รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังมีขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้ เป็นรัฐบาลที่ไม่ผิดอะไรกับเหล้าเก่าในขวดใหม่ เพราะประกอบด้วยหน้าเดิมๆ ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว ซึ่งเคยทำงานมาแล้วในด้านบริหาร หรือด้านพรรคการเมืองต่างๆ แม้หลายคนจะย้ายพรรค หรือตั้งพรรคใหม่ก็ตาม ส่วนใหญ่ก็เป็นคนหน้าเดิมๆทั้งนั้น ที่ผู้คนในบ้านเมืองเคยรู้จัก เคยได้ยินชื่อ หรือเคยรู้ว่าเป็นคนอย่างไร
ถ้าเป็นเหล้าก็เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ ใช้ยี่ห้อใหม่ แต่รสชาติก็คงเหมือนเดิม แม้จะตั้งชื่อเหล้าขวดใหม่เป็นชื่ออะไรเพื่อให้คนซื้อคิดว่าเป็นเหล้าขวดใหม่ก็ตาม รสชาติของเหล้าก็ยังคงเป็นอย่างเดิมอยู่นั่นเอง
การวางตัวเป็นหมู่เป็นพวกของผู้คนทั้งหลาย โดยเฉพาะในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งพรรค หรือตั้งรัฐบาล ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าการรวมตัวเข้าด้วยกันของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองต่างๆ เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ทุกอย่าง ที่สอนว่า
“สัตว์ทั้งหลายย่อมเข้ากันได้โดยธาตุ
คนที่มีศรัทธาย่อมเข้ากันได้โดยธาตุ
คนมีใจละอายบาปย่อมเข้ากันได้กับคนละอายบาป
คนมีปัญญาย่อมเข้ากันได้กับคนมีปัญญา
คนมีสติย่อมเข้ากันได้กับคนมีสติ
คนมีอัธยาศัยดีย่อมเข้ากันได้กับคนมีอัธยาศัยดี
ผู้มีอัธยาศัยเลวย่อมเข้ากันได้กับผู้มีอัธยาศัยเลว
แม้ในอดีตนามไกล แม้ในอนาคตนามไกล และในปัจจุบันก็เป็นอย่างนี้”
ลองดูไปที่พรรคการเมืองทุกพรรคในขณะนี้ในบ้านเมืองของเราหรือแม้แต่ดูไปที่การนำคนมารวมกันเป็นรัฐบาลขณะนี้ก็ตาม ไม่ผิดเพี้ยนไปจากคำสอนของพระพุทธองค์เลย
เหมือนต้นไม้ที่เพิ่งปลูก ยังไม่พ้นจะออกดอก ก็เอาดอกจากต้นอื่นมาติดไว้ เพื่อให้เห็นความบานสะพรั่งของต้นไม้ ซึ่งในที่สุดไม่นานก็เหี่ยวแห้งร่วงโรยไป
การเมืองบ้านเราเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด
การกวาดต้อนผู้คนเข้ามารวมกันโดยไม่เลือกหน้านั้น ไม่ผิดอะไรกับคนขับเกวียนที่ล้อเกวียนไม่เท่ากัน โดยล้อข้างหนึ่งเล็กกว่าล้ออีกข้างหนึ่ง เกวียนย่อมวิ่งตรงไปข้างหน้าได้ยาก จะวิ่งวนไปวนมา ไปไม่ตรงทาง ไปไม่ถึงจุดหมายได้ง่ายๆ
มรรควิธีของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น คือมรรควิธีของการใช้อำนาจอธิปไตย ซึ่งเจ้าของก็คือประชาชน
แต่ถ้ามรรควิธีของการใช้อำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนน้อย การใช้อำนาจอธิปไตยก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ที่เราเรียกว่า ระบอบเผด็จการ
บ้านเมืองเราวนเวียนอยู่กับเรื่องอย่างนี้ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการคือการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง ก็เพราะ “ล้อเกวียนไม่เท่ากัน” อย่างว่านี่แหละ
เห็นกันชัดๆอย่างที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ ทั้งเรื่องการย้ายพรรค เปลี่ยนพรรค ตั้งพรรคใหม่ จากนักการเมืองหน้าเดิมๆ แม้จะมีหน้าใหม่ๆ เข้ามาบ้างก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่หนีไม่พ้น “คนธาตุเดียวกันย่อมรวมอยู่ที่เดียวกัน” ดังที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้
ทำอย่างไรจะเปลี่ยน “อำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนน้อย ให้เป็นอำนาจของปวงชนชาวไทย” อย่างแท้จริงให้ได้
ไม่ใช่อำนาจที่เขียนไว้เป็นเพียงตัวหนังสือ
เคยมีผู้ให้ความเห็นและกล่าวไว้ว่า ความสำเร็จแห่งภารกิจในการสร้างประชาธิปไตยของมวลมหาประชาชนชาวไทยทั้งประเทศนั้น จะบรรลุผลสำเร็จได้จะต้องมี “แก้ว 3 ดวง” ดังต่อไปนี้
แก้วดวงที่ 1 คือ “พรรคการเมืองที่เป็นอิสระ” ที่ทำหน้าที่เป็นกองหน้าที่แหลมคมที่สุด ในการสร้างนำความคิด สร้างนำทางการเมือง สร้างนำทางการจัดตั้ง เพื่อนำประชาชนและประเทศชาติไปสู่ชัยชนะ ซึ่งเป็นพลังที่สูงสุด
แก้วดวงที่ 2 คือ ต้องมีองค์กรมหาชน มีผู้นำทุกระดับตั้งแต่นักการเมืองดีๆ นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวที่เป็นประชาธิปไตย นำการจัดตั้ง เกษตรกร กรรมกรชนชั้นกลางที่ก้าวหน้า และผู้ปกครองที่ยืนอยู่ข้างประชาชน เพื่อช่วยกันผลักดันอย่างสันติ เป็น “พลังมวลชนประชาธิปไตย” อันกว้างใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
แก้วดวงที่ 3 ต้องมี “องค์กรระดับรัฐของปวงชนชาวไทย” เช่น สภาประชาชนที่ประกอบด้วยประชาชนที่เป็นตัวแทนคัดเลือกกันเองจากภาคต่างๆทั่วประเทศ และทุกสาขาอาชีพ ตามสัดส่วนที่ยุติธรรม เพื่อทำหน้าที่เปลี่ยนผ่าน “อำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อย” ไปสู่ “อำนาจของปวงชนชาวไทย” อย่างสันติถูกกฎหมาย
นี่คือพลังมวลชนที่กว้างใหญ่ไพศาลที่สุด
ไม่ใช่ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ที่วนไปวนมาเหมือนล้อเกวียนไม่เท่านั้น ออกจากจุดเดิมไม่ได้สักที
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี