ผลการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 28 ในวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศออกมาเป็นทางการในวันที่ 7-8 พ.ค. ปรากฏว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งรับรอง สส. ทั้งหมดรวม 498 คน เป็น สส.เขต 349 คน และสส.ในระบบบัญชีรายชื่อ 149 คน โดยมีจำนวน สส. จากพรรคการเมืองต่างๆ ดังนี้คือ
14 พรรคการเมืองที่มี สส.ในสภามากกว่า1 คน ได้แก่ เพื่อไทย 135 คน พลังประชารัฐ 116 คน อนาคตใหม่ 80 คน ประชาธิปัตย์ 52 คน ภูมิใจไทย 51 คน เสรีรวมไทย 10 คน ชาติไทยพัฒนา 10 คน ประชาชาติ 7 คน เศรษฐกิจใหม่ 6 คน เพื่อชาติ 5 คน รวมพลังประชาชาติไทย 5 คน ชาติพัฒนา 3 คน พลังท้องถิ่นไท 3 คน รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน
ที่เหลืออีก 12 พรรคมีสส.พรรคละ 1 คน คือ พลังปวงชนไทย พลังชาติไทย พลังไทยรักไทย พลเมืองไทย พลังธรรมใหม่ ประชาภิวัฒน์ ประชาธรรมไทย ประชาชนปฏิรูป ประชาธิปไตยใหม่ ประชานิยม ครูไทยเพื่อประชาชน และไทยศรีวิไลย์
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้แถลงให้ทราบว่าในวันที่ 24 พ.ค. 2562 จะมีรัฐพิธีเปิดสมัยการประชุมของสภา และจะมีการประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 25 พ.ค. 2562 ซึ่งจะเป็นวันที่ สส.ในสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 498 คน จะได้เลือกตัวประมุขฝ่ายนิติบัญญัติคนใหม่ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การประชุม สส. เพื่อคัดเลือกตัวบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังเลือกตั้ง
มีกระแสข่าวถึงการรวมคะแนนเสียงสนับสนุนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จากพรรคการเมืองทั้งหมดอย่างสนุกพอสมควรตั้งแต่ก่อนมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 250 คน และเมื่อมีการเผยโฉมหน้าสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แล้วข่าวการตั้ง ครม.ชุดใหม่ก็ประทุขึ้นมาอย่างคึกคักโดยมีการแบ่งแยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ
กลุ่มพรรคที่นิยมและสนับสนุนระบอบทักษิณรวมได้ 245 เสียง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย ประชาชาติเพื่อชาติ และเศรษฐกิจใหม่ กลุ่มนี้มีแกนนำสำคัญ 2 คน คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ไม่ได้เป็น สส.กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในระยะหลังเลือกตั้งใหม่ๆ ดูจะคึกคักมากว่าจะได้ตั้งรัฐบาลใหม่แน่นอนเพื่อนายทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าตัวจริงจะได้กลับมามีอำนาจทางการเมืองในประเทศไทยอีกครั้งในอนาคต
อีกกลุ่มเป็นพรรคฝ่ายสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ รวมพลังประชาชาติไทย รักษ์ผืนป่าประเทศไทย พลังท้องถิ่นไท พลังไทยรักไทย พลเมืองไทย ไทยศรีวิไลย์ ประชาธิปไตยใหม่ พลังธรรมใหม่ ประชาชนปฏิรูป ประชานิยม ครูไทยเพื่อประชาชน ประชาภิวัฒน์ ประชาธรรมไทย รวม 137 คน
ในขณะที่อีก 4 พรรค ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ ภูมิไทย ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนา ที่มี สส.รวมกัน 116 คน ยังสงวนท่าทีไม่ประกาศตัวเองว่าจะไปรวมกับฝั่งไหนกันแน่ระหว่างฝ่ายเพื่อไทยหรือเพื่อทักษิณกับฝ่ายที่สนับสนุนคสช. และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จนวันที่ 15 และ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่เป็นคนที่ 8 ต่อจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายจุรินทร์ได้ประกาศว่าพรรคประชาธิปัตย์จะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เพื่อตัดสินว่าพรรคจะไปร่วมรัฐบาลกับฝ่ายไหนระหว่างฝ่ายนิยมทักษิณกับฝ่ายนิยม คสช.และพลเอกประยุทธ์ ในขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุดในวันที่ 16 พ.ค.ว่าจะประชุมพรรคในวันที่ 20 พ.ค. เพื่อตัดสินใจว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมกับฝ่ายใดดี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พ.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ สส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีความปรากฏ หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และสส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส. ซึ่งเป็นเหตุให้สส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบรัฐธรรมนูญ 98 (3)
สถานการณ์ล่าสุดฐานะของนายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่มีหวังอาจจะไม่ได้เป็น สส.ในสภาทำให้อนาคตใหม่เป็นพรรคหัวขาด ความฝันของนายธนาธรและฝ่ายสนับสนุนทักษิณดูจะห่างไกลความจริงนั่นคือแผนยึดอำนาจรัฐของระบอบทักษิณล้มเหลวไม่เป็นท่าและนั่นก็คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาวินเข้าป้ายเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกนั่นเองคือ
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี