ผู้ศึกษาวิชารัฐศาสตร์ย่อมทราบดีว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น เครื่องมือสำคัญที่สุดของการปกครองระบอบนี้คือ “พรรคการเมือง” เพราะพรรคการเมืองเป็นองค์กรสำคัญที่สุดซึ่งใช้อำนาจแทนประชาชนที่เป็นสมาชิกของพรรค ฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าทุกประเทศที่มีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงพรรคการเมืองจะมีบทบาทสำคัญต่อการปกครองแต่มีปัญหาถกเถียงกันในหมู่นักรัฐศาสตร์ว่าในประเทศหนึ่งนั้นควรมีพรรคการเมืองจำนวนเท่าใด ผลสรุปออกมาว่า ย่อมขึ้นอยู่กับสภาพและเหตุการณ์ตลอดจนวิวัฒนาการของสถาบันการเมืองแต่ละแห่ง
พรรคการเมืองอาจหมายถึงกลุ่มสังคมทางการเมืองหรือเป็นเครื่องมือในการรวมกันทางการเมืองมีตัวแทนของกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองคล้ายๆ กัน พรรคการเมืองเป็นองค์กรที่รับสมาชิกมีผู้นำพรรคและกรรมการพรรค พรรคการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตยมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ คือ เข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศโดยวิถีทางของการแข่งขันกับกลุ่มอื่นในระบบเลือกตั้งเป็นที่สำหรับสมาชิกของพรรคแสดงความคิดเห็นและอิทธิพลโดยผ่านพรรค เป็นองค์กรสำหรับเลือกหัวหน้าพรรคและคณะบริหารโดยผ่านขบวนการประชาธิปไตย จุดมุ่งหมายในการเลือกผู้นำพรรคการเมืองหลายพรรคก็ตาม แต่มักจะมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่เพียง 2 หรือ 3 พรรคเท่านั้น พรรคการเมืองของประเทศไทยเกิดจากอุดมการณ์ทางการเมืองน้อยมากและมักจะล้มหายตายจากเนื่องจากเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร พรรคการเมืองที่อยู่ยงคงกระพันกับการเมืองของประเทศไทยตลอดมา คือ พรรคประชาธิปัตย์ แม้กระนั้นการแตกแยกของสมาชิกของพรรคนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่พรรคก็คงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันสาเหตุที่สมาชิกชั้นนำของพรรคต้องออกจากพรรคไปตั้งพรรคใหม่หรือไปร่วมกับพรรคการเมืองอื่นเกิดจากสาเหตุ 3 ประการ คือ 1. ความคิดเห็นทางการเมือง 2. ถูกชักชวนด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ และ 3. เป็นความเห็นต่างส่วนบุคคล ส่งผลให้พรรคเกิดมรสุมเป็นครั้งคราว แต่ก็คงดำรงอยู่ตลอดมา ส่วนพรรคคู่แข่งมักจะเป็นพรรคเฉพาะกิจหรือล้มหายตายจากไปตามสภาพทางการเมืองที่เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ดี การเริ่มต้นหลังจากการรัฐประหารครั้งนี้ก่อให้เกิดพรรคการเมืองจำนวนมากที่สุด แต่มีพรรคใหญ่ๆ และขนาดกลางไม่กี่พรรคจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเป็นหัวหน้ารัฐบาลไม่ใช่เพื่อควบคุมพรรคแต่เมื่อพรรคได้เป็นรัฐบาลบทบาทหัวหน้าพรรคเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยจะเป็นผู้แสดงบทบาทเป็นผู้นำของประเทศนั่นหมายถึงเขาจะต้องเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้นำที่ไม่ใช่เฉพาะผู้นำของพรรคเท่านั้น
ระบบพรรคการเมืองที่มีอยู่ในโลกนี้มี 3 ระบบ คือ ระบบพรรคเดียว ระบบสองพรรค และระบบหลายพรรค
1. ระบบพรรคเดียว คือ ระบบเผด็จการ หรือในประเทศที่มีพรรคการเมืองใหญ่พรรคเดียวและมีพรรคเล็กๆ หลายพรรคก็ได้
2. ระบบสองพรรค เช่นเดียวกันในประเทศหนึ่งอาจมีพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค ที่เหลือเป็นพรรคเล็กๆ เป็นเพียงไม้ประดับ
3. ระบบหลายพรรค เกิดจากวิวัฒนาการทางการเมืองโดยมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่หลายพรรค หรืออาจมีพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กรวมกลุ่มกันและเนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองมีมากกว่า 2 กลุ่ม จึงเกิดพรรคการเมืองที่ 3 หรือมากกว่าที่รวมตัวกัน
สำหรับพรรคการเมืองของประเทศไทยนั้นในอดีตนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นการปกครองที่เรียกว่าประชาธิปไตยนั้น ไม่มีพรรคการเมืองดำรงอยู่อย่างมั่นคงและถาวรคู่กับการเมืองของประเทศไทย ยกเว้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่แม้จะมีสมาชิกแยกตัวออกไปหลายครั้งแต่พรรคคงยังดำรงอยู่ตราบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า 70 ปี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี