สัปดาห์นี้จะชวนคุณไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คือ Animal Farm บทประพันธ์ของ George Orwell นามปากกาของ Eric Arthur Blair นักเขียนชาวอังกฤษ ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วง 25 มิถุนายน ค.ศ.1903-21 มกราคม ค.ศ. 1950 เขาเกิดในเมือง Motihari รัฐ Bihar (พิหาร) ประเทศอินเดีย ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
หนังสือเล่มนี้คือเล่มสำคัญที่นิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ในยุคของผมเมื่อประมาณ 30 กว่าปีมาแล้วต้องอ่าน) เนื้อหาโดยสรุปของหนังสือดูเสมือนจงใจโจมตีพวกบ้าอำนาจ พวกอภิสิทธิ์ชน พวกเผด็จการอำนาจนิยม สาระสำคัญในหนังสือคือการเสียดสีการเมืองระบอบเผด็จการในอดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย ที่ปรากฏชัดว่ามีการกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบชนชั้นกรรมาชีพ ในเรื่องนี้ยังกล่าวถึงประเด็นชนชั้น ผู้ปกครอง และผู้ใต้การปกครองด้วย
เนื้อเรื่องย่อคือ ในฟาร์มชื่อแมนเนอร์ มีเจ้าของเป็นคนชื่อโจนส์ ในฟาร์มนี้มีหมู ม้า แกะ ไก่ หมา และลา คืนหนึ่ง หมูเฒ่าเมเจอร์ คือหมูที่สัตว์ทุกตัวในฟาร์มนับถือ ได้ปลุกเร้าอุดมการณ์แก่สรรพสัตว์ว่า มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่บริโภคโดยไม่เคยผลิต แล้วยังกดขี่สัตว์ทั้งปวงให้ต้องทำงานเพื่อแลกกับส่วนแบ่งที่น้อยนิด แล้วคนก็กอบโกยผลผลิตไปทั้งหมด พอสัตว์ได้ฟังก็พร้อมใจร่วมก่อการปฏิวัติ
วาทะหนึ่งที่หมูเฒ่าเมเจอร์ตอกย้ำคือ “จำไว้เสมอว่าอุดมการณ์ของพวกเราจะต้องไม่เปลี่ยนไป ไม่มีการตกลงใดๆ ที่ทำให้พวกเราหลงทาง จงอย่าฟัง ถ้าหากมีใครก็ตามอ้างว่าคนกับสัตว์มีผลประโยชน์ร่วมกัน” หมูเฒ่าย้ำเรื่องนี้เสมอ แล้วก็ตายไปเพราะความชรา แต่สัตว์ทุกตัวซึมซับคำพูดของหมูเฒ่าแล้วมีเป้าหมายรวมกันคือปฏิวัติเพื่ออิสรภาพ
สรรพสัตว์ในฟาร์มนับถือว่าหมูมีความฉลาด เนื่องจากเชื่อมั่นในคำปลุกเร้าของเมเจอร์ จึงทำให้หมูอีกสามตัวคือ นโปเลียน หมูพูดน้อย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง สโนว์บอล หมูปราดเปรียวผู้มีความคิดสร้างสรรค์ และสเควลเลอร์ หมูช่างพูด เบี่ยงประเด็นเก่ง สามารถพูดดำให้เป็นขาวได้ กลายเป็นตัวละครสำคัญต่อมา แต่ก็มีม้า
ชื่อมอลลีที่ยังดูเหมือนยังจงรักภักดีต่อคนผู้เป็นเจ้าของฟาร์ม มอลลีมักถามเสมอๆ ว่า ถ้าล้มล้างเจ้าของฟาร์มแล้วจะมีน้ำตาลก้อนกินอีกไหม จะมีริบบิ้นผูกคออีกไหม แล้วหมูก็ตอบม้าไปว่า สัตว์ไม่มีเครื่องมือผลิตน้ำตาลก้อน และน้ำตาลก้อนไม่ใช่ของจำเป็นสำหรับสัตว์ เพราะต่อไปสัตว์จะได้กินข้าวโอ๊ต และฟางหญ้าทั้งหมดโดยอิสระ ส่วนริบบิ้นคือสัญลักษณ์ของความเป็นข้าทาส จึงไม่ควรสนใจมันต่อไป
วันนี้เหล่าสรรพสัตว์ปฏิวัติโค่นโจนส์ได้ แล้วยึดครองฟาร์มไว้ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Animal Farm แล้วเหล่าหมูก็ตั้งกฎว่า อะไรก็ตามที่เดินสองขาคือศัตรูของสัตว์ ส่วนอะไรก็ตามที่เคลื่อนไหวด้วยขาทั้งสี่และด้วยปีกคือมิตรของสัตว์ สัตว์จะต้องไม่สวมเสื้อผ้าใดๆ และไม่นอนบนเตียง ไม่ดื่มเหล้า ไม่ฆ่ากันเอง และทุกตัวมีความเท่าเทียมกัน สรุปสั้นๆ คือ “สี่ขาประเสริฐ สองขาสามานย์”
หมูสโนว์บอลเปลี่ยนแปลงระบบภายในฟาร์ม โดยกำหนดให้เก็บเกี่ยวผลผลิตให้รวดเร็วกว่าครั้งเมื่อคนเป็นเจ้าของฟาร์ม ส่วนหมูนโปเลียนทำหน้าที่ดูแลผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยว แต่น่าสังเกตที่นโปเลียนแอบนำลูกหมาที่เพิ่งคลอดจำนวน 9 ตัวไปเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสมุน ในช่วงแรกๆ พบว่าสัตว์ทุกตัวพร้อมใจร่วมกันทำงานหนักเพื่อฟาร์ม เช่น ม้าบ็อกเซอร์บอกเสมอๆ ว่า ข้าต้องทำงานให้มากขึ้น
แต่แล้วฟาร์มนี้ก็ประสบปัญหาเรื่องพวกพ้อง เพราะหมูที่ทระนงว่าเป็นสัตว์ฉลาดที่สุด จึงทำหน้าที่ควบคุมและกำกับสัตว์อื่นๆ หมูสโนว์บอลพูดเก่ง จึงได้ชัยชนะจากเสียงส่วนใหญ่หลังการอภิปรายเสมอ ส่วนหมูนโปเลียนผู้ช่ำชองการหาเสียงในหมู่สัตว์ มันจึงได้เสียงสนับสนุนจากแกะ อาจจะกล่าวได้ว่าแกะเป็นพวกชอบสอพลอนโปเลียนก็ได้
แต่เมื่อคนพ้นไปจากตำแหน่งเจ้าของฟาร์ม สุดท้ายแล้วสัตว์ก็พบว่าพวกสัตว์ด้วยกันเองก็ฉ้อฉลทุจริตคอร์รัปชั่นเช่นกัน เพราะความจริงถูกเปิดเผยให้พบว่า ข้อตกลงเดิมที่บอกว่าผลผลิตทั้งหมดจะต้องถูกแบ่งสรรปันส่วนโดยเท่าเทียมกัน แต่กลับพบว่าแอปเปิ้ลกับน้ำนมถูกยักยอกไปเก็บไว้ในห้องพักของพวกหมูเจ้าเล่ห์
เมื่อความแตก เจ้าหมูสเควลเลอร์ จึงออกมาแก้เกี้ยวเบี่ยงประเด็นกับสรรพสัตว์ว่า อย่าเข้าใจหมูผิด เพราะหมูไม่เห็นแก่ตัว หมูไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน แต่หมูต้องใช้สมองมากจึงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพของตนเองให้ดี เพื่อจะได้เป็นกำลังสมองให้กับสรรพสัตว์ และเพื่อป้องกันคนกลับมาเป็นเจ้าของฟาร์ม แล้วถามสรรพสัตว์ว่าไม่ต้องการให้คนกลับมาเป็นเจ้าของฟาร์มใช่ไหม พอได้ฟังคำบิดเบือนเช่นนี้ เหล่าสัตว์ก็ยอมจำนนแล้วหลงเชื่อหมูเจ้าเล่ห์
นอกจากโกหกหลอกลวงสรรพสัตว์แล้ว หมูเจ้าเล่ห์ยังใช้วิธีข่มขู่ ข่มขวัญ และหลอกลวงอีกด้วย ในที่สุดก็เกิดความขัดแย้งในฟาร์มเมื่อหมูสโนว์บอลบอกกับที่ประชุมว่าจะต้องสร้างกังหันลมเพื่อใช้ทดแทนแรงงานสัตว์ในฟาร์ม และใช้แรงกังหันลมสร้างความอบอุ่นให้กับสัตว์ทุกตัว แต่ปัญหาคือต้องใช้เวลาสร้างกังหันนาน 1 ปี แต่หลังจากสร้างเสร็จแล้วสัตว์ทุกตัวจะสุขสบาย ทำงานน้อยลงเหลือเพียงอาทิตย์ละ 3 วันเท่านั้น ส่วนหมูนโปเลียนไม่เห็นด้วยกับการสร้างกังหันลม แต่ก็ไม่คัดค้าน แต่บอกว่าโครงการกังหันลมจะล้มเหลว ส่วนสัตว์อื่นๆ ก็แบ่งฝ่ายสนับสนุนหมูเจ้าเล่ห์ทั้งสอง โดยบอกว่า เชื่อสโนว์บอลเราจะทำงานน้อยลง เชื่อนโปเลียนเราจะมีอาหารเต็มรางทุกวัน แต่ลาชื่อเบนจามินไม่เชื่อฝ่ายไหนเลย แต่มันบอกว่าถึงอย่างไรเสียสัตว์ก็ต้องตกทุกข์ได้ยากเหมือนเดิม
ครั้นเมื่อถึงวันลงคะแนนเรื่องสร้างกังหันลม หมูสโนว์บอลโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ นานา ถึงความอยู่ดีกินดีของสัตว์ ส่วนหมูนโปเลียนโต้กลับสั้นๆ ว่า กังหันลมคือเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง จบคำหมูนโปเลียนก็เรียกหมาทั้ง 9 ที่เลี้ยงไว้จนโตแล้วออกมาไล่กัดสโนว์บอลจนต้องหนีกระเจิงไป แล้วไม่กลับมาอีกเลย เมื่อนโปเลียนยึดกุมอำนาจได้แล้วก็ประกาศยกเลิกการประชุมหารือของสัตว์ทุกวันอาทิตย์ แล้วบอกว่าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะถูกแก้ไขโดยคณะกรรมการพิเศษที่มีนโปเลียนเป็นประธาน ส่วนหมูโฆษกจอมลวงโลก คือ สเควลเลอร์ ก็ออกมาแก้ตัวแทนนโปเลียนว่า การเป็นผู้นำสูงสุดไม่ใช่เรื่องสนุกสนานเลย แต่เป็นการเสียสละสูงสุด และต้องรับผิดชอบอย่างมากจนเกินจะบรรยาย และสอพลอด้วยว่า ไม่มีสหายสัตว์ตัวไหนจะมีความน่าเชื่อถือมากไปกว่านโปเลียน แม้ว่าสัตว์ทุกตัวจะมีความเสมอภาคกันก็ตาม แต่นโปเลียนจะมีความสุขมากถ้าหากทุกตัวสามารถตัดสินเรื่องราวต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่อย่าลืมว่าบางครั้งสัตว์อื่นๆ อาจตัดสินใจผิดพลาดได้ ความกล้าหาญนับเป็นเรื่องดีมาก แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะความจงรักภักดีและการเชื่อฟังคำสั่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด การก้าวเดินที่พลาดพลั้งเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ศัตรูกลับมามีชัยชนะเหนือพวกเรา พวกเราไม่ต้องการให้คนกลับมาเป็นเจ้าของฟาร์มใช่ไหม หมูเจ้าเล่ห์ตอกย้ำเรื่องนี้เสมอๆ
สุดท้ายกังหันลมก็ถูกสร้าง แต่ใช้เวลานานกว่าเดิม แล้วสุดท้ายสัตว์ก็ได้ส่วนแบ่งอาหารน้อยลงกว่าเดิม แน่นอนว่าเสียงโกหกของหมูสเควลเลอร์อาจจะทำให้สัตว์หวาดกลัวน้อยกว่าเสียงขู่และรอยเขี้ยวของหมาสมุนนโปเลียน สุดท้ายหมูก็ย้ายจากเล้าเข้าไปนอนอุ่นสบายในบ้านของโจนส์ ม้าชื่อโคลเวอร์ จำได้ว่ามีข้อบัญญัติว่าสัตว์ต้องไม่นอนบนเตียง ก็รำพึงกับลาเบนจามินว่า ในที่สุดบทบัญญัติก็ถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อผลประโยชน์ของสัตว์บางตัวที่เป็นใหญ่
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในฟาร์มทุกวัน ในที่สุดสัตว์ที่มีอำนาจในฟาร์มก็ติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนผลผลิตกับคน ไข่ไก่ถูกนำไปขาย ทำให้แม่ไก่ต่อต้านหนัก แต่สุดท้ายไก่ก็ถูกลงโทษด้วยการไม่ให้อาหาร จนแม่ไก่ต้องตายไป 5 ตัว ในฟาร์มจึงเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว และเต็มไปด้วยข่าวลือสารพัด ทั้งการฆ่าตัดตอน สาดสีสาดโคลนกันตลอดเวลา แม้สโนว์บอลจะออกจากฟาร์มไปแล้ว แต่ชื่อของมันก็ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นตลอดเวลา มีคำอ้างว่าความเลวร้ายในฟาร์มเกิดจากฝีมือของสโนว์บอล และมีการปล่อยข่าวว่าสโนว์บอลจะล้มล้างฟาร์ม สัตว์หลายตัวต้องถูกสังหารเพราะสารภาพว่าฝันถึงสโนว์บอล และแล้วในที่สุดสัตว์ทั้งหลายในฟาร์มก็ประจักษ์ชัดว่า แม้โจนส์จะไม่ได้ปกครองฟาร์มแล้ว แต่ชีวิตของสัตว์ในฟาร์มก็เลวร้ายไม่ต่างไปจากเดิม และอาจจะเลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำไป บ็อกเซอร์ทำงานหนักจนป่วย นโปเลียนอ้างว่าจะพาไปโรงพยาบาล แต่กลับพาไปขายที่โรงฆ่าสัตว์ เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเหล้าดื่มกินกันในกลุ่มผู้นำ หมูสเควลเลอร์คอยบอกถึงตัวเลขผลผลิตมากมายให้สัตว์ได้รับรู้ แต่สัตว์ก็สงสัยว่าแล้วผลผลิตนั้นไปตกอยู่ที่ไหน เพราะสัตว์ไม่เคยได้รับประโยชน์ใดๆ สุดท้ายหมูก็เปลี่ยนเป็นยืนด้วยสองขาหลัง ส่วนแกะสอพลอก็บอกว่า สี่ขาประเสริฐก็จริง แต่สองขาประเสริฐยิ่งกว่า และข้อบัญญัติที่เคยระบุว่าสัตว์ทั้งหมดเท่าเทียมกัน แต่มีสัตว์บางตัวมีความพิเศษเหนือกว่าสัตว์อื่นๆ ฉากสุดท้ายของเรื่องคือ นโปเลียนเชิญคนเข้าไปในฟาร์มแล้วแสดงให้เห็นว่าสัตว์กับคนเท่าเทียมกัน แต่ที่สำคัญคือในฟาร์มแห่งนี้สัตว์ชั้นต่ำทำงานได้มากมายมหาศาล แต่ได้รับส่วนแบ่งอาหารน้อยที่สุด จนมีการกล่าวขานกันว่าฟาร์มแห่งนี้สัตว์ได้รับส่วนแบ่งน้อยมากแต่สามารถทำงานได้มากมายมหาศาล
ขอให้คุณกลับไปอ่าน Animal Farm ฉบับเต็ม (ภาษาอังกฤษหรือไทยก็ได้) แล้วกรุณาถามตัวคุณเองว่า คุณคิดว่าฟาร์มแห่งนี้มีคุณเป็นตัวละครตัวไหน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี