หลังจากการประชุมบรรดาประเทศอาเซียนและประเทศคู่ค้ากับอาเซียนที่สิงคโปร์เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทางสิงคโปร์ก็ได้เรียกร้องให้ประเทศอาเซียนจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับภัยอันตรายด้านความมั่นคงที่กำลังเกิดขึ้นและขยายตัวออกไปเป็นวงกว้าง
แม้ไม่กล่าวชัดๆ ว่าภัยอันตรายด้านความมั่นคงที่ว่านั้นเป็นภัยอันตรายอะไรและมาจากไหน แต่ชาวโลกก็รู้กันว่าหมายถึงภัยอันตรายที่มาจากจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน หรือโดยรวมก็คือจากกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้นั่นเอง
สุ้มเสียงแบบนี้ไม่ต้องบอกก็เข้าใจได้ว่าสิงคโปร์ได้แสดงจุดยืนและท่าทีให้ปรากฏต่อชาวโลกอีกครั้งหนึ่งว่าสิงคโปร์ยืนข้างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในภูมิภาคนี้ หรือถ้ากว้างออกไปหน่อยก็กล่าวได้ว่าสิงคโปร์ยืนข้างฝ่ายนาโตในทางสากล
เมื่อเข้าใจจุดยืนเช่นนี้แล้วก็ควรจะทำความเข้าใจสถานการณ์ของประเทศอาเซียนโดยรวมต่อไป เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้รวมทั้งประชาชนชาวไทยได้ทราบและเข้าใจโดยทั่วกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติและประชาชน
แต่ก่อนร่อนชะไรมานับแต่ได้มีการตั้งอาเซียนเมื่อครึ่งศตวรรษก่อนก็ต้องยอมรับกันในเบื้องต้นว่าอาเซียนนั้นเป็นพัฒนาการขั้นหนึ่งที่ต่อเนื่องและเข้าสวมบทบาทแทนองค์การสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียอาคเนย์หรือซีโต
และต่อมาซีโตก็ถูกแทนที่ด้วยอาเซียน เพราะลักษณะของซีโตนั้นเป็นองค์กรความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงเป็นหลัก ซึ่งไม่สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะยุคหลังสงครามเวียดนามที่สหรัฐพ่ายแพ้สงครามเวียดนามแล้วขนข้าวของกลับบ้าน ทิ้งให้อาเซียนต้องเดี่ยวเดียวดายและต้องรักษาตัวรอดกันเอาเอง
ดังนั้นในระยะเริ่มแรกของอาเซียนจึงเป็นองค์การความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาเป็นหลัก ครั้นเวลาเนิ่นนานไปก็ได้เพิ่มความร่วมมือกันมากด้านยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการทหารและความมั่นคง ดังนั้น จึงต้องมีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนภายใต้อาเซียนนั้นอย่างต่อเนื่องตลอดมา
เหตุนี้จึงกล่าวได้ว่าอาเซียนในปัจจุบันเป็นองค์การความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศและการทหารด้วย
และเมื่อความร่วมมือนั้นได้ขยายตัวไปถึงทางการทหาร ก็ย่อมกระทบต่อพื้นฐานอดีตความสัมพันธ์และจุดยืนผลประโยชน์ของแต่ละชาติอาเซียน ซึ่งมีความแตกต่างกัน
เพราะในบรรดาประเทศอาเซียนสิบประเทศ คือ ไทย เมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ นั้นมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน เพราะบางประเทศก็เคยเป็นประเทศในโลกสังคมนิยมบางประเทศก็เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสหรัฐ บางประเทศก็แกว่งไกวไปมาตามแต่สถานการณ์
แม้กาลเวลาจะผ่านไป แต่พัฒนาการความสัมพันธ์โดยเฉพาะผลประโยชน์ระหว่างประเทศแต่ละประเทศในอาเซียนกับกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้และกลุ่มนาโตที่นำโดยสหรัฐก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นเดียวกัน
จึงหลายครั้งได้เกิดปัญหาและความขัดแย้งขึ้นในอาเซียน ดังเช่นเมื่อครั้งที่กัมพูชาเป็นประธานอาเซียนก็ได้เกิดความขัดแย้งกันในหลายเรื่อง รวมทั้งปัญหาข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ถึงขั้นไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมของอาเซียนได้
ครั้นมาถึงเวรที่ลาวเป็นประธานอาเซียน ด้วยความปรีชาสามารถของคณะผู้นำลาวจึงสามารถออกแถลงการณ์ร่วมของอาเซียนได้ แต่เนื้อในที่แท้จริงกลับปรากฏว่าเป็นการแถลงการณ์ที่ว่างเปล่า ไม่มีผลจริงทางปฏิบัติใดๆ เพราะเป็นแค่แถลงการณ์ร่วมที่ขอให้ผ่านพ้นไปที เพื่อรักษาเอกภาพของอาเซียนไว้เท่านั้น
มาถึงวันนี้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ในสถานการณ์ที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง และภูมิภาคตลอดจนอาเซียนก็มีการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างใหญ่หลวงด้วย การเป็นประธานอาเซียนครั้งนี้ของประเทศไทยจึงต้องถือว่าเป็นทั้งโชคดีและโชคร้ายก็ได้
เพราะถ้าสามารถทำให้เกิดความปรองดองและขับเคลื่อนการงานของอาเซียนให้เดินหน้าไปด้วยดีก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้าหากเกิดทะเลาะเบาะแว้งหรือออกแถลงการณ์ร่วมใดๆ ไม่ได้ ก็ไม่อาจนับว่าเป็นโชคดีของประเทศไทย
ดังนั้นสภาพการณ์ภายในของอาเซียนปัจจุบันเป็นอย่างไร เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอย่างไรแล้ว จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำความรู้ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้
ประการแรก ต้องเข้าใจความสัมพันธ์และผลประโยชน์ระหว่างบางประเทศในอาเซียนกับขั้วความขัดแย้งของโลกให้ถ่องแท้
ปัจจุบันนี้ กัมพูชา ลาว เมียนมา และมาเลเซีย มีผลประโยชน์ร่วมกับจีนและองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้อย่างลึกซึ้งเหนียวแน่นแล้ว และได้แสดงจุดยืนเช่นว่านี้อย่างเปิดเผยชัดเจนตลอดมา
ส่วนฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียหลังเกิดกรณีกลุ่มไอซิสเตรียมยึดมินดาเนา และเกิดรัฐประหารในฟิลิปปินส์ ซึ่งสองประเทศนี้ก็รู้ดีว่าขั้วอำนาจใดอยู่เบื้องหลัง จึงถอยฉากจากขั้วความสัมพันธ์เดิม หันไปร่วมมือและพึ่งพาจีนและรัสเซียมากขึ้น ในขณะที่ยังมีเครือข่ายความเชื่อมโยงแห่งอดีตดำรงอยู่ด้วย
สำหรับเวียดนามนั้นมีบทเรียนสงครามและความขัดแย้งในอดีตที่เคยทำสงครามกับสหรัฐและจีนมาแล้ว ดังนั้น เวียดนามจึงมีจุดยืนที่จะสร้างความสัมพันธ์ทั้งรัสเซีย จีน และสหรัฐ โดยพยายามที่จะไม่เลือกข้างฝั่งใดอย่างชัดเจน
ส่วนไทยและสิงคโปร์นั้นมีผลประโยชน์ร่วมกับสหรัฐและมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งมาช้านาน โดยเฉพาะความใกล้ชิดและผลประโยชน์ร่วมกับสหรัฐและญี่ปุ่น แต่ก็ยังคงระมัดระวังออสเตรเลียอยู่ไม่น้อย
สำหรับบรูไนนั้นถือว่าเป็นประเทศเล็กแต่เป็นประเทศสำคัญในโลกอิสลาม จึงพยายามเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และพยายามเป็นมิตรกับทุกฝ่าย
ประการที่สอง ขณะนี้ความขัดแย้งของขั้วการเมืองโลกรุนแรงและแหลมคมมากกว่าทุกระยะที่ผ่านมา ความขัดแย้งในภูมิภาคก็รุนแรงขึ้น โดยขยายความขัดแย้งในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ซึ่งขณะนี้ก็มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นและมีการอวดแสนยานุภาพทางการทหาร และก่อให้เกิดความขัดแย้งกันรุนแรงขึ้น ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ภายในอาเซียนด้วย
ประการที่สาม ในยามที่สหรัฐกำลังโดดเดี่ยวในเรื่องสงครามการค้าเพราะมิตรประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในยุโรป แม้กระทั่งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ก็พยายามถอยฉากออกจากความขัดแย้งนี้ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่กำลังถูกกดดัน ดังเช่นการเริ่มต้นด้วยการกล่าวหาประเทศไทยว่าร่วมกับสิงคโปร์ปั่นค่าเงิน เป็นต้น
ทั้งสามประการนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อครั้งที่ คสช. ยึดอำนาจใหม่ๆ นั้น ได้ถูกประเทศตะวันตกรวมทั้งอียูและสหรัฐกดดันอย่างรุนแรง ถึงขั้นเตรียมจะประกาศไม่ให้ คสช. เข้าประเทศหรือแบล็กลิสต์ คสช. ด้วยซ้ำ แต่เพราะการดำเนินวิเทโศบายแบบไทยๆ จึงทำให้ในระยะแรกของการยึดอำนาจนั้นได้รับการประกาศสนับสนุนจากรัสเซีย จีน อิหร่าน และอินเดีย
หลังจากนั้นประเทศตะวันตกก็ได้เปลี่ยนท่าที เพราะเห็นว่าท่าทีเดิมนั้นมีแต่จะผลักไสประเทศไทยให้หันไปจับมือกับกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้มากขึ้น จึงเออ อวยลดแรงกดดันทุกด้านลง โดยเฉพาะการคืนสิทธิ์ต่างๆ ที่กดดันประเทศไทยในระยะต้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ในห้วงเวลานั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศวิเทโศบายของประเทศไทยสองประการคือ
ประการแรก ประเทศไทยจะไม่ยอมให้ใครกดดันข่มเหง จะไม่ยอมก้มหัวให้แก่ใคร แต่ก็จะไม่เป็นศัตรูกับประเทศใด
ประการที่สอง ประเทศไทยจะต้องรักษาตลาดเก่าไว้ให้ได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องขยายตลาดใหม่ของโลกด้วย
ต้องนับว่านี่คือวิเทโศบายที่ถูกต้อง คงเหลือแต่การทำให้เป็นจริงเป็นจังเท่านั้น และนี่ก็คือหัวใจของการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของประเทศไทยในครั้งนี้ด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี