1.โฉมหน้า ครม.ชุดปฐมฤกษ์ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแรก ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ปรากฏออกมาค่อนข้างจะชัดเจนแล้ว
ข่าวว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอาจทบทวนบางตำแหน่ง ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ
เพราะฉะนั้น ถ้าจะชัวร์ๆ คงต้องรอหลังโปรดเกล้าฯ
2.แน่นอนว่า จะต้องมีผู้สมหวัง ผิดหวัง
พอใจ ไม่พอใจ
ในพรรคแกนนำอย่างพลังประชารัฐ ก็มีข่าวว่า มีความเห็นขัดแย้งกันอยู่ เพราะบางกลุ่มอ้างเอาจำนวน สส.ในมือ ว่าตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน สมควรจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ
นายเอกราช ช่างเหลา สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐแถลงข่าวว่า ภาคอีสานมีอยู่ถึง 20 จังหวัด มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่ในการทำงาน ช่วงการลงพื้นที่หาคะแนนเสียง สมาชิกพรรค ผู้สมัครทุกคนต่างระดมร่วมกันออกพบปะประชาชน เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน สำหรับพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ประสานงาน จ.ขอนแก่น และศูนย์ประสานงาน จ.อุบลราชธานี ทำคะแนนรวมได้ 1,364,761 คะแนน ได้ สส.19 คน โดยได้ สส.เขต 2 คน สส.บัญชีรายชื่อ 17 คน จึงถือว่าสร้างผลงานให้กับพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างมาก
“มี สส.อีสานที่ได้รับการพิจารณาตำแหน่งเพียง 1 ตำแหน่ง ที่นครราชสีมา รายเดียวเท่านั้นในภาคอีสาน แต่กลับไม่มีชื่อ สส.ในอีสานบนที่ได้รับการพิจารณา พวกเราถือว่าทางพรรคปล่อยให้พวกเราเดินไปอย่างโดดเดี่ยว ไม่ให้ความเป็นธรรม พวกเราควรทบทวนบทบาทในการที่จะร่วมกิจกรรมกับพรรคในอนาคต ที่สำคัญต้องการให้ทางผู้ใหญ่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ได้เห็นความสำคัญของคนทำงานในพื้นที่ อย่ามองเป็นสส.ตลาดล่าง สส.บ้านนอก เมื่อต้องทำงานก็สู้ลำบากด้วยกัน แต่พอได้รับตำแหน่งก็มีเพียง สส.ใน กทม.ที่เสวยสุข โดยไม่ดูแลกัน อย่างนี้ทำให้คนทำงานท้อ” นายเอกราช กล่าว
“คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาภายใน หรือเราเองเสียงไม่ดังพอ จึงไม่มีตำแหน่งให้กับ สส.อีสานตอนบน หากทางผู้บริหารปล่อยให้เราอยู่ในลักษณะนี้ เราเองต้องมาทบทวนว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วขับเคลื่อนไปไม่ได้ เราอาจจะออกมาหาที่ยืนเอง ขับเคลื่อนการทำงานเองหรือไม่ เราร่วมลำบากมาแทบตาย หาคะแนนได้แต่ปาร์ตี้ลิสต์ไหลไปอยู่กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯหมด ทุกคนได้อานิสงส์ของเราไปหมดแต่ทุกคนไม่เคยเห็นหัว ทุกวันในการทำงานร่วมกันพวกเราก็มีหัวใจ สำคัญที่สุดกว่าจะปักธงได้ที่ขอนแก่นไม่ใช่เรื่องง่ายพอปักธงได้แทนที่จะขับเคลื่อนกลับกลายเป็นนิ่งและมองผ่านแบบไม่ให้ความสำคัญ คนทำงานก็รู้สึกเหนื่อย”
3.ในพรรคร่วมอย่างภูมิใจไทย ก็คงไม่อาจปฏิเสธ “สมการเก้าอี้รัฐมนตรี” เช่นนี้ได้ จึงเสนอชื่อ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ให้นายกรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย
4.ในพรรคร่วมขนาดเล็กบางพรรคก็เช่นกัน เช่น รักษ์ผืนป่าประเทศไทย
นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรค แถลงข่าวว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการติดต่อเรื่องนโยบายของพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ทำให้กลายเป็นพรรคตกสำรวจ ไม่ต้องการเรียกร้องเป็นรัฐมนตรี แต่แค่ต้องการเข้าไปช่วยทำงานขับเคลื่อนนโยบายเท่านั้น ดังนั้น ขอเรียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐทบทวนว่าจะให้ตนเองเข้าไปทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ หากยังให้โควตาพรรคชาติไทยพัฒนา ก็จะตัดสินใจถอนตัว และจะประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระ
5.แม้แต่พรรคการเมืองเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์เอง กว่าจะเป็นที่ยุติรายชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 7 คน 8 ตำแหน่ง ก็ถกเถียงกันจนข้ามคืน
นักการเมืองบางคน เคยแสดงจุดยืนชัดเจนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าอยากให้เป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่เมื่อพรรคมีมติเข้าร่วมรัฐบาล ก็พยายามต่อสู้ฝ่าฟันจะเข้าไปเป็นรัฐมนตรีด้วย ก็มีเหมือนกัน
สุดท้าย รายชื่อออกมาตามรายงานข่าว ก็กระจายตามภูมิภาคต่างๆ เช่น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค คาดว่าจะดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่วนเลขาธิการพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ภาคใต้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม
ภาคเหนือ นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ภาคกลาง ตะวันออก นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ภาคอีสาน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ขณะที่บุคคลที่ทำเรื่องนโยบายของพรรคมาตั้งแต่ต้น อย่างเช่น นายกรณ์ จาติกวนิช ก็ไม่มีชื่อเป็็นรัฐมนตรี หรือคนที่มีภาพลักษณ์ที่ดีด้านเศรษฐกิจ เช่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ก็ไม่มีชื่อเช่นกัน
6.ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่า บุคคลที่มีรายชื่อจะได้เป็นรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองต่างๆ นั้น มันแสนมอมแมม ใช้ไม่ได้เลย
แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า “นี่คือความเป็นจริงของการเมืองไทย”
ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถึงขนาดจะต้องสิ้นหวังอะไรเลย
ลองคิดง่ายๆ สมมุติว่าการเมืองพลิกขั้ว ฝั่งเพื่อไทย อนาคตใหม่ ได้เป็นรัฐบาล โฉมหน้า ครม.จะออกมาอย่างไร? จะดีกว่า หรือแย่กว่าที่เป็นข่าวในวันนี้?
แน่นอน บุคคลที่อยู่ในข่ายจะเป็นรัฐมนตรี ก็คงไม่พ้นคนหน้าเดิมๆ ที่ปรากฏในช่วงเลือกตั้งนั่นแหละ
คุณหญิงสุดารัตน์ นายชัยเกษม อาจจะได้เป็นนายกฯ
หรือนายธนาธร อาจได้เป็นนายกฯ นายปิยบุตร มหาดไทย นางสาวพรรณิการ์ กระทรวงศึกษาฯ (ลองนึกถึงนโยบายเรื่องโรฮีนจา เรื่องแก้รัฐธรรมนูญคืนความเป็นธรรมให้ทักษิณ เรื่องเกี่ยวกับงานที่ต้องประสานกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ฯลฯ)
รัฐมนตรีอื่นๆ ก็คงไม่พ้นรายชื่อเหล่านี้ เช่น นายเสนาะ เทียนทอง ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายโภคิน พลกุลนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายนพดล ปัทมะ หรือนายพานทองแท้ ชินวัตร นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ พันตำรวจโทบรรยิน ตั้งภากรณ์ พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี นายนิสิต สินธุไพร ฯลฯ
จากพรรคร่วมก็คงจะมี พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ รัฐมนตรีกลาโหม (คิดว่าบ้านเมืองจะสงบ หรือวุ่นวาย)
นายมิ่งขวัญ รัฐมนตรีพาณิชย์ (ไม่ใช่ของใหม่ ผลงานตอนเป็นรัฐมนตรียุคพลังประชาชน) ฯลฯ
ถ้าจะให้ดี ฝ่ายค้านก็ควรจะประกาศ “รัฐมนตรีเงา” ทำหน้าที่คู่ขนานไปกับรัฐบาลไปเลย จึงจะเป็นการทำงานสร้างสรรค์ ไม่ใช่เอาแต่เล่นการเมืองเรื่องแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว หากไม่ตั้งก็คงเพราะไม่มีตัวคนใหม่ๆ ที่จะโดดเด่นกว่าที่เป็นอยู่นั่นเอง
มันจึงไม่มีหรอกเทวดาที่ลอยมาจากที่อื่น แล้วมาเป็นรัฐมนตรีแสนดี แสนเก่ง
มีแต่นักการเมืองที่ทำงานการเมือง ต่อสู้ทางการเมือง บางคนก็มีบาดแผล แล้วก็มีความต้องการจะเข้าไปมีอำนาจหน้าที่สำคัญในบ้านเมือง ส่วนได้อำนาจนั้นไปแล้ว จะใช้อำนาจไปในทางใด นั่นคือสิ่งที่คนไทยจะต้องช่วยกันติดตาม
ข้อดี คือ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของการทำงานเอาไว้หลายเรื่อง
ทั้งมาตรฐานจริยธรรม ทั้งงานการปฏิรูป การเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งประกาศในราชกิจจาฯ ให้ประชาชนเข้าไปศึกษาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า ไม่ว่าใครเข้ามาเป็นรัฐมนตรี มันมีงานจำนวนมากจะต้องผลักดันเดินหน้าต่อไป ซึ่งเนื้อหาสาระในนั้นนับพันหน้า ไม่ใช่เรื่องล้าหลังเลย ตรงกันข้าม หากทำได้จริง ไม่มีการปลุกระดมป่วนบ้านป่วนเมือง ประเทศชาติจะดีกว่าที่ผ่านมาชนิดยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี