สถานการณ์ล่าสุดของเวเนซุเอลาคือการประกาศของสหรัฐที่พร้อมจะส่งกำลังทหารเข้าไปบุกยึดเวเนซุเอลา อ้างว่าเพื่อแก้ไขปัญหาประชาธิปไตยในประเทศนั้น ซึ่งท่าทีนี้ได้ถูกสื่อต่างประเทศจับทางได้ เพราะบังเอิญได้เห็นตัวเลข 5,000 ของผู้บริหารรัฐบาลสหรัฐมาก่อนหน้านี้
แต่พอเอาเข้าจริงสหรัฐก็ยังไม่ส่งกำลังทหารเข้าไปในประเทศเวเนซุเอลา โดยล่าสุดปรากฏตามข่าวต่างประเทศตรงกันว่ากำลังเตรียมการที่จะส่งทหารรับจ้างของบริษัทแบล็ควอเตอร์เข้าไปปฏิบัติการในเวเนซุเอลาแทน
สหรัฐได้ใช้หน่วยทหารรับจ้างสองหน่วยคือหน่วยที่เรียกว่าหน่วยหมวกขาว และหน่วยน้ำดำ หรือ Black Water ในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลประเทศต่างๆ หรือในการสร้างเงื่อนไขในประเทศต่างๆ เพื่อส่งกำลังทหารเข้าไปยึดต่อเนื่องมาหลายครั้ง จนกระทั่งเป็นที่รู้ทั่วกันทั่วโลกว่าบริษัทรับจ้างดังกล่าวนี้เนื้อแท้ก็คือกลไกทางการทหารอย่างหนึ่งของสหรัฐ ที่ใช้ในการปฏิบัติการต่อรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่สหรัฐไม่ชอบใจ
ก่อนหน้านี้ก็มีการเตรียมการส่งทหารหน่วยรบพิเศษ 400 คน และส่งขบวนคาราวานเพื่อเข้าไปในเวเนซุเอลา อ้างว่าเพื่อไปช่วยเหลือทางมนุษยธรรม แต่รัฐบาลประเทศนั้นไม่ยอมให้เข้าประเทศ ครั้นมีคาราวานบางส่วนบุกเข้าไปก็ถูกหน่วยรบพิเศษและทหารเวเนซุเอลาไล่ยิงกระเจิดกระเจิงจนต้องล่าถอยกลับอย่างไม่เป็นท่า
ต่อมาก็มีการเตรียมการให้มวลชนจัดตั้งในเครือข่ายของนายโซรอสลุกฮือขึ้น โดยเตรียมการที่จะให้มีการลุกฮือขึ้นในระดับ 500,000 คน หวังจะล้มรัฐบาลประธานาธิบดีมาดูโรด้วยกำลังมวลชน
แต่เนื่องเพราะรัฐบาลนายมาดูโรเป็นรัฐบาลที่ประชาชนเกือบทั้งหมดของเวเนซุเอลาให้การสนับสนุนเลือกตั้งเข้ามาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ ชาวเวเนซุเอลา 1,600,000 คน จึงได้แสดงท่าทีด้วยการจัดชุมนุมเพื่อต่อต้านการจัดชุมนุมของมวลชนรับจ้างเหล่านั้นจนต้องเลิกล้มไป
สถานการณ์ในเวเนซุเอลาไม่เป็นไปดังที่สหรัฐคาดหมายและต้องการ เพราะรัฐบาลเวเนซุเอลารู้เท่าทัน โดยศึกษาบทเรียนทั้งจากประเทศในตะวันออกกลาง รวมทั้งกรณีล่าสุดคือกรณีรัฐประหารในตุรกี และการที่ขบวนการไอซิสเปิดสงครามยึดเกาะมินดาเนา
ด้วยการช่วยเหลือของรัสเซีย ประธานาธิบดีแอโดกันของตุรกีและประธานาธิบดีดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ จึงสามารถควบคุมและรักษาสถานการณ์ให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
รัฐบาลเวเนซุเอลาได้เรียนรู้บทเรียนเหล่านั้น เตรียมการตั้งรับไว้พร้อมสรรพ ด้วยการเชื้อเชิญให้รัสเซีย จีน อิหร่าน และคิวบา ส่งทหารเข้ามาช่วยเหลือ และทำความตกลงร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาที่กำลังจะถูกยึดครองนี้
ทำให้เกิดการก่อตั้งพันธมิตรใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกในอเมริกาใต้ ทำนองเดียวกับที่เกิดขึ้นในอิรักและซีเรีย เพียงแต่ที่เวเนซุเอลานั้นมีคิวบาเข้าร่วมด้วยอย่างแข็งขันและเต็มที่
คิวบาเข้าร่วมก็เพราะว่าเป็นไม้เบื่อไม้เบากับสหรัฐมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และในสมัยประธานาธิบดีเคนเนดี้ก็หวุดหวิดจะเกิดเป็นสงครามโลกมาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะรัสเซียได้ติดตั้งขีปนาวุธที่สามารถถล่มถึงสหรัฐได้ที่คิวบา ในที่สุดก็ตกลงกันได้จนรัสเซียต้องถอนฐานขีปนาวุธนั้นกลับ
มาถึงยุคประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ประกาศว่า ถ้าหากสหรัฐยึดเวเนซุเอลาได้สำเร็จแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือคิวบา จึงเป็นมูลเหตุจูงใจสำคัญให้คิวบาต้องผนึกรวมกับเวเนซุเอลาเพื่อยันสหรัฐไม่ให้ยึดเวเนซุเอลาได้ ดังนั้นคิวบาจึงทุ่มเทอย่างเต็มที่ ถึงขนาดส่งทหารหลายแสนคนเข้าไปในเวเนซุเอลาแล้ว ในขณะที่ประชาชนคิวบาร่วม 2 ล้านคน ก็ได้เดินขบวนต่อต้านสหรัฐและพร้อมจะอาสาไปช่วยรบในประเทศนั้นด้วย
สถานการณ์โดยรวมเช่นนี้จึงทำให้สหรัฐยากที่จะเข้ายึดเวเนซุเอลาได้ตามความต้องการ ซึ่งอาจสรุปสถานการณ์ในภาพรวมได้ดังต่อไปนี้
ประการแรก สหรัฐขาดความชอบธรรมที่จะยึดครองเวเนซุเอลา เพราะขัดกับกฎบัตรสหประชาชาติและไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปยึดครองประเทศนั้นไม่ว่าด้วยประการใดๆ เมื่อเสียธรรมก็ต้องปราชัยโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในขณะเดียวกัน เวเนซุเอลาก็มีความชอบธรรมในการทำสงครามที่เป็นธรรมเพื่อปกป้องมาตุภูมิของตน จึงทำให้กองทัพและประชาชนผนึกแน่นในการต่อต้านการรุกราน
ประการที่สอง สหรัฐโดดเดี่ยวในปฏิบัติการต่อเวเนซุเอลา เพราะไม่มีพันธมิตรใดๆ เข้าร่วมด้วยเลยแม้แต่ประเทศเดียว ประเทศห้อยประเทศโหนที่เออออห่อหมกไปด้วยในย่านนั้นก็ได้แต่พูด เหมือนหุ่นที่ถูกชักปาก แต่ไม่มีคุณค่าทางความเป็นจริง ทั้งสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐปัจจุบันที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวก็ไม่เอื้อต่อการที่สหรัฐจะทำการใหญ่ ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรของเวเนซุเอลามีความพร้อมพรั่งในทุกด้านมากกว่า
ประการที่สาม สหรัฐติดพันในสถานการณ์ความขัดแย้งมากเกินไปในหลายภูมิภาคของโลก ไม่ว่าในพื้นที่ยูเรเซีย ตะวันออกกลาง อัฟกานิสถาน แอฟริกา คาบสมุทรเกาหลี และทะเลจีนใต้ จนกล่าวได้ว่าสหรัฐเปิดศึกทั่วทิศ ทำลายมิตรทั่วโลก กำลังมากก็จะเป็นน้อย ความเข้มแข็งก็จะกลายเป็นความอ่อนแอ และเมื่อเทียบกับศักยะสงครามของพันธมิตรเวเนซุเอลาแล้ว หากเกิดสงครามขึ้นสหรัฐจะเสียหายอย่างหนัก กระทั่งอาจจะสูญเสียความเป็นมหาอำนาจของโลกด้วย
ประการที่สี่ เวเนซุเอลามีพื้นที่ใกล้กับสหรัฐมาก ในอดีตแค่คิวบาสหรัฐก็ยังเอาไม่อยู่ แต่ปัจจุบันนี้พันธมิตรของเวเนซุเอลาเติบใหญ่เข้มแข็งกว่าสภาพที่เคยมีปัญหากับคิวบามาก เพราะมีทั้งรัสเซีย จีน อิหร่าน และคิวบาด้วย พันธมิตรเหล่านี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนทางอาวุธยุทโธปกรณ์ และอาหารการกินตลอดจนสิ่งของที่ต้องใช้ในการสงคราม แต่พร้อมและได้ส่งกำลังทหารจำนวนมากเข้าไปช่วยเวเนซุเอลาแล้ว
ดังเช่นอิหร่านนั้นใครจะนึกถึงว่าจะส่งกำลังทหารไปถึงนั่นได้โดยเฉพาะยังมีกองกำลังของฮิซบุลเลาะห์ที่ไม่ทราบจำนวนเข้าไปปฏิบัติการอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ที่สำคัญคือใครเล่าจะล่วงรู้ว่ากองกำลังเหล่านี้ได้พกพาเอาขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่มีพิสัยโจมตีถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐได้อย่างง่ายดาย
ล่าสุดก็มีข่าวปรากฏว่ารัสเซียได้ติดตั้งขีปนาวุธ S300 ซึ่งเป็นขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธ รวมทั้งขีปนาวุธพิสัยกลางที่สามารถยิงถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐได้อย่างง่ายดาย แต่ความจริงจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยล้ำหน้าขนาดไหนก็ยังไม่มีปรากฏข่าว
และที่สำคัญ กองเรือทะเลเหนือและกองเรือแปซิฟิกของรัสเซียก็ได้เคลื่อนเข้ามาปฏิบัติการทั้งในพื้นที่รับผิดชอบของกองเรือที่ 1,2,3,4 และพื้นที่ปฏิบัติการของกองเรือ 8,9,10 ที่พิทักษ์สองฝั่งฟากมหาสมุทรของสหรัฐอย่างไม่ขาดระยะ โดยไม่รวมถึงกองเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าซุ่มอยู่ที่ตรงไหนบ้าง
ในประวัติศาสตร์สงครามของสหรัฐนั้นล้วนแต่เป็นการทำสงครามสมรภูมิเดียว และเป็นประวัติการสงครามในยามที่สหรัฐควบคุมแสนยานุภาพทางนาวีและทางอากาศโดยเด็ดขาดไม่มีใครต้านทานได้
แต่บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปสิ้นเชิง มีสมรภูมิต่างๆ ที่สหรัฐต้องพะวักหน้าพะวงหลังอยู่อย่างน้อย 6 สมรภูมิ และสมรรถนะทางนาวีของสหรัฐก็ถูกคานอย่างมีพลังจากแสนยานุภาพของรัสเซีย จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ ชนิดที่ไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย โดยเฉพาะในภาคพื้นแปซิฟิกอันเป็นพื้นที่หลักในความรับผิดชอบของกองเรือที่ 7 นั้น ก็ไม่ใช่มหาสมุทรแปซิฟิกที่สหรัฐมีเสรีภาพในการเคลื่อนกำลังแต่เพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว
กำลังเกิดวงหมากล้อมทางการทหารขึ้นในแปซิฟิกอย่างน่าวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งต่อไป เพราะถึงวันนี้การเคลื่อนย้ายและเส้นทางเคลื่อนย้ายกำลังของกองเรือที่ 7 ในแปซิฟิกนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เส้นทางจากฮาวายมายังเกาะกวม สู่โอกินาวา สู่ทะเลจีนใต้ หรือที่จะเชื่อมต่อไปยังด้านอื่นทางช่องแคบมะละกา ช่องทางซุนดาและลอมบอกล้วนมีอันตรายรอบด้าน ซึ่งบั่นทอน ศักยะสงครามของกองเรือที่ 7 ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
สถานการณ์เหล่านี้จะทำให้สหรัฐยากที่จะตัดสินใจส่งกำลังทหารบุกเวเนซุเอลาอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี