ได้รับเกียรติให้ไปกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสการจบการศึกษาชั้นปีที่ 12 และรับประกาศนียบัตรของโรงเรียนนานาชาติ 2 แห่งในกรุงเทพมหานคร โดยโรงเรียนทั้ง 2 แห่ง ได้ให้หัวข้อที่จะพูดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย คือได้ให้หัวข้อการเป็นพลเมืองรัฐชาติและการเป็นพลเมืองโลก ผมค่อนข้างชื่นชมกับหัวข้อที่ทางโรงเรียนมอบหมายมาให้ เพราะดูเป็นหัวข้อที่ท้าทายดี และมีความเหมาะสมกับนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ
ผมจึงได้ให้ข้อคิด ข้อแนะนำ เพื่อเขาจะได้ใช้เป็นแนวคิด แนวทาง และเป็นกำลังใจ ในการเตรียมตัวไปเป็นผู้ที่จะก้าวไปสู่โลกกว้าง
ผมจึงได้โอกาสแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวจากการที่เคยเป็นนักเรียนประจำอยู่โรงเรียนกินนอนแบบนานาชาติ ที่เมืองดาร์จีลิ่ง รัฐเบงกอลตะวันตกของประเทศอินเดีย บนเทือกเขาหิมาลัยปลายสุดไปทางทิศตะวันออก
โรงเรียนของผมเหมือนกับโรงเรียนนานาชาตินี้ที่มีเด็กหลากหลายชาติพันธุ์ โดยโรงเรียนของผมนั้นแม้จะมีนักเรียนจำนวนเพียง 300 กว่าชีวิต แต่ก็ประกอบกันถึง 40-50 ชาติพันธุ์เลยทีเดียว โดยมีตั้งแต่พวกจัณฑาล ไปจนถึงวรรณะสูงๆ รวมถึงบรรดาลูกหลานเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของทั้ง ภูฏาน สิขิมทิเบต และเนปาล แล้วก็เด็กฝรั่งและเด็กลูกครึ่ง
ด้วยความหลากหลายทางชาติพันธุ์นี้ ผมเองจึงมองว่า โรงเรียนของผมและโรงเรียนนานาชาติที่ผมได้รับเชิญไปร่วมพิธีเฉลิมฉลอง และไปกล่าวสุนทรพจน์นั้นก็เปรียบเสมือนโลกใบน้อย ที่ถูกจำลองมาจากโลกกว้างใหญ่ที่แท้จริง
ทุกคนมีตัวตนในฐานะคนชาติหนึ่งใด และในขณะเดียวกันทุกคนก็เป็นพลเมืองโลกไปพร้อมๆ กัน
ผมได้บอกกับเด็กๆ ว่า ในฐานะเป็นพลเมืองของประเทศหนึ่งใด ก็ต้องเข้าฝึก หรือถูกเกณฑ์ทหาร หรือไม่ก็เป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม รวมทั้งทุกคนก็ต้องเสียภาษี เคารพกฎหมายของประเทศนั้นๆ เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ต้องตระหนักว่าในสังคมหนึ่งใดนั้น แม้คนส่วนใหญ่จะมีความเหมือนกัน แต่ก็ยังคงมีคนส่วนน้อยส่วนหนึ่งที่มีความต่าง ทั้งสีผิว หน้าตา ชาติพันธุ์ การนับถือศาสนา ความคิดความอ่าน และวิถีชีวิต แต่ทุกคนก็ต้องเป็นพลเมืองที่รู้ซึ่งสิทธิและหน้าที่ เพื่อจรรโลงให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุกและมีสันติ
แต่ในการเป็นพลเมืองโลกนั้น มีความแตกต่างกับการเป็นพลเมืองรัฐชาติ เช่น ไม่ต้องเสียภาษี หรือไม่ถูกเกณฑ์ทหาร แต่ในฐานะพลเมืองโลก ทุกคนก็ต้องมีภาระหน้าที่ มีส่วนรับผิดชอบต่อโลกซึ่งเป็นของส่วนรวมของทุกคน จัดได้ว่า พื้นที่โลกเป็นของพลเมืองโลกทุกคน (The Global Commons)
ฉะนั้น เมื่อโลกเป็นของเรา หรือเราร่วมกันเป็นเจ้าของโลก เราแต่ละคนก็ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการดูแล รักษา ทำนุบำรุงโลก เพราะโลกมีปัญหา หรือมีเรื่องให้ท้าทายมากมายที่จะนิ่งเฉย หรือต่างคนต่างอยู่ ต่างทำมิได้ แต่ต้องร่วมกันทำ เพื่อความยั่งยืน และสันติสุขของโลก
ประเด็นปัญหาโลกที่กำลังเกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นข้างหน้า และรอบๆ ตัวเราก็มีเรื่องการถดถอย สูญเสียของธรรมชาติแวดล้อม อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ฤดูกาลไม่สม่ำเสมอคงที่ กระทบต่อชีวิตประจำวันและอาชีพเกษตรกรรม
ในขณะเดียวกัน การขัดแย้ง รบราฆ่าฟันกันอันสืบเนื่องมาจากการเห็นต่างอย่างสุดโต่งก็ยังขยายตัวและได้ทวีความรุนแรงยิ่งๆ ขึ้น คู่ขนานไปกับการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่หมิ่นเหม่ต่ออุบัติเหตุ หรือการใช้อย่างไร้ความรับผิดชอบ ไร้สติ ก็เป็นภัยคุกคามอยู่ทุกเมื่อ
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องการการหยั่งคิดและความร่วมมือกัน ต้องการการออมชอม และเห็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยเฉพาะการมีทัศนคติที่ว่า เราพลเมืองโลกร่วมเป็นเจ้าของโลก ก็ต้องร่วมมือกันจรรโลงรักษา
การเรียนหนังสือและการใช้ชีวิตที่โรงเรียนนานาชาติ นอกจากจะมีผลสำเร็จทางการเล่าเรียนแล้ว ก็ต้องมีผลสำเร็จทางการมีชีวิตท่ามกลางความแตกต่าง และจิตสำนึก และทัศนคติที่ดี ที่สร้างสรรค์ต่อส่วนรวมด้วย ฉะนั้น ชีวิตในโรงเรียนนานาชาติซึ่งเป็นโลกน้อยๆ นี้ก็ได้ช่วยกล่อมเกลา ปูทางให้เป็นพลเมืองรัฐชาติ และพลเมืองโลกได้ควบคู่กันไป ถ้าเป็นอื่นชีวิตเรียนที่โรงเรียนนานาชาติก็จะผ่านพ้นไปอย่างไม่สมบูรณ์ แต่ผมก็เชื่อว่าเด็กนักเรียนเหล่านี้จะเป็นพลเมืองรัฐชาติและพลเมืองโลกอย่างเป็นคู่แฝดกันไปได้ดี โดยเฉพาะการรณรงค์เพื่อรักษาธรรมชาติแวดล้อม และการไม่โอนอ่อนต่อความสุดโต่งทั้งหลาย
ผมได้ให้กำลังใจเด็กๆ แสดงความเชื่อมั่นว่าเขาจะเป็นพลเมืองรัฐชาติ และโลกได้ดี เพราะเตรียมตัวกันมาพร้อมแล้ว
และในเรื่องเดียวกันนี้ แม้เราผู้หลักผู้ใหญ่อาจจะมิได้เคยเป็นอดีตนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ แต่ความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพลเมืองโลก ก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ผมจึงขออนุญาตเอาเนื้อความของสุนทรพจน์ข้างต้นมาฝากกัน เพื่อให้ได้ตระหนักถึงหน้าที่ของตนเอง ในการเป็นพลเมือง ที่จะต้องจรรโลง ทะนุถนอมความหลากหลาย และสันติภาพ ในการอยู่ร่วมกัน รวมถึงการรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมให้เป็นสมบัติแก่ลูกหลานชาวโลกในรุ่นต่อๆ ไป เราไม่สมควรสร้างภาระ และทิ้งภาระเป็นมรดกมืดๆ ให้กับลูกหลานของเราทุกคน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี