แทบทุกวันจะมีข่าวคราวตามด่านต่างๆ ว่ามี การจับของเถื่อนของปลอม ของหนีภาษี จำนวนมาก รวมไปทั้งบุหรี่เถื่อน ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม พิษภัยของบุหรี่ต่อสุขภาพในฐานะปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นเรื่องที่ทราบกันโดยทั่วไปเป็นอย่างดี หน่วยงานด้านสาธารณสุขทั้งภาครัฐและเครือข่ายภาคประชาสังคม จึงได้ร่วมเสนอมาตรการต่างๆ เพื่อการลดอัตราการสูบบุหรี่ในประเทศให้ลดลงมากๆ โดยหนึ่งในมาตรการที่เรียกได้ว่าเป็นเรือธงในประเทศไทย คือการใช้มาตรการภาษี เพื่อทำให้บุหรี่มีราคาแพงขึ้น โดยหวังว่าผู้สูบบุหรี่จะสู้ไม่ไหว ต้องยอมถอยและเลิกไปเองในที่สุด
แต่อุปสรรคที่ทำให้กลไกภาษีทำงานยังไม่ได้ผลมากนัก คือการสูบยาเส้นมวนเองและการแพร่ระบาดของบุหรี่เถื่อนหรือบุหรี่ที่ไม่เสียภาษี ที่ขายกันทั่วไปในราคาที่ต่ำกว่าบุหรี่ซอง 3-4 เท่า และทุกครั้งที่มีการขึ้นภาษีบุหรี่ ผู้สูบบุหรี่ก็แค่เปลี่ยนมาสูบยาเส้นหรือซื้อบุหรี่เถื่อนมาสูบทดแทน
หลังการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ เมื่อเดือนกันยายน 2560 โดยเก็บภาษีตามปริมาณ มวนละ 1.20 บาท หรือซองละ 24 บาท จากนั้นเก็บภาษีตามมูลค่าอีก 20% สำหรับบุหรี่ราคาต่ำกว่า 60 บาท หรือ 40% สำหรับบุหรี่ที่ราคาสูงกว่า 60 บาท เพื่อเป็นการทำให้การจัดเก็บภาษีสะท้อนถึงความฟุ่มเฟือยและสุขภาพของประชาชน แต่ก็ส่งผลให้บุหรี่ที่ราคาต่ำสุดในตลาดกระโดดสูงขึ้นจาก 40 บาท เป็น 60 บาททันที ส่วนบุหรี่ราคาสูงสุดก็ขยับไปที่ 165 บาท ผลที่ตามมาคือการเติบโตของยาเส้นและบุหรี่หนีภาษี
บุหรี่จึงกลายเป็นหนึ่งในสินค้าที่นิยมลักลอบนำเข้า นอกเหนือจากพวกอาหารเสริม เครื่องสำอาง สินค้าแบรนด์เนม สุรา และสินค้าพืชเกษตร ข่าวการจับกุมบุหรี่หนีภาษีจึงมีมาให้เห็นเป็นระยะ โดยมากจะมาจากจังหวัดที่เป็นตะเข็บรอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สงขลา สตูล ปัตตานี จันทบุรี ตราด มูลค่าการจับกุมในแต่ละครั้งตั้งแต่ 4 แสนบาท ไปจนถึง 10 ล้านบาท มีทั้งบุหรี่ปลอมที่แอบอ้างใช้ตราสินค้า และบุหรี่ยี่ห้อต่างประเทศที่ลักลอบนำเข้ามาขายในประเทศไทย ซึ่งบุหรี่เหล่านี้ถือเป็นบุหรี่ที่ผิดกฎหมายในประเทศเพราะไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้อง
ถือเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมของกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามในพื้นที่ ที่ระดมกำลังตรวจสอบและปราบปรามการลักลอบนำเข้าหรือจำหน่ายบุหรี่หนีภาษี โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561-20 มิถุนายน 2562 พบว่ามีผู้กระทำผิดในคดีบุหรี่ จำนวน 6,997 คดี คิดเป็นวงเงินค่าปรับ 153.27 ล้านบาท
แต่ก็ต้องยอมรับว่าการดำเนินการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมายไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตราบใดที่ยังมีความต้องการจากผู้สูบบุหรี่ที่มีกำลังซื้อไม่เพียงพอแต่ก็ยังไม่ยอมเลิกสูบบุหรี่ ก็ยังเป็นแรงจูงใจให้กับกลุ่มขบวนการลักลอบค้าบุหรี่เถื่อน ทั้งนี้ การรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนให้ตระหนักถึงผลเสียของสินค้าเถื่อนต่อประเทศชาติและการจับกุมปราบปรามเชิงรุกอย่างเข้มงวดก็น่าจะเป็นแนวทางที่จะช่วยบรรเทาปัญหาบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไม่เสียภาษีลงได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากบุหรี่มันแพงเกินจนสิงห์สายควันซื้อไม่ไหว ก็ต้องหันไปใช้บุหรี่เถื่อนที่มันทดแทนกันได้อยู่ดี ถือเป็นงานหนักของรัฐบาลที่จะต้องหาความสมดุลในการขึ้นภาษีบุหรี่ที่จะไม่สร้างปัญหาบุหรี่เถื่อนตามมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี