“ฝนเอ๋ยทำไมจึงตก จำเป็นต้องตก เพราะว่ากบมันร้อง
กบเอ๋ยทำไมจึงร้อง จำเป็นต้องร้อง เพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอ๋ยทำไมจึงปวด จำเป็นต้องปวด เพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอ๋ยทำไมจึงดิบ จำเป็นต้องดิบ เพราะว่าฟืนมันเปียก
ฟืนเอ๋ยทำไมจึงเปียก จำเป็นต้องเปียก เพราะว่าฝนมันตก”
กลอนบทนี้ไม่ทราบว่าใครเป็นคนแต่ง มีเนื้อหาสอนให้รู้ว่าการทำอะไรที่เมื่อลงท้ายแล้วก็กลับไปเหมือนเดิมอีก เริ่มต้นกันใหม่อีกก็จะลงท้ายเหมือนเดิมอีกได้เสมอ เหมือนๆกับประเทศของเรา เมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว ก็ร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ เลือกตั้งใหม่ มีรัฐบาลใหม่ แล้วก็ปฏิวัติรัฐประหารกันอีก เป็นอย่างนี้มาตลอดในบ้านเมืองของเรา เหมือน “ฝนตกเพราะกบมันร้อง”
ไม่ได้หาสาเหตุจริงๆที่ต้องจัดการแก้ไขให้ถูกต้องและหมดไป เช่นถ้าปลวกกินบ้านก็ต้องกำจัดปลวก ไม่ใช่ปลวกกินบ้านแล้วก็มีรัฐประหารหรือเผด็จการครองเมือง และก็ใช้อำนาจที่ยึดมาได้นั้นไปในทิศทางที่ไม่ตรงกับปัญหาที่ต้องแก้ไข
บ้านเมืองและผู้คนในบ้านเมืองจึงยังคงแย่อยู่อย่างที่เห็น
ภายหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เข้ามาทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง จะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคไหนก็แล้วแต่ ถ้าได้เป็นรัฐบาลแล้วก็ต้องทำหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ให้ได้ผล ตามที่เคยพูด เคยโฆษณาไว้ตอนหาเสียง
ประเทศไทยจะได้เริ่มเดินหน้าไปสู่จุดหมายที่ต้องการ
แต่ก่อนออกเดินไปข้างหน้า ขอให้เหลียวดูหรือมองดูภาวการณ์ต่างๆที่เป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขจากพวกที่ลุกจากเก้าอี้ไปด้วย ว่ามีอะไรบ้างที่เป็นปัญหายังไม่ได้แก้ไขและปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบต่อประชาชนในการดำรงชีวิตอยู่อย่างไร บ้านเมืองและผู้คนจึงต้องเป็นอย่างนี้
และเลิกประพฤติปฏิบัติตนแบบคนกร่างเหมือนพวกที่แล้ว ที่อวดเก่ง วางกล้าม ว่าข้าแน่ ต้องเลิกทำตัวแบบนี้ เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องต่อไปนี้
เกลียดคนตรง หลงคนคดงอ
ชอบกินลูกยอ แต่ชอบให้ลูกโยน
หลงตัวเองว่าใหญ่ ดูไปก็แค่หัวโขน
คนดีจึงเผ่นโจน ยอมให้โจรนำพาไป
ใครก็ได้ที่กำลังจะบริหารบ้านเมืองต้องไม่เป็นคนอย่างนี้
หรือเป็นคนแบบพวกกร่างๆ ทั้งหลายในช่วงที่ผ่านมา
เสพสุขกันเอง บำรุงพวกพ้องของตนโดยขาดความใส่ใจ ประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังยากลำบาก ประโยชน์ของส่วนรวมอยู่ตรงไหน ประโยชน์ของประชาชนที่ควรได้รับนั้นมีอะไรบ้างและอยู่ตรงไหน ซึ่งปัญหาสำคัญดังกล่าวนี้
ยังคงมีอยู่ในปัจจุบันที่รอการแก้ไข
บางเรื่องบางราวที่ยังไม่สมควรทำในเวลานี้ ก็ควรระงับยับยั้งไว้ก่อน โดยเฉพาะในเรื่องการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือยังไม่จำเป็นในภาวการณ์ปัจจุบัน ที่ประเทศชาติและประชาชนกำลังประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมากในขณะนี้
จะทำอะไรในด้านเงินๆทองๆ ของประเทศ ก็ต้องระมัดระวังให้มากเพราะเงินงบประมาณมาจากภาษีของประชาชน
ต้องพิจารณาใส่ใจในเรื่องของคนที่นำมาร่วมทำงานว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถตรงกับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างไร หรือไม่ อย่าเห็นแก่พวกพ้องเท่านั้น เพราะคนทำงานเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนงาน
ขอให้ดูตัวอย่างที่แล้วๆ มาในระยะใกล้ๆ นี้ก็จะเห็นว่า ไม่ใช่เพราะการนำคนที่ไม่เหมาะสม มีความรู้และประสบการณ์ไม่ตรงกับงานที่จะทำในหลายๆ ที่หลายๆแห่งหรอกหรือ บ้านเมืองของเราจึงยังคงแย่อยู่อย่างนี้
นโยบายประชานิยมก็เช่นเดียวกัน เป็นนโยบายที่สร้างความชำรุดเสียหายให้เกิดขึ้นกับส่วนรวมของประเทศมาแล้ว เป็นความสุขที่ไม่แท้จริงอะไรสำหรับประชาชน และอนาคตของบ้านเมือง
ขอให้เหลียวหลังดูในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก่อนก้าวเดินไปข้างหน้า พบอะไรที่ยังเป็นปัญหาอยู่ก็ต้องรีบจัดการแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อย จะได้ไม่เป็นสิ่งที่พะรุงพะรังติดตัวอยู่ต่อไป ซึ่งถ้าจะจัดลำดับความสำคัญให้เห็นแล้ว ก็มีอย่างต่อไปนี้
1. ด้านเศรษฐกิจที่ยังโงหัวไม่ขึ้น
รายได้ไม่พอรายจ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้คนส่วนใหญ่ยังยากจน มีหนี้สินล้นพ้นตัว ทำมาหากินค้าขายไม่ดี
2. ด้านสังคม
ยังมีปัญหาในสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนที่ “บ้านไม่มีอยู่อาศัย ข้าวไม่มีกิน”
3. ด้านการเมือง
ยังประสบปัญหาทางความขัดแย้งของผู้คนในบ้านเมือง และในหมู่เหล่าของนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ
เอาแค่เรื่องใหญ่ๆ 3 อย่างนี้ ก็เห็นจะพอ
รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะทำงานต้องใส่ใจให้มาก
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี