ทฤษฎีสังคมศาสตร์กล่าวว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มและสังคมดังกล่าวจะดำรงอยู่ได้ก็เมื่อสมาชิกเต็มใจติดต่อสัมพันธ์กัน สมาชิกต้องคำนึงถึงว่าการอยู่ร่วมกันต้องมีสิ่งที่เหมือนกัน หรือผลประโยชน์ร่วมกัน
อย่างไรก็ดี ความจริงมีอยู่ว่าความไม่เป็นระเบียบในสังคมย่อมมีเป็นธรรมดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ยิ่งพัฒนามากขึ้นเท่าใดยิ่งเกิดการแข่งขันเพื่อยกสถานภาพของตนทำให้เกิดความกดดันจนทำให้บางคนบางกลุ่มใช้วิธีการไม่สุจริตเพื่อผลประโยชน์ บูชาลัทธิวัตถุนิยมทำให้คนในปัจจุบันวัดความสำเร็จและความสุขด้วยอำนาจและทรัพย์สิน โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและผลประโยชน์ของบุคคลอื่น จึงเกิดปัญหาการคอร์รัปชั่นขึ้นในสังคมปัจจุบัน การคอร์รัปชั่นดังกล่าวไม่ใช่เฉพาะเงินทองทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงการเอารัดเอาเปรียบ การแสวงหาอำนาจเพื่อที่จะตักตวงผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่านักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ รวมทั้งบุคคลที่ประกอบกิจการในสาขาต่างๆ ทั้งด้านสังคมรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคคลเหล่านั้นประกอบกิจกรรมในอาชีพใด หรือในหมู่ใดก็มิได้ละเว้น การคอร์รัปชั่นทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้และการคอร์รัปชั่นนี่เองเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะของสังคมทุกสังคม ซึ่งหมายความว่า การคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในสังคมโลก สังคมประเทศ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ยิ่งความเจริญเกิดขึ้นในด้านวัตถุมากขึ้นเท่าใด ปัญหาการคอร์รัปชั่นยิ่งเจริญงอกงามมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับด้านการเมืองนั้น การแย่งชิงอำนาจทั้งในระบบการปกครองแบบเผด็จการ และระบบประชาธิปไตยก็มิได้ละเว้น การแย่งชิงอำนาจโดยกระทำการที่ไม่เป็นไปตามกติกาที่กำหนดไว้ หรือที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญจะโดยใช้กำลังหรือไม่ก็ตาม ถือว่าเป็นการคอร์รัปชั่น ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้นการคอร์รัปชั่นคือการรับผลประโยชน์หรือที่เรียกว่า “ลาภมิควรได้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็เป็นการคอร์รัปชั่น” ในด้านสังคมก็เช่นกัน การใช้อภิสิทธิ์ในเรื่องใดๆ ที่ไม่ถูกต้องตามกติกาก็อยู่ในข่ายการคอร์รัปชั่น
เมื่อกลับมาดูสังคมไทยในปัจจุบัน ถ้านำเอาพฤติกรรมดังกล่าวมาเปรียบเทียบจะพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมิได้แตกต่างจากพฤติกรรมของมนุษย์ที่ปรากฏข้างต้น ฉะนั้นการที่จะทำให้สังคมไทยหลุดพ้นจากปัญหาดังกล่าวยากยิ่งกว่าสุภาษิตที่ว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” เสียอีก แต่ถ้าไม่มีการเริ่มต้นเสียเลยผู้ที่มีอำนาจและผู้ที่แข็งแรงกว่าก็ย่อมเอาเปรียบกดขี่ผู้ที่อ่อนแอไม่มีวันที่สิ้นสุด ทางแก้ถ้าทุกคนพร้อมใจกันแก้ทั้งปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมพร้อมกันด้วยการนำเอา “ลัทธิสังคมนิยมประชาธิปไตย” มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ได้แก่ ทางการเมืองสร้างความเท่าเทียมกันของทุกคน ทางเศรษฐกิจต้องใช้ทฤษฎีคนรวยช่วยคนจนด้วยมาตรการทางภาษีอากร และการแก้ความเหลื่อมล้ำด้วยการพัฒนาให้คนจนช่วยตนเอง ดังสุภาษิตที่ว่า “ให้เบ็ดและเหยื่อไปตกปลา” เอง ไม่ใช่ให้ปลาแก่คนยากจน ปฏิเสธการให้ทานโดยเด็ดขาด โดยถือว่าอาชีพขอทานเป็นอาชญากรรมต้องลงโทษทั้งผู้ให้และผู้รับ ส่วนทางสังคมนั้นต้องแก้ระบบชนชั้นให้หมดไป เช่น ต้องไม่มีเจ้านายและลูกน้อง เจ้านายกับคนรับใช้ ฯลฯ เป็นต้น โดยทำให้ทุกคนมีความเสมอภาคกันในการดำรงชีวิต แต่มีหน้าที่ความรับผิดชอบต่างกัน ถ้าทำสำเร็จจะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงดังสังคมประชาธิปไตยอื่นๆ ไม่ใช่เป็นสังคมประชาธิปไตยแต่ในนามดังปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี