15 พฤษภาคมนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ และเป็นไปได้ว่า ในวันเดียวกันหลังได้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว อาจจะมีประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหารพรรคและสส.ที่ได้รับรองผลการเลือกตั้ง ลงมติว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อไปหรือไม่
การที่พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์หรือไม่ เป็นตัวแปรที่มีความหมายมาก ถ้าเข้าร่วมพลเอกประยุทธ์ก็ตั้งรัฐบาลได้ ง่ายขึ้นแม้จะมีเสียงปริ่มน้ำก็ตาม แต่ถ้าประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วม รัฐบาลที่มีพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ จะขาดความชอบธรรม อาจจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน
โอกาสที่จะมีคนอื่นเป็นนายกฯ จากบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคการเมืองอื่น หรือคนอื่นนอกบัญชีรายชื่อนายกฯ หมายความว่าพลเอกประยุทธ์อาจต้องยุติจบฉากการเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้
กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 40 กว่าคน และสส.ใหม่จำนวน 50 กว่าคน รวมกันอาจจะหมายถึงคนประมาณ 60 คน (เพราะจะมีคนที่เป็นสส.ใหม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยซ้ำกันจำนวนหนึ่ง) จะเป็นผู้ตัดสินชะตาของรัฐบาล
พรรคเก่าแก่ที่เป็นสถาบันจะประพฤติปฏิบัติอย่างไร?
พรรคการเมือง คือ องค์กรทางการเมืองที่รวมบุคคลที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มีแนวคิดทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ แบบเดียวหรือคล้ายกันมารวมกัน เพื่อให้สังคมมีการบริหารจัดการในแนวทางของอุดมการณ์นั้น
ประเทศไทยมีพรรคประชาธิปัตย์ที่เก่าแก่ มีอุดมการณ์ “เสรีนิยมประชาธิปไตย” ที่ชัดเจนมากที่สุด และอาจจะเป็นพรรคเดียวที่ยืนยงยาวนานถึง 73 ปี เป็นสถาบันทางการเมืองที่ไม่โลเลเปลี่ยนไปมา
การตัดสินใจเลือกหัวหน้าพรรค และการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ นอกจากจะทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็อาจจะเปลี่ยนแปลง คงอยู่ ก้าวหน้า หรือดับลง
ด่านแรก คือ การเลือกหัวหน้าพรรค
หากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ไม่แม่นและไม่มั่นในภารกิจของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ว่าจะต้องนำพา รักษา พรรคประชาธิปัตย์ให้คงอุดมการณ์ “เสรีนิยมประชาธิปไตย”
1. หากผู้มีสิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ไปคิดถึงผลประโยชน์เฉพาะหน้าในระยะสั้น (ซึ่งคนไทยจำนวนมากนิยมผลประโยชน์เฉพาะหน้า แก้ปัญหาเฉพาะหน้า) ก็จะนำความคิดที่ว่าเลือกใครแล้วจะได้เข้าร่วมรัฐบาล หรือเลือกใครแล้วจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลมาเป็นข้อพิจารณา ยิ่งเรื่องที่มีอำนาจและผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ก็จะให้น้ำหนักกับเรื่องประโยชน์เฉพาะหน้าอันหอมหวน ยั่วยวน
พูดง่ายๆ “เลือกใคร แล้วจะได้เข้าร่วมรัฐบาลทหาร?” หรือ “เลือกใคร แล้วจะได้เป็นฝ่ายค้านอิสระ?”
การเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ก็จะได้ผลออกมาอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจจะตรงหรือไม่ตรงกับอุดมการณ์ของสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนพรรคก็ได้
2. หากผู้มีสิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค มีความคิดที่ตัดไม่ขาดจากระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทย ที่เน้นบุญคุณ ผลประโยชน์ตอบแทนในกลุ่มอุปถัมภ์เพื่อหวังให้ “นาย” หรือ “ผู้อุปถัมภ์” ได้มีอำนาจ ตนจะได้อำนาจและผลประโยชน์ไปด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ เล่นพรรค เล่นพวก มากกว่าหลักการอุดมการณ์ของพรรค ก็อยากจะได้ลูกพี่ไปเป็นหัวหน้า ไปเป็นกรรมการบริหาร และไปเป็นรัฐมนตรี วิธีคิดเช่นนี้ก็จะพันพัวกันกับประโยชน์เฉพาะหน้า ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของพรรคเก่าแก่ของประเทศ และประโยชน์ของสังคมโดยรวม
จะเป็นได้หรือไม่ ที่ผู้มีสิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณาจากประเด็นต่อไปนี้
1. เลือกหัวหน้าและกรรการบริหารที่จะรักษาสืบอุดมการณ์ “เสรีนิยมประชาธิปไตย” ของพรรค
2. รักษาพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันเก่าแก่ เพื่อเป็นองค์กรทางการเมืองที่เป็นทางเลือกของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่พรรคที่ส่งคนลงสมัคร เพียงหวังจะได้อำนาจผลประโยชน์เข้ากลุ่มพวกพ้อง เสมือนเป็นเอเย่นต์ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง
3. รักษาประโยชน์ของพรรคให้สอดคล้องกับประโยชน์ของสังคม จึงเป็นต้องคิดถึงประโยชน์ระยะยาว อย่างน้อยก็จะต้องเพื่อชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า พรรคจะต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและของสังคม
4. เลือกกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรค ที่ให้สมาชิกมีส่วนร่วมพัฒนาแก่นสารของแนวคิดแนวนโยบาย เพื่อกำหนดแนวทางทิศทางของประเทศ
5. เลือกผู้บริหารพรรคที่เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของสมาชิกโดยเฉพาะของคนรุ่นใหม่ ที่จะสัมพันธ์กับคนรุ่นเก่าที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
ร่วม หรือ ไม่ร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์?
ร่วม ไม่ร่วม รัฐบาลทหารในครั้งนี้ คงจะตัดสินใจไม่ง่าย อำนาจ ผลประโยชน์ เป็นสิ่งหอมหวนสำหรับมนุษย์ที่ยังมีกิเลส ก็จะดึงดูดนำพาให้คิดประโยชน์เฉพาะหน้า แล้วก็พาให้คิดแต่ในแง่ดีว่า จะได้นำนโยบายของพรรคไปใช้ จะได้ไปดำรงตำแหน่งที่สำคัญทำอะไรได้มาก จะได้ร่วมขจัดต่อสู้การสืบทอดอำนาจของระบอบทักษิณ จะได้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนที่อ้างว่าไปรับฟังมา และจะได้ไม่ถูกคนบางพวกที่เชียร์รัฐบาลทหารกล่าวหาว่าไม่เสียสละหนุนรัฐบาลทหารในช่วงเปลี่ยนผ่าน
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็น่าคิด คือ จะรักษาประโยชน์ของประเทศในระยะยาวอย่างไร การเข้าหนุนช่วยรัฐบาลทหารในครั้งนี้เป็นการช่วยประเทศในระยะยาวหรือไม่ เมื่อรู้เต็มอกว่าพรรคพลังประชารัฐ สว. 250 คน และระบบการเลือกนายกฯ และกติกาการจัดตั้งรัฐบาลถูกกำหนดเพื่อสืบทอดอำนาจ พรรคการเมืองเก่าที่เป็นหลักอย่างประชาธิปัตย์ควรร่วมด้วยช่วยเขาให้มีอำนาจหรือไม่ หากเข้าร่วมรัฐบาลแล้วจะต้องแย่งชิงแบ่งปันผลประโยชน์อย่างไร เริ่มจากการแย่งตำแหน่ง แบ่งกระทรวง แบ่งคน แบ่งงบประมาณ ที่แต่ละพรรคแต่ละกลุ่มก๊วนการเมืองที่มีอุดมการณ์มีเป้าหมายหมายแตกต่างกันเข้าร่วมรัฐบาลแล้วจะทำอะไรได้มากอย่างที่คิดหรือไม่ขนาดรัฐบาล คสช. มีอำนาจเต็มมา 5 ปี ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนักและที่สำคัญรัฐบาลคงอยู่ได้ไม่ยาว ถึงเวลานั้นจะอธิบายประชาชน สังคม อย่างไร โดยเฉพาะ “คนที่รู้ทัน”
จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ในครั้งนี้คงมีปรากฏการณ์งูเห่าสีฟ้าเกิดขึ้น คือถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่เข้าร่วมรัฐบาลก็คงมี สส. ประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่งฝืนมติไปสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีมติเข้าร่วมรัฐบาลก็จะมี สส. จำนวนหนึ่ง ไม่ลงคะแนนเสียงให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกต่อไปอีก
“ทางสายกลาง” เพื่อประโยชน์ของประชาชน
จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สมาชิกวุฒิสภา ที่จะคิดเดินทางสายกลางอย่างนี้บ้างไหม
1. ในสภาวะจำเป็นที่ไม่มีทางเลือก ก็สนับสนุนฝ่ายที่มีอุดมการณ์ หลักการ ขัดแย้งกับเราน้อยที่สุดให้ได้จัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ต้องเอาพรรค เอาตัวเข้าผูกพัน ร่วมหัวจมท้าย รับตำแหน่ง
2. สนับสนุน ผลักดันนโยบาย มาตรการที่ดี ตรงตามอุดมการณ์และเชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างเต็มกำลัง
3. คัดค้าน เปิดโปง เมื่อพบเห็นนโยบายมาตรการที่ไม่เป็นประโยชน์หรือเป็นภัยต่อสังคมโดยรวม และพร้อมจะคว่ำ หรือ ลงมติไม่ไว้วางใจหากรัฐบาลมีปัญหามากระดับหนึ่ง
4. ใช้ทรัพยากรบุคคล และเวลาในการพัฒนาองค์กร พรรคการเมือง เพื่อหวังเป็นทางเลือกที่คงอุดมการณ์และสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและพรรคในระยะยาว โดยระดมคนอื่นและคนรุ่นไหนๆ มามีส่วนร่วมกับกิจกรรมเพื่อสร้างแนวร่วมทั้งความคิดและปฏิบัติในระยะยาว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี