สหรัฐเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และผงาดขึ้นเป็นขั้วอำนาจหนึ่งในสองของโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สองครั้นสหภาพโซเวียตล่มสลายลง สหรัฐก็มีฐานะเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของโลก
ความเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวทำให้สหรัฐต้องรับภารกิจเสมือนหนึ่งเป็นตำรวจโลกที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับประเทศต่างๆทั่วโลก
เรื่องใดที่เห็นว่าจะต้องทำ สหรัฐก็มีบทบาทในการทำให้ประเทศเหล่านั้นต้องทำตามในสิ่งที่สหรัฐเห็นว่าดีและต้องทำ เรื่องใดที่เห็นว่าทำไม่ได้ สหรัฐก็มีบทบาทในการทำให้ประเทศเหล่านั้นต้องระงับยับยั้ง หรือยกเลิกการปฏิบัติทั้งหลาย
จนทำให้บทบาทของสหรัฐเท่ากับหรือเหนือกว่าสหประชาชาติไปโดยปริยาย และส่งผลให้องค์กรของสหประชาชาติ ตลอดจนองค์กรชำนัญต่างๆ ปฏิบัติการทั้งหลายในทิศทางที่สอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐจนเป็นที่เห็นประจักษ์กันทั่วทั้งโลก
แต่การระหว่างประเทศนั้นจะใช้แต่การพูดปากเปล่านั้นไม่ได้ จะต้องมีแสนยานุภาพเป็นกำลังหนุนหลังเพื่อทำให้สิ่งที่เจรจานั้นบังเกิดเป็นมรรคผล เพราะเหตุนี้สหรัฐจึงจำเป็นต้องขยายเครือข่ายแสนยานุภาพอย่างยิ่งใหญ่ในทั่วทุกพื้นที่ของโลก
เคยมีรายงานข่าวระบุว่า ได้มีการจัดตั้งฐานทัพหลัก ฐานทัพรอง ฐานทัพย่อย และกองกำลังระดับต่างๆ ในประเทศต่างๆ จำนวนมากเป็นจำนวนถึง 800 แห่ง ที่สหรัฐมีหน่วยทหารประจำอยู่ นั่นเป็นการจัดวางกำลังทางบกเพื่อประสานปฏิบัติการทางแสนยานุภาพของสหรัฐ และเป็นเหตุให้สหรัฐต้องส่งทหารเข้าไปประจำในประเทศนั้นๆ เป็นจำนวนมาก และต้องจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เครื่องใช้เป็นจำนวนมากไปประจำ ตลอดจนการซ่อมบำรุง และปรับปรุงพัฒนาให้ทันสมัยอยู่เสมอด้วย
ในส่วนกำลังทางนาวี หรือสมุททานุภาพนั้น สหรัฐก็ได้ตั้งกองเรือขึ้นถึง 10 กอง เพื่อควบคุมดูแลน่านน้ำและมหาสมุทรต่างๆ ของโลก โดยวางบทบาทให้กองเรือที่ 7 รับผิดชอบภาคพื้นแปซิฟิก ไปเชื่อมต่อกับบทบาทของกองเรือที่ 6 ที่รับผิดชอบตั้งแต่มหาสมุทรอินเดีย ไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและฝั่งตะวันออกของอังกฤษ เชื่อมโยงเข้ากับบทบาทของกองเรือที่ 5 ที่รับผิดชอบภาคพื้นแอตแลนติก ตั้งแต่เกาะอังกฤษไปจนถึงน่านน้ำด้านตะวันออกของทวีปอเมริกา
และเพื่อคุ้มครองป้องกันประเทศสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือให้ปลอดภัย ก็มีการจัดตั้งกองเรือที่ 1,2,3,4 และ 8,9,10 ให้รับผิดชอบ 2 ฝั่งฟากมหาสมุทรของประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย
สมุททานุภาพของสหรัฐดังกล่าวนี้เป็นแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่เคยมีชาติใดทำได้มาก่อนเลย แต่การดำรงรักษาสมุททานุภาพนี้ไว้ก็ก่อภาระอันยิ่งใหญ่ให้กับสหรัฐด้วย นั่นคือการเสริมสร้างและพัฒนากองเรือทั้งใต้น้ำ ผิวน้ำ ตลอดจนเครื่องบินประเภทต่างๆ สำหรับใช้ในภาคพื้นมหาสมุทรและน่านน้ำต่างๆซึ่งจำเป็นจะต้องซ่อมบำรุงให้ทำการได้ดีอยู่เสมอ และยังต้องปรับปรุงพัฒนาให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ
ที่สำคัญก็คือ กำลังคนอันประกอบขึ้นแห่งสมุททานุภาพนั้นก็ใช้กำลังทหารธรรมดาไม่ได้ ต้องเป็นหน่วยพิเศษที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นพิเศษและเครื่องมือเครื่องใช้เป็นพิเศษ จึงต้องมีค่าใช้จ่ายสูงสุดเป็นพิเศษด้วย
ด้วยแสนยานุภาพทั้งภาคพื้นดินและภาคพื้นมหาสมุทรน่านน้ำต่างๆ ดังกล่าวนั้น ด้านหนึ่งได้ทำให้แสนยานุภาพของสหรัฐยิ่งใหญ่เกรียงไกร แต่อีกด้านหนึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องบำรุงเลี้ยงกองทัพเพื่อดำรงรักษาศักยภาพของแสนยานุภาพนี้ไว้ก็มากมายหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าภาระค่าใช้จ่ายทางการทหารใดๆ ที่เคยมีมาในโลกนี้
และค่าใช้จ่ายมหาศาลนี้ก็ไม่ปรานีแก่ผู้ใดหรือประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ยิ่งมีการขยายตัวของแสนยานุภาพเท่าใด ยิ่งระยะเวลาการดำรงอยู่ของแสนยานุภาพนี้ยาวนานเท่าใด ภาระรายจ่ายทางงบประมาณก็มากล้นพรรณนาเท่านั้นด้วย
สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงแล้วกว่าครึ่งศตวรรษมาจนถึงทุกวันนี้ย่อมหมายความว่า ภาระรายจ่ายทางการทหารของสหรัฐซึ่งนอกจากจะเพิ่มขึ้นเป็นรายปีจำนวนมหาศาลแล้วยังมียอดรวมอาจจะมากกว่าทรัพย์สินของประชากรทั่วโลกหลายเท่า
และนั่นก็หมายถึงภาระรายจ่ายและความสูญเสียทางเศรษฐกิจของสหรัฐด้วย วันเวลาได้พร่าความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งของสหรัฐลงไปโดยลำดับ การจัดเก็บภาษีเพื่อนำรายได้มาบำรุงเลี้ยงกองทัพก็เพิ่มขึ้นจนเกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง ดังนั้นเพื่อเอาใจประชาชนและเพื่อสร้างความนิยมจึงมีการนำนโยบายประชานิยมมาใช้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีนิกสันเป็นต้นมา
ชาวอเมริกันต้องแบกรับภาระภาษีที่สูงที่สุดของโลกต่อเนื่องยาวนาน จนกระทั่งมีความรู้สึกอย่างเดียวกันว่า ทุกรายได้ที่ได้มาต้องชำระค่าภาษีมากกว่าเงินที่คงเหลือ แม้เงินที่คงเหลือก็จะต้องถูกจัดเก็บภาษีในรูปแบบต่างๆ ต่อไปอีก จึงก่อให้เกิดทัศนะที่ทำลายล้างการออมอย่างสิ้นเชิง ใครมีเงินทองเท่าใดก็รีบจับจ่ายใช้สอยหาความสุขใส่ตัว ซึ่งผลแท้จริงก็คือการทำลายความมั่งคั่งของชาตินั่นเอง
ในที่สุดชาวอเมริกันก็มีหนี้สินล้นพ้นตัว ก่อหนี้สินกันระเบิดเถิดเทิง ถึงกับมีรายงานเกี่ยวกับหนี้สินของชาวอเมริกันว่า จากสภาพรายได้ที่เป็นอยู่นั้น จะต้องใช้เวลาถึง 120 ปี จึงจะชำระหนี้ได้หมดสิ้น ในขณะที่ระดับประเทศก็กำลังตกอยู่ในสภาพล้มละลาย เกิดสภาวะขาดแคลนเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายเป็นระยะๆ ทำให้ต้องปิดทำการหน่วยงานของรัฐ หรือที่เรียกว่า Shutdown บ่อยครั้ง
ฐานะการเงินการคลังของสหรัฐกลายเป็นประเทศหนี้สินมากที่สุดในโลก และตกอยู่ในสภาพใกล้ล้มละลาย ที่สำคัญคือตกอยู่ในสภาพใกล้ล้มละลายทั้งระดับประเทศและประชาชนด้วย ในที่สุดเมื่อหาเงินมาใช้จ่ายตามงบประมาณไม่ได้ สหรัฐก็จำเป็นต้องตัดงบประมาณจำนวนมากลงอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
และแน่นอนว่าย่อมมีการตัดงบประมาณทางทหารด้วย โดยมีการตัดงบประมาณทางทหารไปแล้วสองครั้ง ครั้งละ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าเป็นการตัดงบประมาณทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ และส่งผลอย่างสำคัญที่ทำให้การพัฒนากองทัพต้องชะลอตัวลง เป็นผลให้การพัฒนาแสนยานุภาพของกองทัพรัสเซียและจีนก้าวรุดหน้าจนกระทั่งว่ากันว่าเทียบทันหรือล้ำหน้ากว่าสหรัฐไปแล้ว
นักยุทธศาสตร์ได้เคยวิเคราะห์ว่า ถ้าหากสหรัฐต้องตัดงบประมาณทางทหารครั้งที่สามในระดับ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกเพียงครั้งเดียว แสนยานุภาพของสหรัฐก็จะถดถอยจนกระทั่งต้องถอนกลับประเทศ ดังเหตุการณ์เมื่อยุคสมัยประธานาธิบดีมอนโรก็ได้
สภาพที่ขาดงบประมาณดังกล่าวนั้นทำให้สมุททานุภาพของสหรัฐอ่อนด้อยลงมาก กองเรือโดยทั่วไปขาดการบำรุงแม้เครื่องบินประจำเรือและฐานทัพต่างๆ จำนวนมากก็ขาดอุปกรณ์ซ่อมบำรุงและต้องจอดนิ่งอยู่กับที่จำนวนมาก ซึ่งเป็นสภาพที่ยังคงเดินหน้าต่อไป ในที่สุดก็ไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นประการใด
การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้ประธานาธิบดีมีอำนาจในการโอนย้ายงบประมาณโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา เพียงเพื่อจะโอนงบประมาณของกองทัพจำนวน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปใช้ในการก่อสร้างกำแพงกั้นเขตแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ทำให้กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้จับไต๋ได้
ไม่ต่างอันใดกับสภาพที่สุมาอี้จับไต๋ได้ว่า กองทัพของขงเบ้งที่ยกไปตีแคว้นเว่ยขาดเสบียงอาหาร ดังนั้นการขยายพื้นที่ความขัดแย้งของสหรัฐในปริมณฑลต่างๆ ทั่วโลกจึงไม่มีผู้ใดยำเกรงอีกต่อไป
เพราะแค่งบประมาณ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังขาดแคลน สำมะหาอะไรกับการเผชิญหน้ากับแสนยานุภาพในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก
นี่คือสภาพการณ์ที่เป็นไปในโลกทุกวันนี้ และกำลังเป็นต้นเหตุของความเปลี่ยนแปลงใหญ่ของโลกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี