ในช่วงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า
ทำไมช่วงเวลาดังกล่าว ถึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขความปีติ ความสงบ ของคนไทย
1) โดยธรรมชาติ คนไทยมีจิตวิญญาณร่วมกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่แล้ว พูดง่ายๆ ว่า สิ่งเหล่านี้เป็น “รากลึก” ในจิตวิญญาณ ที่เป็นหนึ่งเดียวกับคนไทยโดยพื้นฐาน ใช้เวลานานกว่าจะสร้างสิ่งเหล่านี้ จนเป็นเนื้อนาบุญ และเป็นขุมพลังที่สำคัญของบ้านเมือง บ่อยครั้งเราจึงได้เห็นว่า แม้จะเกิดความขัดแย้งหนักหนาอย่างไร แต่หากต้องงดเว้นเพื่อชาติ ถูกร้องขอโดยพระหรือบุคคลสำคัญทางศาสนา หรือองค์พระมหากษัตริย์ สังคมไทยก็พร้อมที่จะปล่อยวางความขัดแย้งนั้น ด้วยความเคารพ ด้วยความเกรงใจ ด้วยการตั้งสติ ทบทวน และวางลงได้
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ เป็นพระราชพิธีที่ถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบที่บอกถึงความเป็นชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่ง การเฝ้าชมการถ่ายทอดสด หรือแม้แต่ร่วมในพระราชพิธี จึงดึงเอาความสุขในเบื้องลึกของจิตใจให้ฉายชัด ให้สำแดงตน จนวางความทุกข์ความสับสนความกังวลในเรื่องอื่นๆ ลงจนหมดสิ้น นับเป็นบุญบารมีของบ้านเมืองที่มีจิตวิญญาณนี้
2) พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ท่านทรงเข้าถึงจิตใจของคนไทยมานับแต่ครั้งที่ทรงรับ “ทรงราชย์” ด้วยการรับสั่งให้ทุกฝ่ายปฏิบัติเหมือนเดิม คือ เหมือนครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของแผ่นดิน แม้รับทรงราชย์แล้ว แต่ยังไม่โปรดฯ ให้มีการพระราชพิธีใดๆ ทั้งสิ้น นอกเหนือจากพระราชพิธีที่เกี่ยวกับการพระบรมศพ ทรงร่วมอยู่ในความทุกข์โศกสูญเสียเช่นเดียวกับปวงชนชาวไทย จากนั้นทรงประกอบพระกรณียกิจน้อยใหญ่ ร่วมไปกับเหล่าพสกนิกรมาเป็นลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการโปรดฯ ให้มีกิจกรรม “จิตอาสา” ซึ่งรวมเอาพลังแห่งความรักและความเสียสละของผู้คนมารวมกัน ทำกิจกรรมที่ก่อประโยชน์ต่อส่วนรวม กิจกรรมปั่นจักรยาน งานอุ่นไอรัก ฯลฯ ซึ่งเป็นการทอดเวลาให้ปวงชนชาวไทยได้ประจักษ์ถึงน้ำพระราชหฤทัยและเปิดให้พระองค์ประทับ ณ กลางดวงใจของคนทุกหมู่เหล่า จึงเริ่มเข้าสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในเวลาที่ใจของคนไทย “พร้อมแล้ว” ยินดียิ่งแล้ว บรรยากาศแห่งความสุขจึงอบอวลตลอดงานพระราชพิธี
3) พระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น เป็นทั้งความตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจ ต่อขั้นตอนที่แฝงความหมายอันลึกซึ้งและมีองค์ประกอบที่สวยงามที่ผู้คนจดจ่อ เรียนรู้ และดื่มด่ำไปด้วย ขั้นตอนและความหมายที่ค่อยๆ หลอมรวมราษฎรเข้ากับองค์เหนือหัว ตั้งแต่การตักน้ำจากแหล่งน้ำสำคัญทั่วแผ่นดิน พิธีเสกน้ำ ณ พระอารามสำคัญประจำจังหวัด ก่อนนำมารวมกันที่กรุงเทพฯ และใช้ในพระราชพิธีสรงมุรธาภิเษกและรับน้ำอภิเษก ความหมายของพิธีพุทธ พิธีพราหมณ์ ความหมายที่ซ่อนอยู่ในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ และอื่นๆ ล้วนอธิบายถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่น ระหว่าง “พระเจ้าแผ่นดิน” กับ“พสกนิกร” ทั้งสิ้น
4) ประชาชนชาวไทย มีความสุข ความปลาบปลื้มปีติ เพราะได้เห็นความรัก ความใกล้ชิด ความกลมเกลียว ในหมู่พระราชวงศ์ ที่ถูกส่งผ่าน “ภาพข่าว”หรือ “ภาพส่วนพระองค์” ที่ส่งต่อๆ กันนับแสนนับล้านครั้งด้วยความสุขใจ ที่เมื่อได้เห็นแล้วทั้งเป็นสุขใจ เบาใจ ตื้นตันใจ อบอุ่นใจ และสบายใจ เพราะการอยู่ในโลกมนุษย์ ผู้คนย่อมได้รับข่าวลือกันอย่างมากมาย แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือความจริงที่สัมผัสได้ทันที แทนคำพูดนับล้านๆ คำ จึงนำมาสู่ความสุขใจอย่างลึกล้ำ
5) เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เห็นความร่วมแรงใจกันทั้งจากภาครัฐ เอกชน ประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันทำงานเพื่อให้การพระราชพิธีนี้เต็มไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ อาจกล่าวได้ว่า ชาติไทยเป็นชาติเดียวที่ยังรักษาโบราณราชประเพณีเช่นนี้ไว้ ซึ่งยิ่งใหญ่ประดุจ “มรดกโลก” หรือ “มรดกทางวัฒนธรรมของมวลมนุษยชาติ” เลยทีเดียว และในพิธีนี้ เปิดให้ประชาชนได้เฝ้าชื่นชมพระบารมีเป็นระยะๆ เราได้เห็นความมีน้ำใจต่อกัน บ้านเรือนผู้คนเปิดให้ประชาชนที่มารอเฝ้าฯรับเสด็จได้ใช้ห้องน้ำ ได้พักร้อน ประชาชนพัดวีให้ทหารที่ตั้งแถวเฝ้าฯรับเสด็จ เห็นเหงื่อที่หยดจากปลายมือในเครื่องแบบที่หนาและรัดนั้น จึงเกิดภาพที่นำความชื่นใจเมื่อได้พบเห็นแพร่หลายออกมาให้เป็นเชื้อแห่งความสุขมากมาย
6) ในช่วงเวลาดังกล่าวยังได้เห็นด้วยว่า บ้านเมืองของเราสวยงามเพียงใด ทั้งวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ตลอดจนบ้านเรือนผู้คนสองฟากทางเสด็จฯ ทั้งในยามกลางวันและกลางคืน ล้วนสวยงามน่าภาคภูมิใจ จนหลายคนตั้งใจไว้ว่า จากที่เป็นคนไทยมาตลอดชั่วชีวิต ยังไม่เคยเข้าวัดพระแก้วเลย ยังไม่เคยเที่ยวชมพระบรมมหาราชวังเลย ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องเข้าไปเที่ยวชมสักครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับชาวต่างประเทศ ภาพความสวยงามของหมู่พระที่นั่ง โบสถ์ วิหาร เจดีย์ ที่เผยแพร่ออกไป คงดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้กำหนด “กรุงเทพฯ” เป็นเป้าหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมามิใช่น้อย ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องควรกระตุ้น โฆษณาเชิญชวน สร้างความสนใจให้ต่อเนื่อง และวางแผนการรองรับให้ดี ให้น่าประทับใจก็จะกลายเป็น “กำไร” ของประเทศชาติเพิ่มเติมขึ้นมา7) แต่เหนือสิ่งอื่นใด สาระสำคัญในพระปฐมบรมราชโองการและพระราชดำรัสตอบในการต่างๆ คือ “หัวใจของแผ่นดิน” ที่จะต้องช่วยกันสานต่อ ทำให้เกิดพลังแห่งความเปลี่ยนแปลงให้จงได้ เช่นพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
พระราชดำรัสตอบ หลังผู้แทนพระบรมวงศานุวงศ์ และผู้แทนฝ่ายบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ กล่าวถวายพระพร ความว่า
“ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม พรั่งพร้อมด้วยทุกท่านจากทุกสถาบันสำคัญของชาติ และได้รับคำอวยพรอันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต ขอขอบพระทัยและขอบใจในคำอำนวยพรและน้ำใจไมตรีของทุกท่านเป็นอย่างมาก
ในโอกาสนี้ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านและทุกฝ่ายในมหาสมาคมนี้ และประชาชนชาวไทยทุกคน ได้ตั้งความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้า ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติงานตามฐานะและหน้าที่ของตน โดยยึดเอาประโยชน์ คือ ความเจริญมั่นคงของประเทศชาติ และความผาสุกร่มเย็นของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด ขอคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาทุกท่านให้ประสบความสุขความเจริญพร้อมด้วยพรอันเป็นมงคลทุกประการ”
รวมถึงพระราชดำรัสตอบเมื่อเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ความว่า
“...ข้าพเจ้าและพระราชินี รู้สึกยินดีและปลื้มใจมาก ที่ได้เห็นประชาชนทั้งหลายมีไมตรีจิต พร้อมเพรียงกันมาร่วมแสดงความปรารถนาดี ในวาระบรมราชาภิเษกของข้าพเจ้าครั้งนี้ ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายผู้มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ เพื่ออวยชัยให้พรแก่ข้าพเจ้า ด้วยน้ำใจ ไมตรี และความปรารถนาดีอย่างจริงใจนั้น เป็นที่จับตาจับใจ และทำให้ข้าพเจ้าอิ่มใจอย่างยิ่ง
ขอให้ความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลายในการแสดงไมตรีจิตแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้ จงเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกคนทุกฝ่ายจะพร้อมกันบำเพ็ญกรณียกิจ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติของเราต่อไป ขอขอบใจในคำอำนวยพร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในนามของทุกคน และขอสนองพรให้ทุกท่านมีความผาสุกสวัสดี พร้อมทั้งความสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาจงทั่วกัน...”
จะได้เห็นว่า ทรงย้ำเรื่อง 1.ความพร้อมเพรียง 2.การทำหน้าที่ และ 3.ทรงให้ยึดเอาประโยชน์ คือ ความเจริญมั่นคงของประเทศชาติ และความผาสุกร่มเย็นของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด
สิ่งนี้ เรา-ชาวไทยทุกคน ควรรับเอาใส่เกล้าใส่กระหม่อม และนำมาสู่การประพฤติปฏิบัติกันอย่างจริงจัง เพราะเราทุกคนต่างก็ “มีหน้าที่” หากเราทั้งหลายซื่อสัตย์ ซื่อตรง ทุ่มเทจริงจังต่อการ “ทำหน้าที่” แล้วไซร้ บ้านเมืองไม่มีทางถดถอยด้อยโอกาสเป็นเด็ดขาด แต่หากละเลยหรือไม่ซื่อตรงต่อการทำหน้าที่แล้วไซร้ ปัญหาต่างๆ มากมายก็จะก่อเกิดขึ้นในทันที
การทำหน้าที่นั้น ไม่เพียงแค่ทำอย่างสุดกำลัง ทำอย่างซื่อตรงเท่านั้น แต่ต้องทำอย่างกล้าหาญและมีศรัทธาต่อหน้าที่นั้นๆ ด้วย ในยามที่บ้านเมืองยังมีความขัดแย้งทางการเมืองฝังใจผู้คนอยู่นี้ องค์กรกลางอย่าง กกต., ป.ป.ช. ศาล, รัฐบาล คสช. ซึ่งมีอำนาจชี้ขาดหรือทำให้ถูกต้องในหลายๆ เรื่อง ต้องเป็นหมู่คณะแรกๆ ที่ประพฤติปฏิบัติให้เห็น ให้เป็นแบบอย่าง เพื่อจะนำบ้านเมืองและผู้คนไปสู่ประโยชน์สุขร่วมกัน ไม่ใช่ถูกใจฝ่ายหนึ่ง แต่ไม่ถูกต้องตามหลักการที่ควรจะเป็น ปล่อยให้ความแค้นชิงชังสุมรุมอยู่ในอีกขั้วข้างหนึ่ง
และดีที่สุด คือทุกคนทุกฝ่าย ต้องปล่อยวางขั้วข้างตัวตน ลดละ ความเกลียด โกรธ ชิงชัง เห็นต่างเพราะต่างข้างต่างขั้ว มาสู่ความพร้อมเพรียงกันด้วยเหตุด้วยผล
ดังพระคาถาประจำแผ่นดินที่ผูกไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ว่า
“สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา” ซึ่งแปลความว่า “ความพร้อมเพรียงแห่งชน ผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ”
ให้แผ่นดินของเราเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อมุ่งไปฝ่าฟันกับสารพัดปัญหาที่รุมเร้าอยู่นี่เสียทีเถิด!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี