วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นวันทะเลโลก
แน่นอน ทะเลไทยเป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมโยงกันกับทะเลโลก ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทะเลโลก ย่อมส่งผลกระทบถึงทะเลไทยด้วย ไม่มากก็น้อย ไม่ทันทีก็ในอนาคตอันใกล้
นี่ไม่ใช่เรื่องโลกสวยอย่างที่คิด เพราะเรากำลังพูดถึงทะเลที่สวยงามจริงๆ และมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่ฝากท้องไว้กับท้องทะเลไทยอีกหลายล้านคนจากทั่วประเทศ
1. อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ค Thon Thamrongnawasawat เนื่องในวันทะเลไทย กล่าวถึง “5 เรื่องดีทะเลไทยในรอบปี” ช่วยให้เห็นสิ่งดีๆ ที่เป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ความบางส่วน เช่น
ฟื้นฟูอ่าวมาหยา/ฝูงฉลาม - การปิดอ่าวมาหยาและฝูงฉลามที่กลับเข้ามา กลายเป็นข่าวดัง ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย แต่ดังไปทั่วโลก มีข่าวจากหลายประเทศต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมภาพลักษณ์เมืองไทย หลังจากเราถูกมองว่าเป็นประเทศเที่ยวยังไงก็ได้มาหลายปี กรณีอ่าวมาหยาจะส่งผลต่อการท่องเที่ยว/การอนุรักษ์ทะเลไทยไปอีกนาน
สัตว์สงวนทั้งสี่ - ประกาศอย่างเป็นทางการพร้อมกับ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (2562) ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอย 27 ปีที่ไม่มีการประกาศสัตว์สงวนเพิ่ม การผลักดันครั้งนี้ ยังทำให้พบช่องโหว่ของกม. ก่อนได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยในพ.ร.บ.ใหม่
หลุด IUU - ช่วยกันทำมานาน ในที่สุดก็สำเร็จ ผลที่เกิดขึ้นคือสัตว์น้ำในทะเลเริ่มกลับมา ที่สำคัญคืองานวิชาการถูกนำมาใช้อย่างที่ควรจะเป็น และเราสามารถควบคุมการใช้ประโยชน์ให้เหมาะสม
โรดแมปแบนพลาสติก - เมื่อครม.มีมติรับทราบโรดแมปแบนพลาสติกหลายชนิด เช่น ถุงบาง หลอด แก้วใช้แล้วทิ้ง ฯลฯ ทำให้การสู้ขยะพลาสติก/ขยะทะเล มีข้ออ้างอิง สำหรับความเป็นไปได้ตามโรดแมป บอกตามตรงว่ายังไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ แต่เมื่อมีมติให้อ้าง การผลักดันจะง่ายขึ้นกว่าก่อน เรื่องนี้ยังต้องไปกันอีกนาน มตินี้จึงสำคัญ
ปะการังฟื้นเต็มเกาะยูง - เมื่อเทียบความดัง ยังน้อยกว่าหลายข่าว เช่น เต่ามะเฟือง แต่เลือกเรื่องนี้เป็นอันดับสุดท้าย เพราะแม่เต่ามาแล้วก็ไป กระตุ้นจิตสำนึกได้เยอะ แต่ไม่ค่อยมีผลต่อเนื่อง ผิดจากเกาะยูงที่ปะการังฟื้น เราสามารถติดตามต่อได้เรื่อยๆ หากมีเรื่องดีๆ ก็ออกข่าวได้เป็นระยะ ยังสามารถใช้เป็นพื้นที่อ้างอิงสำหรับเหตุผลในการควบคุมดูแลฟื้นฟูทะเลในอนาคตครับ
2. เราคงได้ยินสิ่งที่ฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นเสรีประชาธิปไตยท่องจำกันต่อๆกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้สืบทอดอำนาจ
ตัวร้ายที่ได้ยินบ่อยๆ เช่น แผนการปฏิรูป แผนยุทธศาสตร์ชาติ การถูกบังคับให้เดินตามแผนการปฏิรูปและแผนยุทธศาสตร์ชาติจะนำประเทศชาติลงเหว ถอยหลังเข้าคลอง ฯลฯ อะไรทำนองนี้
3. การเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นหลายประการเกี่ยวกับทะเลไทยในช่วงหลัง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ไม่ใช่โชคลาภ
แต่เป็นผลจากการทำงานหนักของผู้เกี่ยวข้อง และการยอมเสียสละของผู้ได้รับผลกระทบในระยะสั้นบางส่วน ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพื่อแลกกับความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป และเป็นผลโดยตรงจากระดับนโยบายที่เอาจริงตามแผนการปฏิรูปและแผนยุทธศาสตร์ชาติด้วยนั่นเอง
4. ใครต้องการข้อมูลข้อเท็จจริง ว่าตัวร้ายที่ว่ากันนั้น มันร้ายจริงไหม หรือแค่ถูกใส่ร้ายป้ายสี
ลองดูแค่ด้านทรัพยากรทะเลก่อนก็ได้
ในประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ ประกาศในราชกิจจานุเบกษานานแล้ว นำเสนอเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปประเทศ ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับทราบ และให้มีผลไปสู่การดำเนินการตามพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดําเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ.2560
ในส่วนของการปฏิรูปประเทศ เรื่อง ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทำให้เห็นภาพว่า ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นรัฐชายฝั่งทะเล (Coastal State) มีเส้นทางออกสู่มหาสมุทร 2 มหาสมุทร คือ มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ในส่วนพื้นที่ทางทะเลนั้นฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยมีพื้นที่ประมาณ 203,619 ตารางกิโลเมตร ยาวประมาณ 2,055 กิโลเมตร ส่วนด้านทะเลฝั่งตะวันตกหรือที่คุ้นเคยเรียกกันว่าฝั่งอันดามันมีพื้นที่ประมาณ 112,498 ตารางกิโลเมตร ยาวประมาณ 1,093 กิโลเมตร รวมประเทศไทยมีพื้นที่ทางทะเลประมาณ 316,118 ตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งยาวรวมทั้งสิ้น 3,148 กิโลเมตร
ฉายภาพสถานการณ์ปัญหาไว้ชัดเจน เช่น “๑) ปัญหาทิ้งขยะและปล่อยสารพิษทะเล โดย Ocean Forum ระบุว่า ไทยทิ้งขยะ พลาสติกลงทะเลเป็นอันดับ ๖ ของโลก ซึ่งขยะทะเลสร้างผลกระทบต่อสัตว์ทะเลหายาก ระบบนิเวศทางทะเล การประมง การท่องเที่ยว และไมโครพลาสติกอาจส่งผลต่อคุณภาพสัตว์น้ำและสุขภาพมนุษย์ ๒) การลดลงและความเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่าชายเลน ๓) ความเสื่อมโทรมของแหล่งหญ้าทะเลและสาหร่ายทะเล ๔) ความเสียหายของแนวปะการัง ซึ่งในขณะนี้ปะการังที่มีความสมบูรณ์ดีมากและสมบูรณ์ดี มีเพียงประมาณร้อยละ ๕.๗ ในส่วนที่มีความเสียหายและเสียหายมาก มีประมาณร้อยละ ๖๖ และที่เหลือที่มีความสมบูรณ์ปานกลาง ๕) ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งปัจจุบันชายฝั่งถูกกัดเซาะประมาณ ๘๓๐ กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๖ ของชายฝั่งทะเลทั้งหมด ๖) ปัญหาการสูญเสียของสัตว์ทะเลที่หายาก ซึ่งในปัจจุบัน มีพะยูน ๒๕๐ ตัว แต่มีอัตราการตายเฉลี่ย ปีละ ๑๒ ตัว มีวาฬและโลมา ๑,๗๐๐ ตัว แต่มีอัตราการตายเฉลี่ย ปีละ ๗๐ ตัว และมี เต่าทะเลมากกว่า ๑,๐๐๐ ตัว แต่มีอัตราการตายเฉลี่ย ปีละ ๑๐๐ ตัว…”
ฉายตัวอย่างพื้นที่แบบอย่างความสำเร็จ (ณ ขณะนั้น) เช่น “...พื้นที่อ่าวพังงา (อ่าวพังงาโมเดล) โดยมีการบูรณาการภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่บริการจัดการ ทรัพยากรในทะเลบริเวณอ่าวพังงาที่เป็นอ่าวใหญ่ที่สุดของอันดามัน มีพื้นที่มากกว่า ๑ ล้านไร่ ประกอบด้วย ชายฝั่งและหมู่เกาะในจังหวัดพังงา กระบี่ และภูเก็ต มีป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดในประเทศ แนวปะการังน้ำตื้นในเขตก้นอ่าว ไปจนถึงแนวปะการังน้ำลึกตรงปากอ่าว (เกาะพีพี) นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายาก เช่น พะยูน เป็นต้น ทั้งนี้ มีประชาชนรอบอ่าวพังงามีไม่ต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ คน มีการใช้ประโยชน์ทั้งการท่องเที่ยว การประมง การพัฒนาชายฝั่ง ฯลฯ ในหลายระดับ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านคนในแต่ละปี และมีคนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรงหลายแสนคน สร้างรายได้ให้ ประเทศปีละไม่ต่ำกว่า ๔.๕ แสนล้านบาท ในการปฏิรูปของรัฐบาลช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา ได้จัดทำพื้นโมเดล ๓ แห่ง ประกอบด้วย พีพีโมเดล เกาะไข่โมเดล และอุทยานอ่าวพังงาโมเดล และมีการดำเนินงานแบบประชารัฐ เช่น การสร้างความโปร่งใสในการเก็บค่าธรรมเนียมอุทยาน (เพิ่มขึ้นกว่า ๑,๕๐๐ ล้านบาท/ปี) ระบบอนุรักษ์ปะการัง (ปะการังฟื้นที่เกาะยูงและ เกาะต่างๆ) ประชารัฐขจัดขยะทะเล ฯลฯ ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนทั้งหมดให้ความร่วมมือ และมีความคาดหวัง ต่อระบบที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่าวพังงาจึงกลายเป็นพื้นที่ซึ่งมีการกล่าวถึงเป็นประจำในสื่อต่างๆ โดยยกให้ เป็นพื้นที่ประสบความสำเร็จของการปฏิรูปทะเลไทย โดยเฉพาะในด้านการอนุรักษ์ปะการัง การท่องเที่ยว และ ขยะทะเล...”
นอกจากนี้ ยังระบุถึงประเด็นการปฏิรูป สิ่งที่จะต้องทำ ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวไว้โดยละเอียดด้วย
5. นี่คือรายละเอียดเบื้องหลังความสำเร็จที่สวยงาม
มีหยาดเหงื่อของคนทำงานหนัก และคนทำงานปิดทองหลังพระ
น่าเสียดาย คนที่อ้างตัวเป็นพวกเสรีนิยมประชาธิปไตยแบบกลวงๆ จำนวนหนึ่ง ทำตัวเป็นแค่ “ติ่งของพรรคการเมืองบางพรรค” สำเร็จความใคร่ทางการเมืองเพียงแค่เสพวาทกรรมของพรรคที่ตนนิยมชมชอบ เขาบอกว่าแผนปฏิรูป-แผนยุทธศาสตร์ชาติเลว-สืบทอดอำนาจ ก็ว่าเลวตามๆ กัน โดยไม่ได้ใช้ศักยภาพของตนเองในการหาข้อมูลเบื้องหน้าเบื้องหลังว่าแต่ละเรื่องมีการทำงานกันอย่างไร
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี