ผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 อาจผิดความคาดหมายของกระแสทางการเมืองก่อนหน้านี้ ที่มีกระแสชี้นำว่านายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค หรือนายกรณ์ จาติกวณิช มีภาษีที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค
เพราะพอเอาเข้าจริงปรากฏว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ แกนนำคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นผู้รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นด้วยคะแนนเสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ยังมีจุดยืนร่วมกันและสนับสนุนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ให้เป็นหัวหน้าพรรค หลังจากที่เคยสนับสนุนให้เป็นผู้รักษาการหัวหน้าพรรคมาก่อนหน้านี้แล้ว และแท้จริงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เองก็มีบทบาทนำในพรรคมาช้านาน ในฐานะประธานวิปของพรรค ซึ่งมีบทบาทสูงในกิจการรัฐสภาของพรรคประชาธิปัตย์
จึงต้องแสดงความยินดีแก่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 8 ไว้ในโอกาสนี้ ทว่าสิ่งที่สำคัญที่จะต้องจับตากันต่อไปก็คือ พรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของหัวหน้าพรรคคนใหม่จะมีจุดยืนในการร่วมรัฐบาลกับขั้วไหน นั่นคือร่วมกับขั้วพลังประชารัฐ หรือขั้วเพื่อไทย หรือขับเคลื่อนการจัดตั้งรัฐบาลของขั้วที่สามร่วมกับพรรคภูมิใจไทย
เพื่อความเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าว จำเป็นจะต้องพิจารณาข้อมูลพื้นฐานดังต่อไปนี้
ประการแรก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่และแกนนำหลักที่สนับสนุน ไม่ว่านายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และบุคคลสำคัญอื่นๆ รวมทั้งตัวนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เอง เคยประกาศจุดยืนชัดเจนในช่วงก่อนเลือกตั้งว่าไม่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
เหตุผลสำคัญของการสนับสนุนหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ประการหนึ่งก็คือ คณะผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ทราบความจริงถ่องแท้ว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานั้น บรรดาผู้สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างได้ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว หรือไม่ก็ลงคะแนนเสียงให้กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ดังนั้น คะแนนเสียงที่เหลืออยู่ทั้งหมดราว 5 ล้านเสียงนั้นล้วนเป็นเสียงที่ต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
และนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผลการแข่งขันเลือกหัวหน้าพรรคปรากฏผลดังกล่าว ดังนั้นโดยพื้นฐานนี้จึงส่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และแม้จะมีงูเห่าเกิดขึ้นจำนวนหนึ่งก็ไม่สามารถทำให้พรรคพลังประชารัฐมี สส. เกิน 250 คนได้
ประการที่สอง สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากพรรคเล็ก 11 พรรค ยื่นหนังสือแสดงเจตนาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ทำให้พรรคพลังประชารัฐมีคะแนนเสียงรวมกันทั้งหมด 132 เสียง ในขณะที่ขั้วพรรคเพื่อไทย 7 พรรค มีคะแนนเสียงรวมกัน 245 เสียง ส่วนขั้วที่สามที่ยังไม่ประกาศจุดยืนจำนวน 6 พรรค มีจำนวนรวมกัน 121 เสียง
จากสถานการณ์ดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่สามขึ้น โดยขั้วเพื่อไทยและพันธมิตรพร้อมจะเทคะแนนเสียง 245 เสียง ให้กับขั้วที่สาม ซึ่งถ้าหากเทให้กับพรรคภูมิใจไทย ก็จะมีคะแนนเสียงรวม 296 เสียง หรือถ้าเทคะแนนเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมีคะแนนเสียง 297 เสียง
และถ้าทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยได้รับการเทเสียงจากขั้วเพื่อไทยและพันธมิตรก็จะมีคะแนนเสียงรวมกันถึง 366 เสียง ซึ่งถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะมีเสียงข้างมากและมีเสถียรภาพมาก
แต่ทว่าจำนวน 366 เสียงนั้นยังไม่เป็นเสียงข้างมากในการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี นั่นคือยังขาดอยู่อีกจำนวน 10 เสียง ก็จะได้เสียงรวม 376 เสียง สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และจะได้รัฐบาลที่มีเสียงข้างมากที่มีเสถียรภาพด้วย
จำนวน 10 เสียงที่ขาดอยู่นี้จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีความระทึกใจมากกว่าทุกระยะที่ผ่านมาทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะสิ่งที่เรียกว่างูเห่านั้นอย่าคิดว่าจะเกิดขึ้นจากขั้วเพื่อไทยและพันธมิตรหรือขั้วที่สาม
เพราะสภาพการเมืองแบบไทยๆ นั้น สภาพงูเห่าอาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจากขั้วไหน
และที่สำคัญก็คือ สว. จำนวน 250 คน จะถูกแรงกดดันมหาศาลถ้าหากขั้วที่สามได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาล เพราะจะก่อเกิดความรับผิดชอบอย่างสูงว่าจะสนับสนุนขั้วที่ไม่มีเสียงเกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎร หรือว่าจะสนับสนุนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งของประชาชน ลงคะแนนให้กับขั้วการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงเกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎรได้
อย่าลืมว่าที่มาของ สว. นั้นมีถึง 3 แหล่ง คือจากสาขาอาชีพต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 50 คน จากผู้ดำรงตำแหน่งที่รัฐธรรมนูญกำหนด คือ
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ 6 ตำแหน่ง และ สว. ที่ คสช. สรรหาจำนวน 194 ตำแหน่ง
ถ้ามี สว. เพียง 10 คนเท่านั้นงดออกเสียง หรือลงคะแนนเสียงให้กับการจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่สามก็ดี หรือเกิดงูเห่าขึ้นในขั้วพรรคพลังประชารัฐก็ดี ก็จะทำให้ขั้วที่สามได้รับชัยชนะในการเลือกนายกรัฐมนตรี
ดูจำนวนคะแนนเสียงของขั้วที่สามที่ขาดอยู่แค่ 10 เสียงแล้ว น่าจะหาได้ง่ายกว่าการหาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐ ดังนี้จึงต้องกล่าวว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้น่าระทึกใจยิ่งนัก!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี