อ่อนล้าที่สุด กับสังคมไทยที่กำลังเต็มไปด้วย “ความขัดแย้ง” และการกระโดดเข้าห้ำหั่นคู่ขัดแย้ง ราวกับว่า หากขจัดคู่ขัดแย้งออกไปได้แล้ว แผ่นดินจะสูงขึ้น
เปล่าเลย ในความขัดแย้งนั้น ให้นับเป็นเรื่อง “ปกติ” เป็นเรื่องธรรมดาๆ ของทุกสังคม แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ เมื่อขัดแย้งกันแล้ว ก็ “รวมฝูง” กันไป “ถล่ม” มากกว่าหยิบความขัดแย้งมา “ขัดเกลา” เพื่อหาจุดร่วมและจุดต่าง อันจะนำไปสู่การ “ปรับเปลี่ยน” ให้ดียิ่งขึ้น
อย่าลืมว่า ไม่มีใครถูกทั้งหมด และไม่มีใครผิดทั้งหมด เพราะเกือบจะทุกเรื่องที่ขัดแย้งกันนั้น เป็นเรื่องของวิธีคิดที่แตกต่างกัน ตรรกะที่แตกต่างกัน มุมที่มองต่างกัน และอยู่บนความต้องการที่ต่างกัน
แต่ในความต่าง เรายังต้อง “อยู่ร่วมกัน” คิดต่างได้ รักต่างได้ ต้องการต่างได้ แต่ “ห้ำหั่น” กันไม่ได้
ผมขอหยิบยกข้อความ 2 ชุด ที่ผมโพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ค “ปู จิตกร บุษบา” ในสัปดาห์นี้มานำเสนอ เพื่อให้เราทุกคนได้ “ครุ่นคิด” บน “ความแตกต่าง” ไปด้วยกันดังนี้
1.คุณโกรธอะไร ในคำพูดของ “ปั้นจั่น-ปรมะ” ผมพยายามหาคำตอบว่า คนที่โกรธ เขาโกรธอะไร?
• โกรธเรื่องที่พูดคล้ายกับว่า คสช. สืบทอดอำนาจ ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร นักการเมืองมันก็ทำ
• โกรธที่บอกว่า อย่าบ่นมาก แล้วไล่ให้ไปทำมาหากิน
• โกรธที่บอกว่า ให้ทำบุญ ไม่ใช่แดกแต่เหล้า ปาร์ตี้มันทุกคืน
ปั้นจั่น-ปรมะ โพสต์ข้อความว่า...
“...คสช. อยู่มา 4-5 ปี บอกสืบทอดอำนาจ ได้อยู่ต่ออีก 3 ปี ก็ยังบอกสืบทอดอำนาจ แล้วไอ้ที่สืบๆ กันมา จนลูกจบนอก ขับรถซุปเปอร์คาร์นี่มันยังไง ตรูไม่เห็นจะมีนักการเมืองใช้ชีวิตธรรมดาสักคน ต้นทุนบางคนที่ได้มาพ่อแม่ก็เอามาจากภาษีประชาชนทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าบ่นมาก ทำมาหากินไป มีเยอะก็เอาไปช่วยคนอื่นละกัน ทำบุญเยอะๆ ไม่ใช่แดกแต่เหล้าปาร์ตี้มันทุกคืน...”
เรามีสิทธิโกรธคนอื่นไหม มีครับ แต่โกรธแล้ว เรามีสิทธิแสดงออกได้แค่ไหน มีขอบเขตของการแสดงออกครับ แต่ดูเหมือนว่า ทุกวันนี้ ไม่ว่าใครโกรธใคร ก็สามารถด่าทอคนคนนั้นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด คิดต่างกันเป็นศัตรูกัน เข้าข้างเผด็จการ คือ คนชั่ว ชีวิตมึงสบายกว่ากูนี่ มึงจะพูดยังไงก็ได้
ถามว่าปั้นจั่นพูดผิดไหม ผิดครับ เช่น
1) คสช. สืบทอดอำนาจ และนักการเมืองที่สืบๆ กันมา ไม่ใช่เรื่องที่เราควรงดเว้นที่จะ “ถือสา” หรือคิดแบบถัวๆ นัวๆ ไปว่า มันก็พอๆ กันล่ะว้า อย่ามาว่ากันเลย บางคนทำได้ แต่บางคนเขาถือครับ ยิ่งในยุคที่ “คนเกลียดเผด็จการ” เป็นคน “ช่างแสดงออก” ปั้นจั่นก็เละสิครับ มาพูดในทำนองนี้ ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยน ถกเถียง รับฟัง อย่างที่ “นักประชาธิปไตย” ที่พวกเขาเรียกตัวเขาเอง กลุ่มเขาเอง ฝ่ายเขาเอง พึงจะต้องมีและเป็น
2) ดังนั้น เผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็เป็นเรื่องที่สังคมต้องวิจารณ์ ตั้งคำถาม และปฏิเสธการกระทำดังกล่าว ซึ่งในกรณีนี้ ก็จะเจอปัญหาของการให้นิยามคำว่า “เผด็จการ” กับคำว่า “สืบทอดอำนาจ” อีก เพราะแต่ละคนนิยามไม่เหมือนกัน ตีความไม่เหมือนกัน และบ่อยครั้ง เราก็ผลีผลามทะเลาะกันเลย โดยไม่พยายาม “รับฟัง” และ “ปรับ” นิยาม-ความเข้าใจให้ใกล้เคียงกัน เพื่อร่วมกัน หาทางออก” ที่ถูก ที่ดี ต่อไป
3) นักการเมืองชั่ว เราก็ไม่ควรให้ท้าย ไม่ว่าจะฝั่งไหน ฝ่ายใด ก็ควรปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน และไม่ใช่เพราะชั่วเหมือนกัน ผิดเหมือนกัน โกงเหมือนกัน เราเลยต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือไป “ทำมาหากิน”
4) เราต้องทำมาหากินแน่ๆ ครับ ตามศักยภาพและโอกาสของแต่ละคน แต่เราจะหากินได้ดีขึ้น ง่ายขึ้น หากบ้านเมืองมีการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งแน่นอน ต้องเริ่มจากการมีรัฐบาลที่ดี ที่ไม่ขี้โกง ที่มีความรู้ความสามารถ ที่ไม่เอาแต่รักษาโอกาสและอำนาจของตัวเอง แต่ทุ่มเทสร้างตลาด สร้างทักษะ สร้างกลไก ให้ประชาชนได้ทำมาหากินอย่างคล่องตัว เท่าทันตลาด เท่าทันโลก และมีโอกาสเพิ่มพูนทักษะของตัวเองอยู่เสมอ ในต้นทุนที่ไม่สูงนัก เพราะรัฐเกื้อหนุนให้ประชาชนได้รับโอกาสนี้
5) บุญก็ต้องทำ ทำเพื่อฝึกใจตัวเองให้เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน เสียสละ ละความตระหนี่ และมีปัญญาเห็นถึง “ประโยชน์ของส่วนรวม” จากการช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย จากการร่วมมือ-ร่วมใจ และสละทรัพย์มากองรวมกัน
6) ซึ่งการมีเงินเยอะ แล้วเอาไปทำบุญนั้น ย่อมดีกว่าเอาไป “แดกเหล้า” และปาร์ตี้ทุกคืนแน่ แต่การแดกเหล้าและปาร์ตี้ ก็เป็น “ความสุข” ของคนบางกลุ่ม หากไม่นำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง ครอบครัว และสังคม ก็ให้เขา “แดก” ไปเถอะ ชีวิตมัน มันไม่พัฒนาก็ “ช่างแม่ง” มันเนอะ 555 เพียงแต่ว่าคำแนะนำนี้ มันออกไปในทางประชด-เสียดสีไง ว่าถ้าเงินเยอะก็เอาไปทำบุญมั่ง ไม่ใช่เอามาแดกเหล้า มันก็เลย “ขัดหู” และสร้าง “ความเดือดดาล” ให้หนักหน่วงขึ้น
ผมไม่โกรธปั้นจั่น แต่รู้สึกทั้งไม่เห็นด้วยและเห็นด้วยดังการแจกแจงข้างต้น เมื่อเราแยกแยะได้ เราก็จะมีมุมที่เห็นด้วยได้และเห็นต่างได้ อันจะนำมาสู่การ “ถกเถียง” แทนการ “ด่าทอ” และ “ถล่ม”
ผมจะไปดูหนังที่ปั้นจั่นแสดงไหม ไม่ครับ แต่ไม่ใช่เพราะโกรธเกลียดชิงชังเขา แต่เพราะแนวหนังไม่ใช่แนวที่ผมสนใจ ผมจะเข้าไปรุมถล่มในเพจประชาสัมพันธ์หนังไหม ไม่ครับ เพราะคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนางเอก ผู้กำกับฯ และคณะทำงาน เขาไม่เกี่ยวด้วยกับเรื่องนี้ เขาทำงานของเขา เราควรรู้ว่า “กาลเทศะ” ที่ดีเป็นอย่างไร
ปัญหาของสังคมทุกวันนี้คือ รักแรง เกลียดแรง รักเร็ว เกลียดเร็ว ไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์ และไม่มีความยับยั้งชั่งใจที่จะใช้ “สื่อในมือของตัวเอง” เพื่อแสดงออกซึ่งความรู้สึกและความคิดเห็น
เมื่อรวมเข้ากับความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย
รักก็ยิ่งรักมากเกินไป ถึงขั้นหลง มัวเมา
เกลียดก็เกลียดสุดขั้น ชาติชั่ว มึงอย่ามีที่อยู่ที่ยืนเลย
เราเก่งกาจในการ “ประหัตประหารกัน” มากกว่า “อยู่ร่วมกัน” แม้ “แตกต่างกัน” เราอยากเห็นทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเสมอภาคกัน แต่เราไม่เคยยอมให้อีกคนคิดต่างจากเรา เมื่อคิดต่าง เราไม่แสวงหาความเข้าใจต่อกัน เรา “พิพากษา” กันทันที และพร้อมจะ “ประหาร” มันในทันที ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ด้วยภาวการณ์เช่นนี้ สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นได้ทุกวี่ทุกวันคือ ความชิงชัง อคติ และแผ่นดินที่ “ร้อนระอุ” หาความสงบมิได้เลย
นี่คือสังคมที่เราต้องการกัน ใช่ไหมครับ
2.เมื่อวันพุธ นำคณะของผู้อาวุโสในบ้านในเมืองไปเที่ยวชุมชนกุฎีจีน แล้วไปต่อที่ล้ง 1919 และเข้าชม “บ้านหวั่งหลี” ที่อยากชมมานาน ขากลับ ติดรถผู้ใหญ่กลับมา บนรถเราคุยกันหลายเรื่อง ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถามว่า...
“คุณจิตกร เรื่องไหนที่คุณเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้”
ผมตอบท่านไปว่า “เรื่องความขัดแย้ง ความโกรธเกลียด ที่คนในบ้านเมืองเรามีต่อกัน และที่สำคัญ เด็กด่าผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ด่าเด็ก ด่ากันอย่างไร้เหตุผล ด่ากันสาดเสีย
เทเสีย อันนี้น่ากลัวมากครับ”
ผู้ใหญ่ท่านนั้นถอนใจยาว พลางบอกว่า “ใช่ น่าเป็นห่วงจริงๆ”
เราจะอยู่กันอย่างไรครับ เมื่อ “คิดต่างกัน” ไม่ได้
คิดต่าง-จะถูกบังคับ หรือไม่ก็ถูกต้อน ถูกประทับตรา ว่าอยู่ “ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด” ในทันที
รู้ก็พูด ไม่รู้ก็พูด สื่อสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยนักปราชญ์ราชบัณฑิต
อ่านแค่พาดหัวข่าว ก็รู้ทะลุปรุโปร่ง ด่าเป็นวรรคเป็นเวร อาฆาตพยาบาท ชิงชังกันชนิดไล่ให้เอาปริญญาไปคืนบ้าง ไล่ให้ออกไปจากประเทศบ้าง บอกให้เลิกเคารพเทิดทูนกันบ้าง นี่มันสังคมอะไรกัน
คุณคิดว่าบ้านเมืองจะไปต่ออย่างไร?
ทุกอย่างจะยุติเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด “ชนะ” อย่างนั้นหรือ?
ฝ่ายรัก คสช. จะชนะได้ยังไง ต้องให้ฝ่ายทักษิณ ฝ่ายอนาคตใหม่ ตายหมด หรือลี้ภัยออกนอกประเทศหมด?
ฝ่ายรักทักษิณ รักอนาคตใหม่ล่ะ ต้องให้ได้การเมืองการปกครองในแบบที่ฉันอยากได้ ยกเลิกคดีความทั้งหลายให้ทักษิณไปซะ เอาเขากลับมาบ้าน เลิกหมอบกราบ คนต้องเท่ากัน?
เด็กทำอะไรผิด แทนที่เราจะตำหนิติติงด้วย “เมตตา” ก็ด่า ก็ไล่ ก็สาปก็แช่ง แล้วเด็กจะฟังเรา เข้าหาเราได้อย่างไร เมื่อเราผลักไสเขาอย่างรุนแรงเช่นนั้น ตีตราว่าเขาโง่ เขาตกเป็นเหยื่อ เขาไม่รู้อะไรเลย
เด็กก็เหมือนกัน ด่าทอว่าผู้ใหญ่ไดโนเสาร์ คร่ำครึ บ้าอำนาจ แทนการถามไถ่และโต้แย้งอย่างอ่อนน้อม แต่ตรงประเด็น มีเหตุผล
ผมนึกไม่ออกเลยว่า สังคมที่คน “ซ้อมรบ” กันอยู่ตลอดเวลาในสื่อสังคมออนไลน์ สุดท้ายมันบ่มเพาะปลูกสร้างคนแบบไหน ไร้วุฒิภาวะทางอารมณ์ ยึดเอาแต่เหตุผล มุมมอง ทัศนคติ ของฝั่งตนเป็นใหญ่ คิดต่างไป “ชั่ว-ผิด” คิดอย่างนี้ได้ยังไง
ในแต่ละครอบครัว เริ่มเอาการเมืองเข้าไป “ผิดใจ” กันมากขึ้น ความรัก ความแน่นแฟ้น การให้อภัย ไม่ถือสากัน เริ่มเหือดแห้งลง เหลือแต่ใจที่แห้งผาก มองกันอย่างหมางเมินและเฝ้ารอ “วันของตัวเอง”
ในโซเชียลฯ ด่ากัน ในทีวีด่ากัน เราเสพการด่ากัน เชียร์พวกเดียวกัน เล่นงานพวกตรงข้าม พร้อมที่จะเดือดดาลและ “เล่นงาน” กันทุกเมื่อ
ใช่หรือครับ นี่คือสังคมที่คุณต้องการ
ใช่หรือครับ บ้านเมืองที่เราอยากให้เป็น
ใช่หรือครับ ทางออกของประเทศ
โทรศัพท์มือถือ กลายเป็น “อาวุธ”
เราหมกตัวอยู่กับโทรศัพท์ รับความเกลียดชังเข้ามาในจิตใจ และระบายความเกลียดชังลงไป ทั้งในสื่อสังคมออนไลน์ของเรา และเข้าไปเกรี้ยวกราดในสื่อของคนอื่นด้วย
นี่แหละครับ สิ่งที่ผมเป็นห่วงที่สุด คือ เราบ่มเพาะ “มนุษย์เจ้าอารมณ์” มนุษย์ที่มีแต่ “ความรุนแรง” ไหลเวียนในร่างกายแทนเลือด รุนแรงทั้งคำพูด ความคิด การกระทำ และความต้องการ
นี่คือเส้นทางพาเราพ้นจากวงจรอุบาทว์ และได้ประเทศชาติอย่างที่เราต้องการ....จริงหรือครับ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี