ร้อนบ้านเมือง
หน้าร้อนปีนี้ ดูจะหนักหนาสาหัส เมื่อวันพฤหัสบดี-ศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญให้ไปช่วยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ประชาคมคนอุตรดิตถ์ เพื่อสร้างระบบรองรับสังคมสูงวัย อากาศก็ร้อนอบอ้าวมาก คนอุตรดิตถ์ภาวนาอยากให้มีฝนตกเพื่อให้เย็นชุ่มฉ่ำหัวใจสักนิด ทุเรียน ผลไม้ที่กำลังจะได้ผลจะได้ไม่เสียหาย แต่ระหว่างที่อยู่อุตรดิตถ์ก็มีลมฝนมา แต่แล้วก็มีฝนตกเพียง 8 เม็ด กระจกหน้ารถยังไม่เปียกก็หยุดเสียแล้ว
กลับมากรุงเทพฯ พาสุนัข 2 ตัว (เจ้ากาแฟ กับเจ้าน้ำชา) ไปฉีดวัคซีน ที่คลินิกสัตวแพทย์ พบว่า มีสุนัขเป็นโรคฮีทสโตรก หรือลมร้อน เข้ามารักษาหลายตัว บางตัวนอนมาเกือบไม่รู้สึกตัว เจ้าของต้องเอาผ้าเย็นโปะ และอุ้มเข้าไปหาแพทย์
คนกรุงที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือได้อาบน้ำเป่าพัดลม หรือคนชนบทได้แช่น้ำในห้วยหนองคลองบึง และอยู่ในท้องทุ่ง ใต้ร่มไม้ ลมจากทุ่งก็พอจะช่วยคลายร้อนได้บ้าง
ทุกบ่ายที่อากาศร้อนจัด ติดต่อมาเป็นสัปดาห์ ผมนึกถึงแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 6 คน ที่ติดอยู่ในคุก ว่าพวกเขาจะร้อนขนาดไหน เพราะต้องอยู่ในที่แออัด เฉพาะส่วน ต้องเข้าเรือนนอนตอนบ่ายสามโมงครึ่ง กว่าจะได้ออกมาก็ยามเช้า
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 80 กว่าแล้ว คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข คุณพิภพ ธงไชย อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ทั้ง 4 คน แต่ละคนอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว จะอายุน้อยสุด ก็ ดร.สุริยะใส กตะศิลา ที่มีอายุเกือบ 50 ปี
ผมอดสงสัยไม่ได้ ในภาพรวมของความเป็นธรรม และระบบยุติธรรมในสังคมไทย เพราะในหลักการของคนที่อยู่ ร่วมกันในสังคม ผู้ที่ทำผิดคิดร้ายต่อสังคม หาประโยชน์ใส่ตนด้วยการกระทำที่กระทบต่อคนอื่นในสังคม สังคมก็เลยวางกำหนดกฎเกณฑ์ให้เอาตัวไปกักขังไว้ เพื่อจะได้ไม่ทำร้ายสังคม และขณะเดียวกันก็ให้การศึกษา ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก่อนจะปล่อยมาอยู่กับสังคม
แต่ผมเห็นว่าแกนนำ พธม. ทั้ง 6 คน ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายต่อสังคม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพรรคพวก และที่ทำผิดกฎเกณฑ์ไปบุกรุกสถานที่ราชการก็ด้วยสถานการณ์และความมุ่งหมายที่ดี จะบอกว่าทำผิดในแง่ของการบุกรุก การละเมิดพื้นที่ ก็คงจะได้ แต่ถ้าพิจารณาภาพรวมก็คงจะเห็นเจตนา
สังคมจะไม่มีกลไกเยียวยา รักษาผู้มีเจตนาที่ดีต่อสังคมบ้างเลยหรือ กักขังตัวเขาไว้ก็ไม่ได้ช่วยให้สังคมดีขึ้น
เพราะคนพวกนี้ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมคิดร้ายต่อสังคม จะกักขังไว้เพื่อเปลี่ยนนิสัย สันดาน หรือให้การศึกษาใหม่ ก็คงไม่น่าจะใช่ และไม่เกิดผลอะไรที่ดีขึ้น
ในฐานะที่เป็นนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เคยมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญ ดูภาพรวมของสังคมไทยในเรื่องนี้แล้ว คิดว่าประเทศควรต้องมีทางออก เพื่อเยียวยาแก้ไข
เกรงว่า นอกจากสังคมจะตอบแทนคนเหล่านี้ด้วยการจองจำ ขาดอิสรภาพ ทรมานในคุกที่ร้อนระอุ ต่อไปคนอื่นๆ ที่คิดจะทำประโยชน์เพื่อสังคมก็จะรู้สึกท้อถอย
เพราะเห็นตัวอย่างและผลที่เกิดขึ้น
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 27 เม.ย. 2562 ผมจึงได้เข้าเยี่ยมแกนนำพันธมิตรฯ ที่เรือนจำ มีโอกาสได้พบแกนนำพันธมิตรฯ 2 คน คือ อาจารย์พิภพ ธงไชย และ ดร.สุริยะใส กตะศิลา
ได้รับรู้ว่า ทั้ง 2 ท่าน ถูกขังอยู่ในเรือนนอน ที่ตั้งอยู่ตรงกลางอาคาร มีนักโทษในห้องรวมกัน 90 คน การที่ต้องเข้าห้องในเรือนนอนตั้งแต่บ่าย 3 โมงครึ่ง ขณะที่อากาศภายนอกร้อนจัด การมีพัดลมก็ช่วยได้บ้าง แต่ไม่มากนัก นอนกลางคืนต้องตื่นขึ้นมาเพราะเหงื่อท่วมกาย
อาหารที่ได้กินก็ไม่ถูกปาก ไม่ถูกรสชาติสำหรับอาจารย์พิภพ ทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปกว่า 4 กก. และระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นมากว่า 160 หรือที่เรียกว่าเบาหวานสูง
อาจารย์สุริยะใส คุณสมศักดิ์ และอาจารย์สมเกียรติ ก็พอจะกินได้ แต่ พล.ต.จำลอง และอาจารย์สมเกียรติ ก็มีปัญหาด้านสุขภาพอย่างมาก
สังเกตเห็นอาจารย์พิภพและสุริยะใส มีสุขภาพจิตดี ความคิดแจ่มใสดี ได้เล่าให้ฟังว่า ระบบการบริหารจัดการและเจ้าหน้าที่เรือนจำค่อนข้างดี เข้ามาอยู่หลายเดือน ยังไม่ได้ยินเสียงผู้คุมตวาดนักโทษคนใดเลย ไม่เคยเห็นการทะเลาะวิวาทของนักโทษ ซึ่งก็เป็นข่าวดีเล็กๆ ที่พอให้ได้ยินดีชื่นใจบ้าง
ได้รับรู้ความรู้สึกที่ได้พูดคุยกับทั้ง 2 ท่าน รู้สึกว่าแกนนำพันธมิตร รวมทั้งนักโทษอื่น ต่างตั้งความหวัง เฝ้ารอ การอภัยโทษในโอกาสที่บ้านเมืองจะเปลี่ยนผ่านสู่ฟ้าใหม่ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่จะได้พระมหากรุณาธิคุณและพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ ได้ปัดเป่าทุกข์ยาก ให้ความร้อนที่สุมระอุได้คลายลง
ผมเชื่อว่า พวกเราที่อยู่นอกเรือนจำ ก็คงจะร่วมจิตอธิษฐาน ให้ความหวังนั้นเป็นจริง และถือเป็นพระบารมีที่ให้ความร่มเย็นแก่ผู้ตั้งใจทำดีกับสังคม อันจะจารึกอยู่ไม่ลืมเลือนตลอดไป
ร้อนการเมือง
อากาศร้อน การเมืองในปัจจุบันก็เพิ่มอุณหภูมิร้อนขึ้น เมื่อปรากฏมีผู้สมัคร สส.จำนวนมาก ขาดคุณสมบัติ คาดกันว่า หากตรวจต่อไปก็จะพบมากเป็นจำนวนร้อยคน เราคงจะได้เลือกตั้งใหม่เพราะเหตุนี้กระมัง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อ้างรู้ว่ากฎหมายห้ามผู้สมัครมีหุ้นหรือเป็นเจ้าของสื่อทุกประเภท จึงได้โอนหุ้นให้แม่ตั้งแต่ 8 ก.พ. ก่อนไปสมัครรับเลือกตั้งแล้ว
คนจำนวนมากกังขาว่า ได้มีการโอนหุ้นบริษัทสื่อให้แม่ในวันดังกล่าวจริงหรือสร้างเรื่องโอนกันในภายหลัง แล้วย้อนหลังทำหลักฐาน ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ธนาธรในฐานะหัวหน้าพรรค ถ้ารู้ข้อห้ามในคุณสมบัติของผู้สมัครข้อนี้ดี ทำไมถึงปล่อยให้ลูกพรรค
ผู้สมัคร สส.จังหวัดสกลนคร เขต 2 นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสิทธิลงสมัคร เพราะถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนทำสื่อ ทำไมไม่ตักเตือนห้ามปรามแต่แรก
แต่ธนาธรก็อาจอธิบายว่า ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติละเอียดขนาดนั้นก็ได้ คนจำนวนหนึ่งเขาก็เลยเชื่อกันอีกทางว่า เพราะเห็นลูกพรรคมีคุณสมบัติถูกศาลฎีกาฯ ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงเป็นข้อเตือนให้ธนาธรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายย้อนหลัง
จะเป็นอย่างไร ก็รอให้ กกต.และศาลฎีกา มีหน้าที่แสวงหาความจริงและตัดสิน ในฤดูแห่งความร้อนนี้
“ทักษิณ” กับ “ธนาธร”
ในฐานะที่เคยติดตามตรวจสอบทักษิณซุกหุ้นในชื่อของคนอื่น ทำให้อดคิดเปรียบเทียบไม่ได้ ถึงคนสองคน “ทักษิณ” และ “ธนาธร”
1) เป็นนักธุรกิจ ร่ำรวยทั้งสองคน
2) กฎหมายห้ามถือหุ้น ทักษิณถูกกล่าวหาโอนหุ้นใส่ชื่อหุ้นในนามคนสวน คนทำงานบ้าน ธนาธรถูกกล่าวหา
โอนหุ้นให้แม่ภายหลังกำหนดเวลารับสมัคร สส.
3) ขณะเกิดเหตุ ทั้งสองคนเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ทักษิณสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็น “คลื่นลูกใหม่” และ “ตาดูดาว
เท้าติดดิน” ส่วนธนาธรก็สร้างภาพคนรุ่นใหม่ อนาคตใหม่ นักการเมืองใหม่ของประเทศ
4) เมื่อเกิดเหตุการณ์ซุกหุ้น ทักษิณอ้าง “บกพร่องโดยสุจริต” มีผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนมากเคลื่อนไหว เพื่อช่วยและให้โอกาสทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น “อัศวินควายดำ” ของหมอเสม อาจารย์ประเวศ อาจารย์สุลักษณ์ และ “ผู้ใหญ่ในระดับสูง” ของบ้านเมือง ก็ออกโรง ออกกำลังภายในช่วยเหลือ เพราะมโนไปว่าจะได้ให้โอกาสนักธุรกิจเก่ง นำพาบ้านเมือง “รวยแล้วไม่โกง”
รอดูว่าครั้งนี้ จะมีใครที่มีความเชื่อว่า ธนาธร “ไม่บกพร่องและสุจริต” ออกมาเคลื่อนไหวในฤดูร้อนนี้บ้าง
ร้อนนี้ของไทย หนักหนาสาหัสมาก โดยเฉพาะธนาธรและปิยบุตร ที่ไม่สามารถหลบลมร้อนอยู่ต่างประเทศได้ ต้องรีบกลับมาเผชิญความร้อนหลายประเภท ต่างกับทักษิณ แม้จะถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกคดีแล้วคดีเล่าก็ยังหนีร้อน หนีคุกของไทยได้ ช่างแตกต่างกับแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 6 คนเสียเหลือเกิน นี่แหละความยุติธรรมสังคมไทย
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี