เดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ. 2562 จัดได้ว่าเป็นเดือนมหามงคลอย่างยิ่งสำหรับ 2 ประเทศ นั่นคือ ราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรญี่ปุ่น โดยมีเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเรื่องเฉพาะขององค์พระประมุขแห่งราชวงศ์ทั้งสองประเทศ
เมื่อวันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2562 จักรพรรดินารุฮิโตะ ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา จักรพรรดิอากิฮิโตะ ซึ่งทรงสละราชสมบัติด้วยเหตุแห่งพระชนมายุ และพระวรกาย
และในวันเดียวกันนั้น ประเทศไทยก็มีการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมรส และพระราชทานแต่งตั้งองค์สมเด็จพระบรมราชินี
ต่อเนื่องมาในวันเสาร์ที่ 4 วันอาทิตย์ที่ 5 และวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2562 ก็เป็นพระราชพิธีการขึ้นครองราชย์ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพิธีการเข้าร่วมถวายพระพร และการเฉลิมฉลองของปวงชนชาวไทย
ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่เหลือของประเทศไทย ก็จะเป็นกระบวนการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของสังคมประชาธิปไตย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯทรงเปิดการประชุมรัฐสภา
ภายใต้จักรพรรดิพระองค์ใหม่ของญี่ปุ่น และรัชกาลที่ 10 ของไทย ปวงชนชาวไทยและญี่ปุ่นต่างก็มีความปีติยินดีเป็นล้นพ้น ต่างขอพึ่งบุญบารมีให้ปกป้อง คุ้มครอง นำสันติสุขและความเจริญก้าวหน้า มาสู่บ้านเมือง พระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญ ศูนย์รวมจิตใจ และคุณงามความดีของชาติบ้านเมือง และสัญลักษณ์แห่งความเป็นชนชาติและอัตลักษณ์
นอกจากนั้นแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์และงดงามของขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อถือ ของทั้ง 2 ราชอาณาจักร ก็ต่างมีความคล้ายคลึงกันมาก โดยเฉพาะใน 2 พระราชพิธีกรรม นั่น
คือการถวายสักการบูชาแด่องค์บรรพบุรุษทั้งหลาย และการทำบุญตามศาสนาและความเชื่อถือ
โดยพระราชพิธีต่างๆ ของไทย องค์พระมหากษัตริย์จะทรงเริ่มด้วย การจุดธูปเทียนบูชา ถวายราชสักการะแด่องค์พระพุทธรูป แสดงให้เห็นว่า ศาสนาเป็นของคู่บ้านคู่เมือง สถาบันกษัตริย์และสถาบันศาสนาเป็นของคู่เคียงไปด้วยกัน มีนัยและเป็นการบ่งบอกด้วยว่า องค์ประมุข หรือองค์พระมหากษัตริย์นั้นทรงอยู่กับธรรมะ มีธรรมะ เป็นที่ยึดที่ตั้ง ที่เพียบพร้อม กาย ใจ สติ การดำรงพระองค์ก็ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา และการเป็นผู้ให้ “ทาน” ทำนุบำรุงสุขของประชาราษฎร
เป็นการยืนยันให้สังคมได้มั่นใจว่า องค์พระมหากษัตริย์จะเป็นผู้ทรงธรรม และด้วยการนี้ก็ทรงมีพระบารมี เสมือนเป็นผู้ทรงไว้ด้วยอำนาจธรรม
ซึ่งจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ได้แสดงให้เห็นว่า ชาวไทยนั้นช่างโชคดี มีบุญวาสนามาโดยตลอด เพราะพระมหากษัตริย์ไทยเราทุกยุคทุกสมัยโดยทั่วไปแล้ว ส่วนใหญ่ต่างเป็นผู้ทรงธรรม ที่มุ่งทำนุบำรุงศาสนา ดูแลชาวประชา ให้ความยุติธรรมนำความเจริญมาให้แก่บ้านเมือง และที่สำคัญยิ่งคือ ทรงเป็นผู้นำในการปกป้องรักษาความเป็นเอกราชของไทยไว้ได้
และในกาลอันเป็นมงคล แห่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ข้าพระพุทธเจ้า และปวงชนชาวไทย ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญด้วยธรรม
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี