สหรัฐมุ่งหมายที่จะทำสงครามการค้ากับจีนเพื่อบั่นทอนความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของจีนเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาแสนยานุภาพทางการทหารและโดยมุ่งหวังที่จะดำรงรักษาความยิ่งใหญ่ของแสนยานุภาพของสหรัฐไว้ให้จงได้
แต่ทว่าคิดนั้นย่อมคิดได้แต่จะบังเกิดผลสำเร็จหรือไม่ หาได้ขึ้นอยู่กับผู้คิดเพียงคนเดียวไม่ หากยังต้องเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ อีกมาก โดยเฉพาะคู่กรณี
ในวันนี้นอกจากจีนซึ่งเป็นคู่สงครามการค้ากับสหรัฐจะไม่ยอมค้อมหัวใดๆ และได้ตอบโต้การทำสงครามการค้ากับสหรัฐชนิดหมัดต่อหมัดอย่างดุเดือดและเข้มข้น จนระยะเวลา 6 เดือนผ่านไปก็ปรากฏผลเบื้องต้นว่าสหรัฐเสียดุลการค้าแก่จีนเพิ่มมากขึ้น การนำเข้าสินค้าจากจีนไม่ลดลง แต่การส่งออกสินค้าจากสหรัฐไปจีนกลับลดลง
ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการทั่วไปของสหรัฐที่ทำมาค้าขายกับจีน จนต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐยุติการทำสงครามการค้ากับจีนอย่างรีบด่วน แม้กระทั่งชาวอเมริกันเองก็ได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เพราะราคาสินค้าในประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคจากจีนซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นประจำวันของชาวอเมริกันและขาดไม่ได้กลับมีราคาสูงขึ้น
เพราะสหรัฐขึ้นอัตราภาษีจากจีนเท่าใด อัตราภาษีนั้น ก็จะถูกบวกเป็นราคาสินค้าให้ชาวอเมริกันต้องจับจ่ายใช้สอยซื้อหาในราคาที่แพงขึ้น เสียงก่นด่าและต่อต้านจากชาวอเมริกันจึงขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง จนกำลังเกิดเป็นกระแสต่อต้านการทำสงครามการค้า ทำนองเดียวกับการเกิดขึ้นของขบวนการต่อต้านสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นผลให้สหรัฐต้องพ่ายแพ้และถอนทหารออกจากเวียดนามอย่างหมดท่าเมื่อหลายสิบปีก่อน
แม้กระนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ก็ฮึดสู้ ดึงดันเดินหน้าทำสงครามการค้ากับจีนต่อไปโดยขยายวงไปถึงภาคธุรกิจของจีน โดยปักธงไปที่บริษัทหัวเว่ยซึ่งเป็นบริษัทเอกชนทำธุรกิจเกี่ยวกับโทรศัพท์และระบบสารสนเทศที่มีเครือข่ายทั่วโลก และหัวเว่ยก็ทำการค้าและความร่วมมือกับบริษัทเอกชนสหรัฐเป็นจำนวนมาก อันเป็นการดำเนินธุรกิจทางสากลที่กระทำกันทั่วโลก
มีการจับตัวลูกสาวประธานบริษัทหัวเว่ยเป็นตัวประกัน มุ่งหวังจะบีบบังคับให้ยอมจำนน แต่ปรากฏว่าลูกสาวประธานบริษัทหัวเว่ยกลับประกาศให้รัฐบาลจีนและบริษัทหัวเว่ยทำการต่อสู้จนถึงที่สุด ไม่ต้องห่วงนาง และถ้าจำเป็นนางเองก็พร้อมพลีชีพเพื่อมาตุภูมิ ก่อให้เกิดความสะเทือนใจแก่ชาวโลกโดยเฉพาะชาวอเมริกันซึ่งโดยทั่วไปก็เป็นชนชาติที่รักความเป็นธรรมและมีเมตตาธรรมอย่างสูง
รัฐบาลจีนและบริษัทหัวเว่ยจึงสามารถต่อสู้ทางการค้าได้โดยไม่ต้องห่วงหลัง ในขณะที่ชาวโลกนั้นมีความกังวลว่าถ้าหากลูกสาวประธานบริษัทหัวเว่ยมีอันเป็นไปด้วย
ประการใดๆ เมื่อนั้นก็จะเป็นวันสุดท้ายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะถูกชาวอเมริกันและชาวโลกขับไล่จนไม่เป็นผู้เป็นคน
ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์กดดันเดินหน้าทำสงครามการค้าโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของบริษัทอเมริกันและชาวอเมริกัน จึงทำให้ผู้ประกอบการชาวอเมริกันจำนวนมากต้องเข้าชื่อกันเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐยุติการทำสงครามการค้ากับจีนทันที
โดยสภาพขณะนี้แม้สงครามการค้ายังไม่ถึงขั้นแตกหักปราชัย แต่ความปราชัยได้ปรากฏขึ้นแล้วภายในสหรัฐเอง เพราะสงครามใดก็ตามที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน โดยเฉพาะนักธุรกิจสำคัญๆ ของประเทศ ก็ย่อมต้องด้วยเหตุปราชัยโดยไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นแม้ผลปรากฏของสงครามการค้ายังไม่ถึงที่สุด แต่ก็สามารถคาดการณ์แพ้ชนะของสงครามได้อย่างชัดเจนแล้ว คือจีนจะชนะและสหรัฐจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ซึ่งจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจสหรัฐให้ถดถอยไปไม่น้อยกว่าสิบปี
อย่าลืมว่าประเทศจีนนั้นแม้ยุคสมัยของประธานเหมา เจ๋อ ตุง ได้ล่วงเลยมานานแล้ว แต่หลักปรัชญาความคิดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงยึดมั่นและเชิดชูความคิดเหมา เจ๋อ ตุง เป็นแสงสว่างส่องทางอยู่อย่างมั่นคง
และที่สำคัญ ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง นั้นเป็นหนึ่งในผู้นำจีนที่รู้แจ้งถ่องแท้ในหลักปรัชญาลัทธิมาร์ค-เลนิน ความคิดเหมา เจ๋อ ตุง ทฤษฎีของเติ้ง เสี่ยว ผิง และระบบความคิดริเริ่มใหม่ ซึ่งเป็นผลึกของประชาชาติจีนที่แสดงออกโดยแนวทางนโยบายสำคัญๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มีประธานสี จิ้น ผิง เป็นศูนย์กลางการนำ
เพื่อส่งสัญญาณเตือนสหรัฐว่าจีนจะไม่มีวันพ่ายแพ้ในสงครามการค้าและจีนจะเป็นฝ่ายชนะในสงครามการค้า ประธานสี จิ้น ผิง ก็ได้แสดงท่าทีสำคัญอันเป็นไปตามหลักพิชัยสงครามคือ “ยืนอยู่ในฐานะที่ไม่พ่ายแพ้ก่อน” ดังนั้นจึงตั้งรับและรับมือกับสงครามการค้าอย่างเยือกเย็นและสุขุมยิ่ง อันเป็นไปตามหลักพิชัยสงครามที่ว่า ผู้ที่กุมชัยชนะไว้ในมือแล้วก็สามารถดำเนินสงครามให้ชัยชนะนั้นปรากฏเป็นจริง ในขณะที่ฝ่ายปราชัยต้องดิ้นรนเพื่อแสวงหาชัยชนะ
ไม่เพียงแต่ส่งสัญญาณเตือนในหลักคิดทางยุทธศาสตร์ในการทำสงครามการค้าครั้งนี้เท่านั้น ล่าสุดประธานสี จิ้น ผิง ได้ประกาศทำสงครามยืดเยื้อทางการค้ากับสหรัฐ ซึ่งหมายความว่าจีนได้วิเคราะห์สภาพการณ์ของสงครามการค้ากระจ่างแจ้งถ่องแท้แล้ว เช่นเดียวกับการวินิจฉัยสงครามต่อสู้ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสงครามใหญ่สงครามหนึ่งระหว่างจีนกับญี่ปุ่น
ในครั้งนั้นเมื่อผ่านการวิเคราะห์สงครามอย่างถ่องแท้ ประธานเหมา เจ๋อ ตุง ได้นำเสนอสรรนิพนธ์บท “ว่าด้วยสงครามยืดเยื้อ” และบทว่าด้วย “ยุทธศาสตร์สงครามจรยุทธ์” ซึ่งโดยสรุปก็คือสภาพการณ์ของสงครามนั้นจะเป็นสงครามยืดเยื้อ ที่อาศัยยุทธศาสตร์สงครามจรยุทธ์เป็นเครื่องมือสำคัญ และในที่สุดจีนก็ชนะสงครามญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด
วันนี้ความคิดเหมา เจ๋อ ตุง ว่าด้วยสงครามยืดเยื้อกำลังถูกประกาศโดยประธาน สี จิ้น ผิง ในการทำสงครามการค้ากับจีน และด้วยอานุภาพแห่งยุทธศาสตร์นี้ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าชาวโลกจะได้เห็นการปราชัยอย่างยับเยินของประธานาธิบดีทรัมป์ เช่นเดียวกับสงครามต่อต้านญี่ปุ่นในอดีต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี