โรงเรียนทั่วประเทศต่างก็ทยอยเปิดภาคการศึกษาใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัฐบาล “ลุงตู่” อนุมัติช่วยเติม “ชุดนักเรียน” ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีบุตรหลานเรียนหนังสือคนละ 1 ชุด ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับกรุงเทพมหานครกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กเครือข่ายองค์กรทำงานเพื่อเด็กเร่ร่อนและศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านเด็กและเยาวชนคณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจัดกิจกรรมเสริมความพร้อมส่งน้องไปโรงเรียนให้แก่เด็กๆ บนวิถีชีวิตถนนจำนวน 81 คน
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา อธิบายถึงกิจกรรมครั้งนี้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเพื่อวิจัยพัฒนาแนวทางการช่วยเหลือเด็กกลุ่มเปราะบางบนวิถีชีวิตถนน ที่มีแนวโน้มจะหลุดออกนอกระบบการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างยั่งยืน ใน 3 ด้านสำคัญคือ 1.การจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศเพื่อบูรณาการความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคมและภาคเอกชนในอนาคต 2.สนับสนุนการทำงานให้กับครูศูนย์สร้างโอกาสเด็ก กทม. รวมถึงครูอาสาครูนอกระบบเพื่อติดตามช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้เป็นรายกรณีอย่างเป็นระบบ (Case Management System) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาคส่วนต่างๆ และ 3.การศึกษาวิจัยแนวทางการวางแผนการศึกษาของเด็กเยาวชนกลุ่มนี้ที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความถนัดและศักยภาพเป็นรายบุคคล เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาชีพและครอบครัวในอนาคตรวมทั้งเสริมศักยภาพให้กับเด็กรวมถึงครอบครัวให้มีกิจกรรมเสริมรายได้หรืออาชีพทางเลือกที่เหมาะสมตามวัยไม่มีความเสี่ยงช่วยลดอุปสรรคในการไปโรงเรียนจากความยากจนแต่สามารถสร้างรายได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้
เบื้องต้นจะนำร่องเก็บข้อมูลกลุ่มเด็กที่ทำงานบนท้องถนนในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน โดยเฉพาะรัศมี 10 กิโลเมตร รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยทำงานวิจัยด้วยความเข้าใจเข้าไปฟังเสียงจากเด็กๆ เยาวชนๆ ครอบครัวในพื้นที่โดยตรงว่าต้องการหรือขาดสิ่งใดเด็กและเยาวชนเหล่านี้อยากเรียนหนังสือแต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องฐานะของครอบครัวจึงจำเป็นต้องหารายได้เสริมในช่วงวันหยุดหรือหลังเลิกเรียนเช่น ขายดอกไม้พวงมาลัยตามสี่แยกไฟแดง
สำหรับทางออกของปัญหาเด็กกลุ่มนี้ไม่สามารถแก้โดยลำพังเพียงเด็กเท่านั้น แต่ต้องเข้าไปดูปัญหาของของครอบครัวชุมชนเพื่อหาทางออกในระยะยาวเพื่อให้เด็กกลุ่มนี้ผ่านพ้นจากกับดักความยากจนไม่ต้องกลับมาทำอาชีพที่มีความเสี่ยงอีก พวกเรามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเด็กเยาวชนเหล่านี้ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยในอนาคตได้ หากได้โอกาสทางการศึกษาที่เสมอภาคและสอดคล้องกับศักยภาพและความถนัดเป็นรายบุคคล กสศ. ต้องขอบคุณทุกเครือข่ายที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้ รวมทั้งทางสำนักงบประมาณที่มาลงพื้นที่เก็บข้อมูลในการทำงานร่วมกับกสศ.ต่อไป
ด้าน นางสาวทองพูล บัวศรี ผู้จัดการโครงการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า มูลนิธิสร้างสรรค์เด็กลงพื้นที่เก็บข้อมูลเด็กกลุ่มเปราะบางบนวิถีชีวิตถนน เช่น ขายมาลัยดอกจำปีตามสี่แยกหรือขอทานบนถนนสายต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 81 คน เป็นเวลากว่า 4 ปี พบว่า เด็กๆ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ครอบครัวมีฐานะยากจนมีภาระหนี้สินการศึกษาไม่สูงและประกอบอาชีพที่ไม่แน่นอน จึงต้องติดไปถึงชุมชนเข้าไปทำความรู้จักเป็นรายครอบครัวอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความไว้ใจทำให้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสปัญหาแต่ละครอบครัวซึ่งแตกต่างกันและทั่วประเทศมีเด็กเร่ร่อนประมาณ 30,000 คน กระจายอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่บางครอบครัวพ่อแม่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ จึงมีปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน ดังนั้นกิจกรรมเสริมความพร้อมส่งน้องไปโรงเรียนที่จัดขึ้นจึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการกลับไปสู่โรงเรียนของเด็กกลุ่มนี้
ส่วน ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า เรียกร้องช่วยเหลือน้องๆ นักเรียนที่ด้อยโอกาส เพื่อให้เขามีอนาคต มีแรงบันดาลใจ ให้น้องๆ ประสบความสำเร็จในระยะยาว
ครับ ยังมีน้องๆ ที่ขาดโอกาสอีกจำนวนมาก ขอให้ช่วยกันต่อไปนะครับ เพราะทุกคนเป็นเยาวชนของชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี