงต้องตระหนักรู้ในเรื่องนี้ มิฉะนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นการทำผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นการไร้มนุษยธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างร้ายแรงอีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี