l เมื่อเพื่อนผู้เฒ่าป่วย : จะทำอย่างไร?
l เจี๊ยบ & โจ๊ก ลูกรัก
พ่อโชคดี ที่ยังไม่ป่วย ได้เห็นเพื่อนในวัย 70 ป่วย จึงเขียนบันทึกไว้ ให้ลูกรู้ และจะทำได้ถูก เมื่อพ่อแม่ป่วย
l 1.ขอเริ่มด้วย ความจริงของธรรมชาติของชีวิต : เกิด แก่ เจ็บ ตาย
และคำกล่าวของนักปราชญ์เซน ที่ให้พรแก่ผู้คนว่า “ปู่ตาย พ่อตาย ลูกตาย และหลานตาย” ซึ่งในเนื้อเรื่อง “คนที่ได้รับพร” โกรธมาก หาว่า “แช่ง” แต่เมื่อเขามีประสบการณ์มากขึ้น ได้เห็นการตายของผู้คนหลายแบบ : จึงเข้าใจแจ่มแจ้ง เมื่อลูกตายก่อนพ่อแม่ : เป็นความเศร้าโศก และยากที่จะทำใจได้ สำหรับพ่อแม่และพี่น้องที่ยังอยู่, เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่า แล้วตาย : ลูกๆ รับได้ เพราะเป็นกฎแห่งชีวิต : เกิดดับ มาแล้วจากไป
l 2.ความตายในทัศนะของพุทธศาสนา
ถ้าเข้าใจชีวิตในทัศนะของพุทธศาสนา เรื่องความตายก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะความตายในความหมายที่เกี่ยวโดยตรงกับชีวิต ความตาย 2 ประเภท คือ ความตายของชีวิต หรือตายทางร่างกาย และความตายทางจิตใจ (ยังไม่สิ้นลมหายใจ) ท่านพุทธทาสภิกขุ เรียกว่าเป็น การตายก่อนตาย
โดยสรุป : ให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เตือนตนให้เร่งทำสิ่งที่ดีที่ควรทำ ไม่ผัดผ่อนหรืออ้างเหตุ (http://www.ipsr.mahidol.ac.th/IPSR/AnnualConference/ConferenceII/Article/Article05.htm)
l 3.การป่วย 2 ประเภท 1.โรคภัยไข้เจ็บ 2.โรคทางภาวะสมองและจิตเสื่อม
1) โรคภัยไข้เจ็บ
โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด : มะเร็ง หลอดเลือดสมองแตก ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติอย่างรุนแรงโรคปอดระยะสุดท้าย โรคไตวายเรื้อรังโรคเหล่านี้ เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันในเรื่องที่ไม่เหมาะสม และมักรู้ตัวเมื่อเป็นโรคระยะสุดท้าย
2) 5 โรคสำคัญทางจิตเวช ที่คนไทยควรรู้ : ซึ่งบางคนไม่รู้ตัวและไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็น
โรคแพนิค โรคตื่นตระหนก เกิดขึ้นจากระบบประสาทอัตโนมัติมีการทำงานที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น เกิดอาการแพนิค
โรคซึมเศร้า มีอาการหดหู่ ท้อแท้ เบื่อหน่าย รู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง
โรคจิตเภท มีอาการประสาทหลอน หูแว่ว มีภาพหลอนเกิดขึ้น มีความหลงผิดหรือหวาดระแวง
โรคไบโพลาร์ โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ของผู้ป่วยมีลักษณะอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่าง ช่วงซึมเศร้าและช่วงที่อารมณ์ดีเกินปกติ (ช่วงแมเนีย)
โรคสมองเสื่อม พบมากในคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ฯลฯ
l 4.วิธีทำให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง จะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายของตัวเองได้อย่างมีความสุขและไม่เจ็บป่วย
1) ดูแลสุขภาพโดยรวม การดูแลร่างกายด้วยตนเอง : อาหารมีประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังในอนาคต ตรวจสุขภาพประจำปี การดูแลจิตใจ : คิดเรื่องที่ดีๆ ทำสมาธิ ทำจิตใจรู้สึกสงบ อยู่กับปัจจุบัน ทำงานและกิจกรรมที่เหมาะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี : สถานที่อยู่อาศัย ผู้คนที่คิดเรื่องดีๆ อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ลูกหลานดูแล ทำงานประจำตามสภาพ ทำเรื่องจิตอาสาฯ คือ “อย่าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร”
2) การออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย และสภาพชีวิต ที่อยู่ โดยต้องทำสม่ำเสมอ
3) ต้องมีความสุข คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะทำให้ทุกๆ อย่างในร่างกายของเราก็จะแข็งแรง
l 5.การเตรียมตัว เมื่อรู้ว่า เป็นโรคร้าย
1) ปรับความคิด ใช้ความรู้สติปัญญา อยู่กับความจริง อย่ากลัวเกิดเหตุ กุมสติให้อยู่
2) ศึกษารับฟัง แนวทางและวิธีการรักษาจากแพทย์(เป็นหลัก) แล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในการรักษา
3) เชื่อมั่นในตัวเอง รับฟังจากหมอ : อาการต่างๆ แล้วนำมาพิจารณาด้วยตนเอง และมั่นใจในการรักษา
4) พักฟื้น เพิ่มกำลังใจ จะมีส่วนช่วยในการรักษาได้มาก
l 6.การเตรียมตัว ในการใช้ชีวิตยามชราอย่างมีสุข หรือไม่ทุกข์มาก
1) การสะสมทรัพย์ หรือ การเตรียมการเก็บออมเงิน ในยามหนุ่มสาว ในช่วงทำงานได้
2) การเตรียมสุขภาพ รักษาดูแลบำรุงร่างกายประจำ อย่าให้มีโรคประจำตัว หากมี รีบรักษาก่อนแก่
3) การเตรียมสุขภาพใจ ให้มีความสุข คิดตามสภาพความเป็นจริง ทำงานที่สุขสนุก
4) การศึกษาและแสวงหา บริษัทประกันชีวิตและสุขภาพ รูปแบบที่เหมาะสมกับชีวิต
5) การมีสังคม สังสรรค์ กับเพื่อนมิตรประจำ เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัยเก่า มีส่วนช่วยเหลือเราได้
6) การมีครอบครัวที่อบอุ่น รักจริงใจซื่อสัตย์เคารพไว้ใจกัน เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในบั้นปลายชีวิต
l 7.ขอพูดถึงประสบการณ์บางเรื่อง ในชีวิตจริง
1) ขอชื่นชม เพื่อนวิศวะจุฬาฯ 2510 ที่ได้ตั้งกองทุน ช่วยเหลือ ครอบครัวเพื่อนที่จากไปหรือเข้ารักษาพยาบาล
2) ชื่นชมกับภรรยาและสามี เพื่อนที่ป่วยไข้ ในโรคที่สำคัญ โดยมีภรรยาหรือสามี ช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด
3) มีบางกรณี ที่ภรรยาเป็นมะเร็ง โดยเจ้าตัวปฏิเสธ การรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน ในที่สุดก็ต้องจากไปทั้งๆ สามีไม่เห็นด้วย แต่ไม่สามารถขัดใจภรรยาได้ (ใครผิด?)
4) มีญาติพี่น้องและเพื่อนมิตร ที่ทำตัวมากเรื่อง “เมื่อไปแนะนำเพื่อนที่ป่วย” มีการกดดันให้เพื่อนทำตามตน
5) ในยุคปัจจุบัน มีไม่น้อย ในหมู่พี่น้อง ลูกหลาน ขาดความกตัญญูต่อบิดามารดา ไม่ได้เอาใจใส่เท่าที่ควรเพราะ มีเรื่องส่วนตัวเรื่องครอบครัวของตน และคิดว่า “ครั้งหน้าจะไปดูแล”, แต่ไปจัดงานศพใหญ่โต
6) หมอและโรงพยาบาลบางแห่งดีมาก เคารพคนไข้ ให้ข้อมูลความจริงแก่คนไข้ ให้พิจารณาตัดสินใจเองแต่หมอบางคนและบางโรงพยาบาล เอาชีวิตคนไข้ เป็นธุรกิจ เน้นรายได้สำคัญ กว่า “จรรยาบรรณ”
7) มิตรสหายบางคน ที่ป่วยเป็นโรคร้ายในยามชรา เตรียมตัวเตรียมใจ “เขียนชีวิตให้เป็นบทเรียนแก่คนอยู่”
8) สหายบางคน ป่วยมีอาการระบบประสาท : ที่เศร้า คือ “ไม่เชื่อการแพทย์แผนปัจจุบัน” เชื่อไสยศาสตร์ เนื่องจากมีฐานะดี ยามมีอาการ จะจินตนาตนเป็น “พระโพธิสัตว์” แจกเงิน ซื้อของเพื่อช่วยเหลือคน และบางกรณี ก็เจอคน “ไม่ดี” มาหลอกล่อขอเงิน หรือ ให้ซื้อของในราคาเกินควร, ไม่มีใครกล้าเตือนบางครั้ง “มีเพื่อนแท้” นำตัวส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาล จนมีอาการดีขึ้น, แต่เจ้าตัวยังเชื่อไสยศาสตร์ !!!
l บทสรุป : อโรคยา ปรมาลาภา : ความไม่มีโรคนั้น เป็นลาภอันประเสริญ
การเป็นมิตรแท้ ภรรยาสามีคู่ชีวิต ครอบครัวที่อบอุ่น จำเป็นมาก : แต่ต้องสร้างขึ้นมา จ้ะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี