ผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ควันหลงของการเลือกตั้งก็ยังอยู่ในกระแส เพราะสังคมไทยกำลังใจจดใจจ่อ รอลุ้นว่านโยบายพรรคที่หาเสียงเอาไว้จะทำได้จริงอย่างที่สัญญาไว้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรชาวไร่ผู้มีรายได้น้อย ที่ตั้งใจไปเลือกคนที่รัก-พรรคที่ชอบ ให้เข้าไปทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์และดูแลทุกข์สุขปากท้องให้กับตัวเอง
ในขณะที่ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรายชื่อ สส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ เป็นทางการภายในวันที่ 9 พฤษภาคม และการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ แถมยังมีอีกหลายตัวแปรที่อาจทำให้เกิดการพลิกผัน
แต่ปัญหาปากท้องและความเดือดร้อนของเกษตรกรเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงยกให้เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่ต้องดูแลควบคู่กับการดูแลค่าครองชีพ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้ประชาชน และกระตุ้นกำลังซื้อ ที่สำคัญคือรัฐบาลนี้ยังเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มไม่ใช่รัฐบาลรักษาการจึงสามารถดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่อไปได้ โดยไม่ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เข้าทำงาน พรรคพลังประชารัฐซึ่งมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลจึงมีโอกาสที่จะสานต่อนโยบายต่างๆ ได้อย่างสะดวก
แถมพรรคพลังประชารัฐซึ่งได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากเสียงของพี่น้องประชาชนและมีแนวโน้มเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ออกมาย้ำว่า พร้อมเดินหน้าทุกนโยบายหาเสียงและไม่เบี้ยวแน่นอน โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร การดูแลพืชผลทางการเกษตร ทำให้เราอาจได้เห็นสัญญาณดีๆ จากสินค้าเกษตรทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ และมันสำปะหลัง ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในเดือนเมษายน
แต่ที่ยังน่าห่วงคือสถานการณ์ของชาวไร่ยาสูบ กว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อน รายได้หดหาย กลายเป็นหนี้เพิ่มขึ้น จากการที่โดนตัดโควตารับซื้อใบยาจากการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เมื่อปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากผลพวงของการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตในเดือนกันยายน 2560 ที่ทำให้ยอดขายของทั้งอุตสาหกรรมหดตัวลงกว่า 50% และข่าวว่าปีนี้ ยสท. อาจประกาศโควตาช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะรับซื้อได้แค่ไหน เพราะกระทรวงการคลัง ประกาศเตรียมขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่อีกระลอก เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 40 สำหรับบุหรี่ที่มีราคาไม่เกิน 60 บาท ในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 นี้ทำให้บุหรี่ราคา 60 บาท ต้องปรับราคาสูงขึ้นอีกไปเป็น 93 บาท ซึ่งกระทบยอดขายของ ยสท. และ ยสท. ได้ออกตัวแล้วว่าหากมีการขึ้นปรับอัตราภาษีขึ้นจริงๆ ในเดือนตุลาคมนี้ ยสท. ก็อาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ เพราะเท่าที่มีในสต๊อกตอนนี้ก็เพียงพอสำหรับการผลิตไปได้อีก 3-5 ปี
ความหวังของชาวไร่ยาสูบจึงฝากไว้ที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ทั้งกอบศักดิ์ ภูตระกูล และสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ก่อนหน้าการเลือกตั้งเคยรับปากจะดูแลชาวไร่ยาสูบและทบทวนเลื่อนการขึ้นภาษีบุหรี่ 40% ออกไปก่อนและนี่จะเป็นโอกาสในการแสดงความตั้งใจจริงในการดำเนินโครงการและนโยบายที่พรรคใช้หาเสียงไว้ให้ประชาชนได้เห็นอย่างจริงจังเพราะเรื่องปากท้องเกษตรกรชาวไร่แบบนี้ ถ้าทำได้จริงและทำได้เร็วเท่าไหร่ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อพรรคและต่อรัฐบาลย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ที่กลัวอย่างเดียวคือว่าเมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้วจะลืมว่าเคยพูดไว้อย่างไร ทำให้นโยบายหาเสียงของนักการเมืองไทยยังเป็นสัญญาลมๆ แล้งๆเช่นเคย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี