พระต้องเป็นพระ วัดต้องเป็นวัด
ยุคนี้ จะปฏิบัตินอกรีต นอกพระธรรมวินัย หาได้ไม่
ยิ่งถ้าถึงขนาดละเมิดกฎหมายบ้านเมือง อาศัยผ้าเหลืองฟอกเงิน ทุจริตคดโกง ยิ่งสมควรจะถูกกำจัดออกไปจากพระพุทธศาสนา ดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
1. เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2562 ศาลปราบโกง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงินทอนวัด กรณีพระครูกิตติ พัชรคุณ อดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค หรือนายสมเกียรติ ขันทอง เป็นจำเลย
พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดฐานฟอกเงิน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษ 13 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 26 ปี
น่าสนใจว่า คดีนี้ “พระครูกิตติ” ถูกฟ้องว่าร่วมกันกับ “นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยรายหลังนี้หลบหนี อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ศาลออกหมายจับแล้ว คาดว่าคงจะหนีไปแล้วไปลับไม่กลับมา
เหตุที่คดีนี้ มีความผิดหลายกระทง ก็เพราะพฤติกรรมมีการวางแผนยักย้าย-ถ่ายโอนเงินทอนวัด 12 วัด
อาทิ ร่วมกันเบียดบังเงินส่วนที่ให้กับวัดในเขต จ.เพชรบูรณ์, ตาก, นครสวรรค์, ชุมพร ไป โดยร่วมกับนายนพรัตน์ ที่ได้จัดสรรงบ พศ.มาให้กับวัด 12 วัด ทั้งที่ความจริงแล้วแต่ละวัดไม่ได้ทำคำของบประมาณแต่อย่างใด แต่นายนพรัตน์กลับให้นำบัญชีของวัดมาเพื่อจะโอนเงินเข้าบัญชีแต่ละวัดนับล้านบาท โดยเมื่อโอนเงินแล้วให้แต่ละวัดโอนเงินกลับส่งคืนให้จำเลย เพื่อส่งต่อให้นายนพรัตน์ โดยอ้างว่า จะนำไปให้วัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ไม่มีการนำไปดำเนินการดังกล่าวจริง และจำเลยได้นำเงินมาแบ่งปันกัน และบางส่วนจำเลยนำมาให้จ่ายส่วนตัว เช่น อ้างว่าได้พาพระและสามเณรไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดียและเนปาล
รายนี้ ยังคดีล่วงละเมิดผู้หญิงรอพิพากษาอยู่อีก ยังไม่แน่ว่าจะได้ประกันตัวออกไปหรือไม่
2. กรณีอดีตพระพรหมเมธี (จํานงค์ เอี่ยมอินทรา)
เป็นอีกคนที่อาศัยผ้าเหลืองฟอกเงิน แล้วถูกดำเนินคดี แต่หลบหนีหมายจับอยู่
มีพระราชโองการฯ ให้ถอดถอนสมณศักดิ์ไปแล้ว
เคยเป็นถึงโฆษกกรรมการมหาเถรสมาคม
เป็นผู้นิยมธัมมชโยสุดลิ่ม เคยเข้าไปร่วมงานวันเกิดธัมมชโยที่วัดพระธรรมกายเป็นประจำ และยังได้เคยใช้สถานะโฆษกมหาเถรสมาคม ออกมาแถลงฟอกคดีธัมมชโย และบอกปัดข้อเสนอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของมหาเถระในยุคนั้น โดยอ้างว่า การตรวจสอบว่าพระมีเงินอยู่เท่าไหร่ เป็นการตรวจสอบศรัทธาของญาติโยม !!!
คดีฟอกเงินของรายนี้ เกี่ยวกับงบอุดหนุนด้านโรงเรียนพระปริยัติธรรม ช่วงปี 2557 ระหว่างที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้อนุมัติงบ 5 ล้านบาท มอบให้นายบุญเลิศ โสภา ที่ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษาขณะนั้น นำส่งเข้าบัญชีวัดสัมพันธวงศารามฯ ทั้งๆ ที่ วัดนั้นไม่มีโครงการโรงเรียนพระปริยัติธรรม จากนั้น มีการโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตพระพรหมเมธี 5 ล้านบาท แล้วยังมีพฤติการณ์โยกเงินจากบัญชีแรกไปเข้าบัญชีที่สองของตัวเอง จำนวน 3.5 ล้านบาท ต้องข้อหาฟอกเงิน และสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่มิชอบของเจ้าพนักงานที่ยักยอกทรัพย์
เป็นหนึ่งในคนที่ถูกปปง.ได้เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดทรัพย์ โดยคณะกรรมการธุรกรรม มีคำสั่งที่ ย.82/2561 อายัดทรัพย์สินประเภทเงินฝากอดีตพระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินงบประมาณอุดหนุนบูรณะซ่อมแซม เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม และเพื่อการเผยแผ่ดำเนินกิจกรรมทางศาสนา (เงินทอนวัด) จำนวน 4 ราย ได้แก่ 1.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมเมธี พระพรหมดิลก พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด วงศ์ชะอุ่ม) รวมทั้งสิ้น 10 บัญชี เป็นเงิน 134,793,505 บาท
ทั้งหมด เชื่อว่าเป็นเพียงเงินส่วนน้อยที่ติดตามอายัดไว้ได้
3. กรณีขบวนการผ้าเหลืองฟอกเงิน โกงเงินทอนวัด ยอดรวมหลายร้อยล้านบาท
ยังมีคนในผ้าเหลืองถูกดำเนินคดีอีกหลายราย ร่วมกับอดีต ผอ.พศ. ข้าราชการกังฉิน
หลายคดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว คาดว่าคงจะทยอยมีคำพิพากษาออกมาไม่ช้านาน เพราะศาลปราบโกงที่ตั้งขึ้นมาในยุคนี้ ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพมาก เป็นที่น่าชื่นชม และเป็นคุณประโยชน์แก่แผ่นดินอย่างยิ่ง
4. กรณีอดีตพระธัมมชโย
เป็นอีกคนที่อาศัยผ้าเหลืองฟอกเงิน แล้วถูกดำเนินคดี แต่หลบหนีหมายจับอยู่
แต่รายนี้ ไม่เกี่ยวกับเงินอุดหนุนวัด ทว่าเกี่ยวกับเงินโกงสหกรณ์ฯคลองจั่น
ก่อนหน้านี้ มีหมายจับออกมาถึง 3 หมาย ประกอบด้วย
หมายจับของศาลอาญา ข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จากการรับเช็คหลายฉบับจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น อดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย
หมายจับของศาลจังหวัดเลย กรณีวัดป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย บุกรุกป่า
และหมายจับของศาลจังหวัดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา กรณีศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ บุกรุกพื้นที่ป่า
มีพระราชโองการฯ ให้ถอดถอนสมณศักดิ์ไปแล้ว
ขณะนี้ อดีตพระธัมมชโยยังหลบหนีอยู่
นอกจากคดีเหล่านี้ ยังปรากฏว่า มีการสอบสวนดำเนินคดีเกี่ยวกับมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่ทำหน้าที่เสมือนท่อน้ำเลี้ยงในการจัดสรรจัดการเงินธรรมกาย ผ่านโครงการต่างๆ
โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ถูกจัดการโดยมูลนิธินี้ มูลค่ารวมมากกว่าหมื่นล้านบาท อาทิ โครงการ World Peace Valley เขาใหญ่ รวมถึงสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆ ทั้งหลายอีกมากมาย
ที่ผ่านมา แต่ละปี มูลนิธิ มีปริมาณเงินสดจำนวนมาก
บางปี เกือบ 3,000 ล้านบาท
เงินมาจากไหน? เงินโกงสหกรณ์ฯคลองจั่นบางส่วนไหลเข้ามาที่บัญชีมูลนิธิ และไหลไปไหนต่อไหน?
คล้ายเป็นกล่องดำของมหาอาณาจักรธรรมกาย
ขณะนี้ มีการดำเนินคดีฟอกเงินกับอดีตผู้บริหารมูลนิธิด้วย และมีการร้องให้ยื่นศาลมีคำสั่งเลิกกิจการมูลนิธิ เนื่องจากกระทำผิดกฎหมาย ผิดวัตถุประสงค์มูลนิธิ ซึ่งหากศาลสั่งให้เลิกกิจการ ทรัพย์สินก็จะตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินส่วนรวมต่อไป
5.ทั้งหมดทั้งปวง หากกระบวนการยุติธรรมตั้งแต้ต้นธาร ทำงานอย่างเด็ดขาด แม่นยำ มีประสิทธิภาพ เชื่อว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้พ้นจากคนทุจริตที่อาศัยผ้าเหลืองฟอกเงินทุจริต
หากใครพยายามตะแบงอุ้ม ถ่วงเวลาช่วยเหลือ หวังผลประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตาม แม้จะอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็ควรจะถูกล้างบางด้วยอย่างเด็ดขาด
จะนับเป็นบุญแก่แผ่นดิน เป็นสิริมงคลแก่ประเทศไทยยุคใหม่
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี