พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีองค์ที่ 10 อย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณีท่ามกลางความปีติยินดีของมวลมหาชนชาวไทยที่จงรักภักดีทั้งประเทศได้ผ่านไปเกือบครบถ้วน ยกเว้นการเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคซึ่งจะเสด็จฯในเวลาอันใกล้ต่อไป
เมื่อวันแห่งความสุขความปีติของประชาชนชาวไทยได้ผ่านไปด้วยดีแล้ว ต่อไปนี้สิ่งที่ประชาชนชาวไทยกำลังเฝ้าคอย ได้แก่ การเมืองของประเทศจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบกที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นคนกลางห้ามทัพความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อเกือบห้าปีที่ผ่านมาที่พัฒนาจากคนกลางในฐานะผู้ห้ามทัพไปเป็นผู้จัดการบริหารเสียเอง โดยกล่าวว่าจะคืนอำนาจให้กับประชาชนในไม่ช้าแต่ในที่สุดเนื่องจากอำนาจเป็นสิ่งหอมหวนและเป็นยาเสพติดแทนที่จะปล่อยวางแต่ทนสมุนนักการเมืองที่แวดล้อมไม่ได้จึงเปลี่ยนใจกลับเข้าสู่การเมืองที่กติกากำหนด โดยเนติบริกรที่เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะต้องการจะทำการเมืองต่อไปได้ยังไม่วางมือเนื่องจากการเมืองภายใต้กติกาที่พวกตนออกแบบแม้จะเอื้อต่อการมีอำนาจในการปกครองเพียงใด แต่ก็ไม่เหมือนกับที่เคยมีอำนาจอย่างที่ผ่านมาแน่นอน
เพราะภายใต้การบริหารที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิวัติบริหารมาจนปัจจุบันนั้น พลเอกประยุทธ์ มีดาบอาญาสิทธิ์ คือ มาตรา 44 อยู่ในมือแต่ภายใต้กติกาใหม่แม้ยังมีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ แต่สภาพทางการเมืองจะไม่เหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป เพราะจากกติกาที่มีอยู่รวมทั้งผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์กับพรรคการเมืองที่สนับสนุนรวมทั้งสภาสูงจะมีพลังตั้งรัฐบาลได้ก็ปราศจากความมั่นคง ถ้าพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านรวมตัวกันจะเป็นอุปสรรคในการบริหารประเทศโดยเฉพาะในการตรากฎหมายที่สำคัญ เช่น พระราชบัญญัติงบประมาณแผ่นดิน
นอกจากนี้ โดยคุณสมบัติเฉพาะของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เอง ก็คงไม่เหมาะกับการเป็นนายกรัฐมนตรีในการปกครองระบอบประชาธิปไตย (แม้จะเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบเต็ม) เพราะการมีฝ่ายค้านที่แม้จะมีประสิทธิภาพด้อยกว่า ฝ่ายค้านในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพราะกติกาหลายอย่างที่ฝ่ายค้านในการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงพึงมีแต่การออกแบบกติกาภายใต้รัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 จำกัดไว้ ทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถมีอิสระเฉกเช่นประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงก็ตาม แต่ก็สามารถก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานยากกว่าที่ผ่านมา จึงพอสรุปได้ว่า บรรยากาศทางการเมืองของประเทศอาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่ประชาชนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศปรารถนา ตราบใดการปกครองของประเทศไม่เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน แต่เป็นการปกครองของคนกลุ่มหนึ่งของสังคมการเมืองเท่านั้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 87 ปี การเมืองของประเทศไทยยังตกอยู่ในวังวนของการปกครองระบอบอภิธนาธิปไตยโดยไม่เปลี่ยนแปลงเพราะอำนาจอธิปไตยของประชาชนไม่สามารถหยั่งลึกในสังคมการเมืองไทยจนถึงปัจจุบันในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอนเพราะความไม่พร้อมของประชาชนสำหรับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี