เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โอดครวญ เรียกร้องให้สังคมปฏิเสธเฟกนิวส์ เฮทสปีช และกล่าวพาดพิงไปถึงกลุ่มคนสูงวัยว่า “ผมถูกป้ายสี ให้กลายเป็นคนก่อความวุ่นวายกับสังคม คนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย คนที่ออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญให้มีการแก้ไข กลายเป็นผู้ก่อความวุ่นวายในสังคม เเล้วกลุ่มคนที่รับข่าวสารนี้ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นจำนวนมาก ก็คือคนสูงอายุ”
แต่เมื่อมีเฟกนิวส์ มีการปล่อยข่าวเท็จว่าทหารบุกโรงเรียนที่ทำพานไหว้ครูการเมือง ปรากฏว่า นายธนาธรนั่นเองที่รีบกระโดดงับข่าวนี้ แล้วกระจายต่อ แถมยังไม่เคยชี้แจงแก้ไข หรือกล่าวคำขอโทษที่เติมความเท็จเข้าสู่กลุ่มผู้สนับสนุนตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว
นอกจากนี้ ระยะหลังก็จะเห็นบทบาทของนายธนาธร และนายปิยบุตร ออกเดินสายไปตามต่างจังหวัด แล้วก็ใช้โอกาสนี้ “ตอกลิ่มความขัดแย้ง” โดยอ้างว่าเป็นการไปพบปะพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่เนื้อหาสาระที่สื่อสารออกมานั้น ล้วนพุ่งไปในแนวทางที่ให้ข้อมูลด้านเดียว ผสมผสานกับการโหมกระพือความขัดแย้งในประเด็นต่างๆ
ดูเหมือนจะมุ่งดิสเครดิตรัฐบาล คสช. มากกว่าจะมองถึงผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือ กรณีการแก้ไขปัญหาประมง IUU
1. การแก้ปัญหาประมง IUU จนทางสหภาพยุโรปปลดใบเหลืองให้ประเทศไทยไปแล้ว ทะเลไทยกลับมาอุดมสมบูรณ์ ปลาตัวโต ชาวประมงพื้นบ้านจับได้มากขึ้นนั้น ไม่ว่าจะเกลียดเผด็จการทหารแค่ไหน แต่ถ้าในหัวใจมีความเป็นธรรมอยู่บ้าง ก็ต้องถือเป็นผลงานโบแดงของรัฐบาล คสช.
การเยียวยาแก้ไขในส่วนของผู้ได้รับผลกระทบ สมควรดำเนินการ และขณะนี้ยังแก้ปัญหากันอยู่
แต่สำหรับนักการเมืองจำพวก “บ้าตำรา” – “ปากดี” – “อวดเก่ง”
ประเภทที่วิจารณ์ฉากๆๆๆ หลังจากที่คนอื่นเขาทำงานหนักกันไปแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพูดในทำนองว่า รัฐบาล คสช.ไม่ควรจะไปดำเนินการเข้มงวดอะไรขนาดนั้น ไม่จำเป็นเลย ควรเจรจาต่อรอง ควรลดหย่อนผ่อนปรน ก็สามารถจะปลดล็อกใบเหลือ IUU ได้
พวกที่วิจารณ์แบบนี้ ไม่ต่างกับนักวิจารณ์ฟุตบอลหน้าจอบางจำพวก ที่ผลการแข่งขันออกมาแล้ว ทีมชนะแล้ว แต่ออกมาปากดีในทำนองว่า ไม่ควรต้องส่งผู้เล่นคนนี้ลงไปเล่นเลย ไม่ควรจะเล่นแผนการเล่นนี้เลย เราจะเอาชนะได้สวยงามกว่านี้ พูดเพียงเพื่อดิสเครดิตคนทำงาน เข้าลักษณะ“มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ”
2. สำหรับประเด็นประมง หลังจากลงพื้นที่สมุทรสาคร นายธนาธรยังไปอีกหลายจังหวัด ระนอง ภูเก็ต ตราด
ไปตอกลิ่มความขัดแย้งให้คนที่เสียผลประโยชน์จากการแก้ปัญหาประมง พร้อมกับให้คำสัญญาบางอย่างกับกลุ่มชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบและการแก้ไขปัญหาประมง IUU ในช่วงที่ผ่านมา
โจมตีพระราชกำหนดประมง อ้างว่าเกิดจากการที่รัฐบาล คสช.บังคับใช้มาตรฐาน IUU โดยที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วม โหมกระพือว่าถ้าเดินหน้าต่อไปภาคประมงอาจล่มสลาย
อ้างว่าเรือประมงกว่า 70% ในจังหวัดตราดไม่สามารถทำการประมงได้
3. “นายธนพร ศรียากูล” (ซึ่งคนคนนี้ ถ้ากลับไปดูจุดยืนหลายๆ เรื่อง ก็ไม่ใช่คนที่เป็นเนื้อเดียวกับ คสช.เลยแม้แต่น้อย แต่นายธนพรเห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาประมง IUU และเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นที่ปรึกษากรมประมง ด้านการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย)
ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียด ตอบโต้กรณีนายธนาธรลงพื้นที่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา แล้วเสนอแก้ไข พ.ร.ก.ประมง มาตรา 34, 69, 81 สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
3.1 มาตรา 81 มีสาระสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.เรือประมงพาณิชย์จะต้องติดอุปกรณ์ติดตามเรือที่เรียกว่า VMS 2.เรือประมงพาณิชย์จะต้องจัดทำสมุดบันทึกการจับปลาที่เรียกว่า Lockbook 3.เรือประมงพาณิชย์ออกไปจับปลาต้องแจ้งศูนย์ควบคุมการเข้า-ออกที่เรียกว่าศูนย์ PIPO (Port In – Port Out)
พรรคอนาคตใหม่เสนอยกเลิกมาตรา 81 แสดงให้เห็นว่าต้องการทำให้การประมงกลับไปไร้การควบคุมเหมือนอดีต ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้เราถูกใบเหลือง ถ้าไม่มีอุปกรณ์ VMS ซึ่งเหมือน GPS ของรถยนต์ เราจะไม่รู้เลยว่าเรือประมงของเราไปทำการประมงถูกหรือผิดกฎหมาย อุปกรณ์นี้เป็นกติกาสากลของโลก เรือประมงที่จะส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดในโลกต้องติดไว้ ติดตามการทำประมงผิดกฎหมาย-ค้ามนุษย์กลางทะเลหรือไม่ ถ้าไม่ติดนอกจากการจับปลาทำลายล้างแล้ว การค้ามนุษย์แรงงานทาสก็จะกลับมาเกิด ส่วนการเขียน Lockbook ก็เป็นมาตรฐานสากลของโลกต้องเขียน ถ้ายกเลิกทำให้สินค้าประมงไม่สามารถพิสูจน์แหล่งที่มาที่ไปได้ ไม่สามารถส่งออกไปขายได้ พี่น้องประมงเสียประโยชน์เอง อีกทั้งข้อมูลที่จดไว้ จะถูกนำมาคำนวณทรัพยากรในทะเลเพื่อจัดสรรวันทำประมงได้ ถ้ายกเลิกไปวันทำการประมงจะเพิ่มไม่ได้ เพราะภาครัฐไม่มีข้อมูลมาคำนวณ พี่น้องชาวประมงส่วนใหญ่เข้าใจประโยชน์ของการเขียนเป็นอย่างดี นอกจากเรือที่ไปขโมยปลาไม่อยากเขียน ที่ จ.ตราด ไต๋ อ. กับ ไต๋ ต. มีพฤติกรรมไปขโมยจับปลาในกัมพูชา ใช้เรือเถื่อน
“พรรคอนาคตใหม่ไปฟังคนภายใต้การควบคุมของไต๋ทั้งสองแล้วมาสรุป ถือเป็นการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงที่จะทำให้ประเทศไทยกลับไปสู่การประมงแบบทำลายล้างและค้ามนุษย์อีกรอบ การยกเลิกมาตรา 81 ที่พรรคจะเข้าไปตั้งคณะกรรมาธิการฯ แก้ไข เป็นการประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าต้องการการประมงแบบทำลายล้าง และผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่ดินแดนการค้ามนุษย์อย่างเสรีอีกครั้ง ถ้ายกเลิกมาตรานี้ สินค้าประมงไทยถูกแบนจากทั่วโลกแน่นอน แสดงให้เห็นว่าพรรค อนค. จะเป็นผู้นำให้ประเทศไทยเป็นโจร IUU ขอบอกเลยว่าการเสนอขอแก้ไข พรรค อนค.คือโจร IUU ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านจะไม่ยอมให้พรรค อนค. ทำตัวเป็นโจร IUU อย่างนี้แน่นอน”
3.2 มาตรา 69 ห้ามจับปลากะตักในเวลากลางคืน ถ้าไปแก้ไข ปล่อยให้เรือล้อมจับปลากะตักในเวลากลางคืน ห่วงโซ่อาหารที่สำคัญที่สุดจะหายไปหมด เมื่อปลาเล็กหายไป ปลาใหญ่ก็จะหายไปเช่นเดียวกัน สะท้อนว่า พรรค อนค. ไม่มีความตระหนักรู้เรื่องห่วงโซ่อาหารในระบบตามธรรมชาติ
3.3 มาตรา 34 ที่ห้ามผู้ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านทำการประมงในเขตทะเลนอกชายฝั่ง
ขณะนี้ ภาครัฐกำลังทำงานกับประมงพื้นบ้านอย่างต่อเนื่อง กำลังร่วมกันทำอัตลักษณ์เรือประมงให้เสร็จสิ้น มาตรา 34 ยังไม่มีการบังคับใช้ พี่น้องประมงพื้นบ้านยังไม่ต้องไปขออนุญาตใครทั้งสิ้น สามารถออกทำการประมงได้ปกติ ถ้าจะออกไปไกลกว่า 3 ไมล์ทะเลก็ออกไปได้ วันนี้ยังไม่มีการออกใบอนุญาตประมงพื้นบ้านแม้แต่ใบเดียว ดังนั้น สบายใจได้ ออกจับปลาได้อย่างเสรีไม่มีข้อจำกัด
3.4 นายธนพรสรุปสุดท้ายอย่างแหลมคมว่า
“ผมก็ต้องขอฟ้องสังคมไทยว่า พรรคอนาคตใหม่ วันนี้กำลังเห็นแก่ผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้น
ที่ประกาศตัวว่าจะทำการเมืองเป็นแนวใหม่ จริงๆ ก็แนวเดิม เห็นแก่ผลประโยชน์ระยะสั้น
แต่ว่าไม่คำนึงถึงความยั่งยืนของทรัพยากร ไม่คำนึงถึงมาตรฐานการจ้างแรงงาน ปัญหาการค้ามนุษย์ที่เราเลื่อนขึ้นมาเป็นเทียร์ 2 แล้ว พรรคอนาคตใหม่ต้องการที่จะทำลายผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด 2 เรื่อง คือการประมงอย่างทำลายล้าง และการค้ามนุษย์อย่างเสรี ข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่ที่ จ.ตราด จึงเป็นความสมบูรณ์ในตัวเองว่าพรรคมีแนวทางในเรื่องนี้ มีแนวทางที่จะทำให้ประเทศไทยไม่อาจที่จะเงยหน้าเข้าสู่สังคมโลกได้อย่างสง่างามอีกต่อไป”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี