หลังสภาฯ เลือกพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯอีกครั้งหนึ่ง ผมพบหญิงสาวชาวบ้านที่ศูนย์กีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เธอตั้งประเด็นเชิงตัดพ้อว่า
“ในที่สุดก็ได้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ เหมือนเดิม”
ผมถามกลับไปว่า “ไม่ดีหรือ?”
เธอตอบว่า “ดี ก็เหมือนกับที่วางล็อกไว้ มีสว.250 คน มาช่วยเลือกก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้”
“เราเสียเงินเลือกตั้งไปตั้งเยอะ อย่างนี้ไม่ต้องเลือกตั้งก็ได้ หลายคนต้องเสียค่ารถกลับบ้านไปเลือกตั้ง
เสียเงินเสียเวลาอีก”
ความเห็นของหญิงสาวชาวบ้าน ทำให้ผมได้คำนึงถึงความจริงขึ้นทันที
เราเสียงบประมาณแผ่นดินเลือก สว.ไป 1,300 ล้านบาท ได้ สว.มา 250 คนแบบนี้
เราเสียงบประมาณแผ่นดินเลือก สส.ไป 5 พันกว่าล้านบาท ได้ สส.มา 500 คน
และผู้ไปเลือกตั้งทุกคนต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าเสียเวลาทำมาหากิน รวมกันทั้งประเทศอีกมหาศาล
ที่สำคัญเราต้องจ่ายเงินเดือน ค่าตอบแทนทั้ง สส. / สว. และผู้ช่วย ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ รวม 8 คน ต่อ สส. หรือ สว. 1 คน
ค่าตอบแทนรวมกันปีละเกือบ 3 พันล้านบาท ถ้านับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน จะรวมกันปีละเกือบหมื่นล้านบาท
ข้อเสนอแนะนายกฯ คนใหม่ (ประยุทธ์คนเก่า)
ประชาธิปไตยมีต้นทุนสูง เมื่อจัดให้มีการเลือกตั้งจนมีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว จึงไม่ควรใช้รัฐสภาเป็นเพียงเครื่องประดับให้ดูเสมือนเป็นเพียงรูปลักษณ์ประชาธิปไตย แต่ต้องทำงานกับรัฐสภาเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ
1. นายกฯประยุทธ์ และรัฐมนตรีต้องไปร่วมประชุมเพื่อตอบกระทู้ถาม เพราะทั้ง 2 สภา จะดีจะเลวอย่างไร ส่วนใหญ่ก็มาจากประชาชนที่หลากหลาย การตอบกระทู้ประจำสัปดาห์ ก็คือการตอบตัวแทนประชาชน ว่า
นโยบายและมาตรการที่ทำไปในแต่ละสัปดาห์ทำไปเพราะอะไร พร้อมรับรู้การติติงและรับทราบทางเลือกอย่างอื่น
ต้องไม่ทำตัวเหมือนนายกฯหญิงที่ประเทศไทยเคยประสบด้วยความขมขื่นมาแล้ว แต่ต้องทำตัวให้สมชายชาติทหาร
2. ต้องเข้าร่วมประชุมสภาทั้ง 2 เพื่ออภิปรายแลกเปลี่ยนในญัตติต่างๆ ซึ่งญัตติก็คือ ข้อเสนอที่ต้องอภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นและมีการลงมติ ถ้านายกฯให้ความสำคัญกับญัตติต่างๆ และให้ตัวแทนของประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางของประเทศ รัฐบาลก็จะได้ความคิดที่รอบคอบมากขึ้น
3. แม้วุฒิสภาที่มีสมาชิก 250 คน ที่นายกฯตั้งมากับมือ ก็ควรจะให้เกียรติไม่ถือว่าสามารถสั่งได้ เหมือนครั้งที่ให้โหวตเลือกนายกฯ จึงต้องให้ความสำคัญ และให้สว.มีส่วนร่วมแนะนำและนายกฯตอบกระทู้อย่างจริงใจ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลของท่านและประเทศโดยรวม
4. นายกฯ อาจจะต้องปรับทัศนะเพื่อให้เข้าใจว่า บัดนี้ท่านเป็นนายกฯที่มาจากรัฐสภาไม่ใช่มาจากการยึดอำนาจ จึงจำเป็นต้องตอบคำถามประชาชนผ่านสื่อมวลชนที่เขาทำหน้าที่ซักถามแทนประชาชน
การดุด่า ตวาดผู้สื่อข่าว หงุดหงิดโมโห อาจจะต้องระงับ ระมัดระวัง ไม่ใช่เพราะเพียงภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แต่ต้องคิดถึงประโยชน์ที่จะให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแก่ประชาชน
5. โลกปัจจุบัน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญมาก นายกฯ และคณะรัฐมนตรีต้องแสวงหาความรู้และให้ความสนใจ เพราะปัจจุบันเมื่อนึกถึงผู้นำในอาเซียนที่มีสติปัญญาความสามารถ ที่มหาอำนาจจะเกรงใจยอมรับนับถือ จะกลายเป็นผู้นำของสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศอื่น ไม่ใช่ผู้นำของประเทศไทยเหมือนในอดีต
ยิ่งเราเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ นายกฯและรัฐมนตรีจะต้องใส่ใจ ทำงานเตรียมงาน ไม่ใช่เพียงเป็นประธานในพิธีกรรม ขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แต่ต้องได้เนื้อหาและประโยชน์แก่ประเทศไทยของการเป็นประธานอาเซียนในครั้งนี้
6. นายกฯประยุทธ์จะต้องรักษาคำมั่นสัญญา โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจที่เคยสัญญาไว้เมื่อเป็นนายกฯครั้งที่แล้ว ว่าจะให้นายกฯในรัฐบาลหลังเลือกตั้งดำเนินการให้สำเร็จ
ยิ่งกว่านั้น หากจะถอดหมวกอดีต ผบ.ทบ. เพราะปัจจุบันท่านเป็นนายกฯจากรัฐสภาแล้ว ก็ควรคิดปฏิรูปกองทัพให้ “จิ๋วแต่แจ๋ว” ลดกำลังพลระดับสูงที่มากเกินไป นำงบประมาณพัฒนาเทคโนโลยีที่สมสมัย เพราะปัจจุบันคงจะไม่เกิดการสู้รบด้วยกำลังคนไล่ฟันกันอีกต่อไป
โดยเฉพาะทหารเกณฑ์ คงต้องปรับเปลี่ยนค่าตอบแทน สวัสดิการ ให้ทักษะความรู้เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนอยากสมัครรับราชการทหารเพื่อเป็นทหารเกณฑ์มากขึ้น ลดความรุนแรง เลิกเกณฑ์แรงงานไปเป็นผู้รับใช้ในบ้าน จะได้จัดสรรชายหนุ่มวัยทำงานที่เขามีภาระต้องดูแลพ่อแม่หรือมีความเชี่ยวชาญอย่างอื่นจะได้ทำงานตรงความเชี่ยวชาญ
7. การปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปสื่อมวลชน และอื่นๆ ที่เคยคิดจะทำแต่ยังไม่สำเร็จ ควรจะต้องให้รัฐสภามีส่วนร่วมในการดำเนินการให้เป็นผลให้ได้ มิเช่นนั้นเราก็จะประสบปัญหาที่โครงสร้างและระบบของแต่ละเรื่องต่อไปเรื่อยๆ
8. นายกฯประยุทธ์ จะต้องสวมหัวใจนายกฯจากประชาชนไม่ใช่จากการยึดอำนาจ ต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างแท้จริง ไม่ใช่ไปกำหนดให้องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น (เทศบาล อบต. อบจ.) มีหน้าที่ทำอะไรได้บ้าง
แต่ต้องปรับเปลี่ยนโจทย์ เปลี่ยนแนวทาง ให้ท้องถิ่นสามารถมีหน้าที่แก้ปัญหาและทำได้ทุกเรื่อง เว้นแต่อะไรที่ทำไม่ได้จึงระบุไว้ ทั้งนี้เพราะชุมชนแต่ละแห่งทั่วประเทศย่อมมีปัญหาที่ต้องการแก้ไขแตกต่างกัน ท้องถิ่นจึงต้องทำได้ทุกเรื่อง เว้นแต่การมีธนบัตรของตนเอง มีกองกำลังทหารของตนเอง มีศาลยุติธรรมของตนเอง อย่างนี้จึงทำไม่ได้ เป็นต้น
9. อนาคตอันใกล้ ประเทศไทยที่เป็นสังคมสูงวัย จะมีคนอายุยืนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นที่จะต้องให้องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นและชุมชน มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการวางแผนรองรับสังคมสูงวัยซึ่งเป็นสงครามใหม่ ข้าศึกใหม่ของประเทศ ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในประเทศไทย
เห็นใจนายกฯ คนใหม่
5 มิถุนายน ที่ผ่านมา พิธีในรัฐสภาตั้งแต่เช้าจนดึกเป็นการประกาศว่าประเทศเรามีนายกฯ ใหม่ (จากคนเก่า) ที่ประกาศร่วมหอลงโรงกับพรรคการเมืองหลายพรรค
เสมือนเป็นเจ้าบ่าว ประกาศร่วมหอลงโรงกับเจ้าสาวหลายคน
มี พปชร. เป็นภรรยาหลวง และมี ปชป. เป็นภรรยาน้อยคนสุดท้อง
แถมยังมีลูกติด คือ สว. 250 คน
ภรรยาหลวงอุตส่าห์จัดการแบ่งสมบัติ (ของส่วนรวม) และตำแหน่งอำนาจหน้าที่ให้ภรรยาและลูกแต่ละคน จนลงตัวในวันที่ 5 มิถุนายน
คล้อยหลังได้วันเดียว ลูกเมียหลวงที่เป็นลูกบุญธรรมเกิดไม่พอใจ เรียกร้องอยากจะได้ครอบครองสมบัติและมีอำนาจหน้าที่ที่ดีขึ้น มากขึ้น
แน่นอนย่อมกระทบลูกเมียน้อยคนสุดท้อง และคนเกือบสุดท้อง คือ ปชป.และภท. เพราะลูกเมียหลวงต้องการครอบครองเกษตร พาณิชย์ และคมนาคม
สามีจะทำอย่างไร จะให้เกิดความเป็นธรรมภายใต้อคติ ที่รัก ชอบ โกรธ หลง แต่จะต้องทำให้สังคมภายนอกไม่ดูถูกดูแคลน และทำให้ครอบครัวนี้สามารถบริหารจัดการปัญหาในครอบครัว โดยไม่ผลาญทรัพยากรของสังคมและให้สังคมได้ประโยชน์
สามี คือ นายกฯ ใหม่ (คนเก่า) คงต้องปวดหัวลงมาดูแลจัดสรร และต้องไม่ให้เกิดปัญหาจนไม่มีเวลา ไม่มีใจ ไม่แบ่งปัญญาไปทำการทำงานในหน้าที่ของสามี คือ นายกรัฐมนตรี
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี