วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2562 ตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 เป็นวันที่พระจันทร์เพ็ญในกลุ่มดาววิสาขะและเป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในวันสำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงเป็นโอกาสอันดีที่ชาวพุทธจะได้น้อมรำลึกบูชาในวันสำคัญนี้ นำพาชีวิตของตนไปข้างหน้าด้วยความเป็นมงคลและถือโอกาสนี้ลิ้มชิมรสพระธรรม
เพื่อประโยชน์สุขของตนและของท่านทั้งหลายโดยถ้วนหน้ากัน
วันวิสาขบูชาถือกันว่าเป็นวันของพระพุทธเจ้า เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในวันเพ็ญเดือน 6 ส่วนวันอาสาฬหบูชาถือกันว่าเป็นวันของพระธรรม เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ทำให้พระรัตนตรัยครบองค์สามในวันนั้น ส่วนวันมาฆบูชาถือเป็นวันของพระสงฆ์ เพราะเป็นวันชุมนุมพระอรหันต์ครั้งใหญ่ที่สุดในโพธิกาลของพระพุทธเจ้า เพื่อประกาศแนวการปฏิบัติและการสอนพระพุทธศาสนา โดยทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ในวันนั้น
ก็แลเมื่อวันสำคัญในพระพุทธศาสนาคือวันวิสาขบูชามาถึงแล้ว ชาวพุทธควรจะน้อมรำลึกถึงเรื่องอะไรจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด เห็นจะสรุปได้ดังนี้
ประการแรก การที่วันเพ็ญเดือน 6 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับพระพุทธเจ้าสามประการ คือการประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ความเกิดขึ้นพร้อมกันในวันเดียวกันนี้ก็เหมือนกับชีวิตเราทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วย่อมตั้งอยู่ เสื่อมไป และดับไปในที่สุด
ดังนั้นวันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่พึงน้อมรำลึกให้เห็นความจริงว่า เรามีชีวิตเกิดขึ้นแล้ว ความแก่ ความเสื่อมไปก็เกิดขึ้นพร้อมกันไปด้วย ในขณะเดียวกัน ความตายก็เกิดขึ้นพร้อมกัน โดยตายทีละส่วน เนื้อเยื่อเซลล์ต่างๆ ที่ตายไปก็เกิดใหม่ขึ้นมาแทนเป็นวัฏฏะเช่นนั้น จึงพึงรำลึกว่าความเกิด แก่ เจ็บ ตายนั้นบังเกิดขึ้นพร้อมในตัวตนของเราทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้นเลย
ประการที่สอง เมื่อน้อมใจรำลึกและเห็นความจริงที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตว่ามีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ชัดเจนชัดแจ้งขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นย่อมได้ชื่อว่าเห็นพระไตรลักษณ์ คือ เห็นความเป็นอนิจจัง ความเป็นทุกขัง และความเป็นอนัตตา ว่าที่สุดแล้วไม่มีสิ่งใดพึงยึดมั่นถือมั่นเพราะไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตน และไม่มีสิ่งใดเป็นของเราของเขาเลย การไปยึดมั่นถือมั่นจึงเป็นความหลงผิดติดยึดที่หาแก่นสารอันใดมิได้
ประการที่สาม วันประสูติเป็นวันเกิด ส่วนวันปรินิพพานเป็นวันดับสลาย แต่ยังมีสิ่งที่หลงเหลืออยู่นั่นคือพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้พระธรรมในคืนวันตรัสรู้นั้นและต่อมาก็ทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อความเป็นระเบียบ เพื่อความเป็นสุข และเพื่อความอยู่ร่วมเกื้อกูลกันแห่งสงฆ์ ดังนั้นความสำคัญที่สุดจึงอยู่ที่ความตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นนั่นคือพระธรรม
ประการที่สี่ เนื้อตัวของพระพุทธเจ้าก็เป็นเนื้อหนัง ประกอบขึ้นเป็นกายอันยาววาหนาคืบนี้ แต่พระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นคือสิ่งที่ทำให้พระองค์เป็นพระพุทธเจ้า ทำให้มีร่างกายอีกกายหนึ่งเกิดขึ้นซ้อนกันในร่างกายอันยาววาหนาคืบนี้ คือกายแห่งธรรมหรือธรรมกาย ซึ่งคนทั้งหลายก็ย่อมเข้าถึงได้ หากว่าได้ฝึกฝนอบรมจิตจนเข้าถึงซึ่งสภาวะเช่นนั้น คือด้วยการฝึกฝนอบรมจิตตามพระธรรมที่ทรงอบรมสั่งสอน ร่างกายก็จะมีอีกกายหนึ่งเกิดขึ้น นั่นคือนามกาย ซึ่งจะพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิธรรมที่ได้ประพฤติปฏิบัติ จากนามกายก็จะเป็นทิพยกาย เป็นตถาคตกาย และเป็นธรรมกายในที่สุด
ประการที่ห้า พระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นคืออริยสัจ 4 หรือความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์ ได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ความประสบกับสิ่งที่ไม่รัก เป็นต้น ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสรุปว่าขันธ์ห้านั่นแหละเป็นตัวทุกข์ ขยายอีกหน่อยก็คือรูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ อันประกอบขึ้นเป็นร่างกายนี้นี่แหละคือตัวทุกข์ ทุกข์เกิดที่นี่ ทุกข์ตั้งอยู่ที่นี่ และทุกข์ก็จะดับไปที่นี่
สมุทัย หรือเหตุแห่งทุกข์ ได้แก่ ความทะยานอยากในความอยากมี อยากเป็น และความไม่อยากมี ไม่อยากเป็นทั้งหลาย ซึ่งทรงสรุปไว้เช่นเดียวกันว่า คือความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า นั่นคือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนนี้ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ว่าเป็นตัวกูของกู นี่แหละคือต้นเหตุแห่งทุกข์
นิโรธ หรือความดับทุกข์ ได้แก่ ความสิ้นไปแห่งตัณหา และความอยากหรือไม่อยากทั้งหลาย ซึ่งทรงสรุปว่าการดับไปซึ่งเหตุแห่งทุกข์คือดับไปซึ่งความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้านี่แหละคือความดับทุกข์ คือความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์และนิพพาน
มรรค หรือหนทางแห่งความดับทุกข์ ซึ่งประกอบด้วย องค์แปด เป็นเรื่องของจิตใจสี่ประการ คือ การตั้งความเห็นให้ถูก การตั้งใจในการทั้งหลายให้ถูกต้อง การเจริญสติ และการเจริญสมาธิเพื่อบรรลุถึงซึ่งปัญญา เห็นความจริงตามที่เป็นจริง และเป็นเรื่องของการประพฤติปฏิบัติทางกายอีกสี่ประการ คือ การตั้งความพยายาม การทำการงาน การประกอบอาชีพ และการกล่าววาจาใดๆ ในทางที่ถูกต้อง ในทางที่ชอบ ในทางที่ไกลออกไปจากความยึดมั่นถือมั่น
ทางแห่งความดับทุกข์ทั้งแปดประการนี้ความสำคัญที่สุดอยู่ที่สัมมาสติและสัมมาสมาธิ เพราะเป็นองค์แห่งการศึกษาสำคัญที่จะทำให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย ถึงซึ่งความดับสนิทแห่งทุกข์และนิพพาน
ในวาระที่วันวิสาขบูชามาถึงปีนี้ จึงพึงที่จะน้อมนำรำลึกเอาพระธรรมนี้ไว้ในตน ก็จะมีความปลอดภัยในที่ทั้งปวง ย่อมถึงซึ่งความสวัสดีในที่ทั้งปวง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี