ในที่สุดก็ถึงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนถ่ายสู่รัฐบาลใหม่ที่แท้จริงเสียที แม้จะมีการเลือกตั้งมานานเดือนกว่าแล้วก็ตาม โดยภายหลังที่ กกต.ประกาศรับรอง สส.เขต และบัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการ เมื่อวันอังคารและพุธที่ผ่านมาแม้จะมีบางส่วนที่ กกต.ระบุว่า อาจจะมีการแจกใบเหลืองใบแดงและถอดถอนทีหลังก็ตาม? ตลอดรวมถึงการประกาศรายชื่อสมาชิกวุฒิสภาที่ตามกรอบกฎหมายระบุว่าต้องประกาศภายใน 3 วัน หลังการเลือกตั้ง ที่คาดว่าจะอยู่ภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งจะสามารถเปิดประชุมสภาได้ภายใน 15 วัน หลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังมีสัญญาณการถ่ายโอนเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลใหม่แท้จริง นั่นคือ การประกาศลาออกของครม. 15 คน และสนช.กว่า 60 คน ที่ตามข่าวระบุว่าทั้งหมดจะถูกปรากฏชื่อในสว.ชุดแรกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ตลอดจนถึงการประชุมร่วมครม.และคสช.ซึ่งคาดว่าจะเป็นนัดสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการเพื่อเตรียมการสู่การถ่ายอำนาจอย่างแท้จริงแล้ว
หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่24 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว จนในที่สุดกกต.ได้รับรองผลแล้ว โดยเบื้องต้นรับรองจำนวนสส.เขตไป 349 เขต จากทั้งหมด 350 เขต เว้นหนึ่งเขตคือเชียงใหม่ ที่กกต.สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ทั้งเขตในวันที่ 26 พ.ค.นี้ ซึ่งในการเลือกตั้งซ่อมคะแนนในเขตนี้จะไม่นำมาคำนวณจนกว่าการเลือกตั้งซ่อมจะเสร็จสิ้น ทำให้อาจส่งผลต่อการประกาศรับรอง สส.บัญชีรายชื่อบางส่วนหรือไม่?
ส่วนการประกาศรับรอง สส.บัญชีรายชื่อตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้วินิจฉัยเรื่องวิธีคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 128 นั้น ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 128 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 สำหรับในการคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อ และในที่สุดกกต.ก็มีมติที่ประกาศผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 8 พ.ค. โดยพบว่ารับรองแล้ว 149 คน จาก 26 พรรคการเมือง ทั้งนี้ยังคงปรากฏชื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่แม้จะถูกคัดค้านการรับรองผลการเลือกตั้งก่อนหน้า แต่เหตุผลของกกต.คือให้มีการรับรองผลไปก่อนทั้งหมด ส่วนประเด็นหรือกรณีต่างๆ หลังจากผ่านการพิจารณาและตรวจสอบแล้วจะมีการตัดสินภายหลัง หากพบว่ามีความผิดจริง ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อลำดับบัญชีรายชื่อของอีกหลายพรรค ทั้งในกรณีการถือหุ้นสื่อและกรณีอื่นๆ ซึ่งพบว่ามีประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับพรรคการเมืองอื่นอีกหลายพรรคเช่นกัน?
ส่วนด้านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ตามกรอบจะต้องมีการรับรองรายชื่อภายใน 3 วันหลังการรับรองชื่อ สส. หรือก็คือภายในวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ ซึ่งเบื้องหลังรายชื่อ สว. ตามกฎหมายระบุว่าจะมาจากการสรรหาโดยมีพล.อ.ประวิตร เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา โดยจากที่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีการลาออกจากทั้งคณะรัฐมนตรีและ สนช. บางส่วน ซึ่งคาดว่ารายชื่อเหล่านี้จะถูกนำมาอยู่ในรายชื่อ สว. ที่จะประกาศขึ้น โดยให้ ครม. ที่เหลือ 17 คน ปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม เช่นเดียวกับ สนช. อีกราวๆ 190 คน ยังคงปฏิบัติหน้าที่จนกว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่จะเปิดประชุมได้ ทั้งนี้ก็มีความคาดหมายว่า ครม. ที่ยังคงอยู่โดยมิได้ปรากฏชื่อในรายชื่อ สว. อาจจะยังได้อยู่ในรัฐบาลชุดต่อไป อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองามรองนายกฯ รวมไปถึงรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญต่างๆ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม นายอภิศักดิ์ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง บุคคลเหล่านี้ได้รับการคาดหมายว่าจะอยู่ต่อในรัฐบาลในกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
ในส่วนของ สนช. ล่าสุดก็ได้รับการยืนยันจากนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภาฯ เองว่า มีสมาชิกสนช. จำนวนกว่า 60 คน รวมประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ได้รับการทาบทามจาก คสช. ให้ดำรงตำแหน่ง สว. รวมถึงชี้แจงว่าสมาชิกที่ถูกทาบทามน่าจะลาออกจาก สนช. ภายในวันที่ 9 พ.ค. โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ทั้งรัฐมนตรีรวมถึงสมาชิก สนช. ที่ลาออกไปน่าจะเข้ารับตำแหน่ง สว. ในส่วนที่ได้รับการคัดเลือกโดยตรงจาก คสช. จำนวน 194 จาก 250 คน อย่างไรก็ตาม รายชื่อ สนช. ที่ลาออกและคาดว่าจะไปปรากฏชื่อใน สว. นั้น บางคนถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องความเหมาะสม เนื่องจาก สว. ชุดนี้จะมีความสำคัญมากในการเลือกนายกฯ หลังการเลือกตั้งคนแรกภายใต้ รธน. 2560 ที่จะต้องอาศัยเสียงจากสภาร่วมของ สส. และ สว. ซึ่งในขณะนี้เสียงในสภาผู้แทนฯ ระหว่างการรวมกลุ่มพรรคพลังประชารัฐและพันธมิตรกับการรวมกลุ่มของพรรคเพื่อไทยและพันธมิตรมีความสูสีกันเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้แล้วเมื่อวันอังคารผ่านมายังมีการประชุมร่วมครม.และคสช. ที่คาดว่าจะเป็นนัดสุดท้าย โดยมีเนื้อหาสำคัญ อย่างการหารือเพื่อแก้ไขประกาศและคำสั่งของ คสช. ตลอดจนคำสั่งของหัวหน้า คสช.ที่ออกมาตลอด 5 ปี ทั้งสิ้น 456 ฉบับ โดยยกเลิกไป 246 ฉบับ โดยมีเหตุผลว่าเสร็จสิ้นภารกิจ สิ้นผลอัตโนมัติ และสั่งยกเลิก ส่วนที่ยังเหลืออยู่ 210 ฉบับนั้นก็อยู่ในระหว่างพิจารณาทบทวนถึงการจัดทำร่าง คสช.เพื่อยกเลิก 68 ฉบับ และอยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายใหม่ เพื่อทดแทนและยกเลิกไปในตัวอีก 77 ฉบับ ส่วนอีก 65 ฉบับนั้นอยู่ในช่วงเสนอมาตรการหรือกฎหมายเพื่อรองรับในระยะยาว อย่างไรก็ตาม คงต้องพิจารณาให้ดีถึงกฎหมายที่ยังเหลืออยู่อีก 65 ฉบับ ถึงสาเหตุที่แท้จริงในการคงไว้ ไม่ยกเลิก ซึ่งบางเรื่องยังเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างเรื่องไอยูยู หรือการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ซึ่งต้องคอยติดตามดูต่อไปว่าจะมีการยกมาใช้ในการปรับปรุงพระราชบัญญัติในกฎหมายปกติในรัฐบาลต่อไปหรือไม่? แต่ส่วนที่ยังไม่มีการพูดถึงกันและเกิดขึ้นแน่นอน คือเรื่องของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะมีผลหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จแล้ว คงต้องรอดูกันต่อไปว่ารัฐบาลใหม่กับคณะกรรมการดังกล่าว จะทำงานร่วมกันอย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผลการรับรองอย่างเป็นทางการจากกกต.เพิ่งจะออกมา แต่ดูเหมือนว่าซีกฟากพรรคพลังประชารัฐจะเริ่มมีการเตรียมการครม.ของตัวเอง ภายใต้สมมุติฐานว่าจะได้เป็นรัฐบาลต่อไว้แล้ว? ซึ่งดูแล้วก็น่าสนใจว่าโควตาของครม. ของฝ่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์นั้นจะมีเก้าอี้เพียงพอรองรับหรือไม่? นอกจากนี้ยังมีข่าวถึงการไม่ลงตัวของเก้าอี้สว.ที่อาจจะไม่พอหรือไม่? เพราะยังมีแม่น้ำสายอื่นๆ อีกที่พร้อมจะตบเท้าเข้ามาเป็นสว.อีก อาทิ ข้าราชการทหาร ตำรวจ ที่กำลังจะเกษียณ ซึ่งในกลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นสว. เพื่อรอการเกลี่ยตำแหน่งให้ลงตัวในฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงปลายปีด้วย? ยังไม่รวมถึงแรงกดดันจากเหล่าสส.สอบตกจากพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวว่าเตรียมตัวลาออกจากสมาชิกพรรค เพื่อมาเป็นสว.ด้วย
สุดท้ายนี้กระบวนการสุดท้ายก่อนการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลใหม่ มีเงื่อนไขสำคัญอีกประการเดียวคือการปลดระวาง คสช. ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง และจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้ว โดยในวันนี้ก็ได้มีการดำเนินการเบื้องต้นแล้ว อย่างการพิจารณาแก้ไขคำสั่ง คสช. แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงย่อมไม่เกิดขึ้น หากยังถกเถียงกันและจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ย่อมทำให้รัฐบาล คสช.ยังอยู่ และไม่อาจเปลี่ยนผ่านไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง...
“…ต่อให้มีโชคดีเพียงใด ก็มีเวลากลับกลายเป็นร้ายได้อยู่…”
โกวเล้ง จากเรื่องจอมดาบหิมะแดง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี