การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพที่กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 20-23 มิถุนายนที่ผ่านมา ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่าการประชุมดังกล่าวเป็นเวทีให้ผู้นำอาเซียนร่วมกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาค รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นภายในภูมิภาคและระหว่างประเทศเพื่อหาแนวทางในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ร่วมกัน อย่างตรงไปตรงมาในบรรยากาศของมิตรภาพ
ที่ประชุมย้ำความสำคัญของการรักษาความเป็นเอกภาพผลประโยชน์ร่วมกัน และความเป็นแกนกลางของอาเซียนในภูมิภาค รวมทั้งความสำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือของอาเซียนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจนอกจากนี้ที่ประชุมยังแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของอาเซียนที่จะบริหารจัดการผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศคู่ค้าที่สำคัญ นอกจากนี้ยังแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในรัฐยะไข่ในปัจจุบันด้วย
สำหรับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ของเมียนมานั้นต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นว่า รัฐยะไข่นั้นในปัจจุบันเป็นรัฐในสหภาพเมียนมาซึ่งประเทศแบ่งออกเป็น 15 เขต ได้แก่ เขตนครหลวง กรุงเนปิดอว์, เขตต่างๆ 7 เขต คือ ย่างกุ้ง, มัณฑะเลย์, อิรวดี, มะกเว, พะโค, ตะนาวศรี, ชะไก กับ 7 รัฐ ได้แก่ รัฐยะไข่, กะฉิ่น, กะเหรี่ยง, กะยา, มอญ, ฉาน, ชิน ประชากรทั้งหมด 54 ล้านคน แบ่งเป็น 13 ชาติพันธุ์ ได้แก่ พม่า ร้อยละ 68 ไทยใหญ่ ร้อยละ 9 กะเหรี่ยง ร้อยละ 7 ยะไข่ ร้อยละ 4 จีน ร้อยละ 2 อินเดีย ร้อยละ 2 มอญ ร้อยละ 2 ชิน ร้อยละ 2 คะฉิ่น ร้อยละ 1 ม้ง ร้อยละ 1 ว้าแดง ร้อยละ 1 ลาฮู และมูเซอ ร้อยละ 1 โดยนับถือ 4 ศาสนาหลัก ได้แก่ พุทธศาสนา, คริสต์ศาสนา, ฮินดู และอิสลาม
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นรัฐยะไข่เดิมเป็นดินแดนของชาวอินเดียจากฝั่งตะวันตก ของเบงกอลที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่แคว้นอาระกันผู้นำเป็นราชวงศ์อินเดียที่นับถือฮินดูเชื้อสายจันทรวงศ์โดยเป็นดินแดนคาบเกี่ยวระหว่างบังกลาเทศกับอาระกันเริ่มมีอาณาจักรเป็นปึกแผ่นในพุทธศตวรรษที่ 14 และ 15 มีราชธานีที่นครเวสาลี และนครธัญญวดี แคว้นนี้มีสงครามกับเบงกอล, พม่า และไทยใหญ่ พุทธศตวรรษที่ 16 พระเจ้าอโนรธามังช่อมหาราช จากพุกาม ยกทัพมายึดแคว้นอาระกัน ได้มีการผนวกเป็นดินแดนของอาณาจักรพุกาม
ปี 1830 กองทัพจักรวรรดิมองโกล เข้ามารุกรานทิเบต และเมียนมา ยังผลให้อาระกันเป็นเอกราช แคว้นเบงกอลได้เข้ามารุกรานอาระกันแต่ยึดครองไม่สำเร็จ ปี 1947 พม่าเคลื่อนทัพมารุกรานอาระกัน กษัตริย์อาระกันได้ขอความช่วยเหลือจากเบงกอลที่เป็นมุสลิมจนทำให้อาระกันเป็นประเทศราชของเบงกอล ปี 2074 อาระกันเข้มแข็งยึดนครจิตตะกอง ในเบงกอล ได้ทำให้อาระกันเป็นเอกราชอีกครั้ง ต่อมากษัตริย์อาระกันได้รับความช่วยเหลือจากทหารรับจ้างชาวโปรตุเกสหลายพันคน ได้อาศัยอาวุธปืนใหญ่และปืนเล็กยาวที่ดีกว่ารบชนะทหารเมียนมาสำเร็จ
เมื่อปี 2154 อาระกันยึดหงสาวดีและสิเรียมได้ทำให้อาระกันมีอำนาจไม่กลัวเมียนมา ปี 2209 ราชวงศ์โมกุลที่กรุงเดลฮีส่งกองทัพมายึดนครจิตตะกองได้ ปี 2327 กองทัพเมียนมาของพระเจ้าปดุง ราชวงศ์อลองพญากลับมายึดอาระกันได้อีกปี 2357 เมียนมาทำสงครามแพ้อังกฤษ ครั้งที่ 1 รัฐอาระกันหรือยะไข่เป็นดินแดนอังกฤษ อังกฤษส่งชาวโรฮีนจาที่เป็นอิสลามเป็นลูกหาบในกองทัพอังกฤษเข้ามาตั้งรกรากในอาระกันจำนวนหลายหมื่นคน จากนั้นก็มีชาวมุสลิมอินเดียจากเบงกอลเข้ามาอยู่ในรัฐยะไข่จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปี 2491 สหภาพเมียนมาได้เป็นเอกราชรัฐบาลเมียนมาเข้ามาปกครองรัฐยะไข่ทำให้แบ่งเป็นเขตมยูที่เป็นมุสลิมหรือโรฮีนจากับชาวยะไข่ที่เป็นชาวพุทธมีปัญหากระทบกระทั่งระหว่างชน 2 ศาสนา ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 70 ปี ชาวโรฮีนจาส่วนหนึ่งได้จัดตั้งองค์กรทางทหารเพื่อต้องการแยกตัวเป็นเอกราชจนมีการปะทะกับทหารและตำรวจเมียนมาอย่างรุนแรงจนเกิดปัญหาชาวโรฮีนจาอพยพทางเรือลี้ภัยมาอยู่ในมาเลเซียและอินโดนีเซียและข้ามไปอาศัยในบังกลาเทศถึง 7 แสนคน
ชาวโรฮีนจาเป็นปัญหาหนามยอกอกในกลุ่มอาเซียนมานานปี โดยเฉพาะอินโดนีเซียและมาเลเซียได้แสดงความไม่พอใจรัฐบาลเมียนมาได้มีการยื่นประท้วงอย่างรุนแรงหลายครั้ง ในขณะที่ไทยนั้นได้ยึดหลักไม่แทรกแซงเหตุการณ์ในยะไข่แต่ได้กระชับความร่วมมือดูแลสถานการณ์ในยะไข่ในขณะนี้ได้เข้าไปฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่แบบยั่งยืนเพื่อเตรียมพร้อมรับผู้ลี้ภัยในรัฐยะไข่ที่จะส่งกลับมายังพื้นที่เดิมโดยที่พวกเขาจะได้มีอาชีพ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ว่า เสถียรภาพและความสันติสุขในรัฐยะไข่ จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวม รวมไปถึงการลงทุนจากต่างชาติและการท่องเที่ยวของเมียนมา นายดอนเดินทางเยือนทั้งเมียนมาและบังกลาเทศ โดยเดินทางไปในฐานะประธานอาเซียนเพื่อรับรู้ทัศนคติของทั้งเมียนมาและบังกลาเทศ ซึ่งนายดอนได้ปรึกษาหารือกับนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาถึงปัญหาดังกล่าวโดยให้ใช้สันติวิธีเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี