l ชีวิตที่ผ่านมา ผมใช้อย่างคุ้มค่า เต็มราคา ของชีวิตความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ในโลกใบนี้
ป๋าแม่ ให้ชีวิต ให้แบบอย่าง ให้ทุกอย่างแก่ลูกๆ : แม่มีส่วนสำคัญ ที่ชี้ถูก แยกผิด ให้ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงามตอนเป็นเด็ก “ป๋าแม่” : สอนให้เก็บให้ครบ จ่ายให้คุ้มไม่ทิ้งขว้าง ให้เสียเปล่า ไม่สูญหาย และผมเป็นคนประหยัด มัธยัสถ์ เห็นคุณค่าและความหมายของชีวิต เวลา การงาน เงิน ทรัพยากร ฯลฯ ผมเป็นคน ที่เสียดาย เวลา สิ่งของ เงินทอง ที่ได้รับมาจากป๋าแม่ เพราะได้มายาก ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตผมเดินตามวิถีของบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ครูโรงเรียน พระวัด และแบบอย่างที่ดีงามของชุมชนสังคมฯ
l วิริยอุตสาหะ นำมาซึ่งความสำเร็จ : ความพอเพียงพอใจ การให้การทำงาน คิดดีทำดี เป็นสุขอย่างยิ่งเดินอย่างช้าๆแบบเต่า : ช้า แต่แน่นอน Slow but sure : ก้าวไปข้างหน้า อย่างมั่นใจ มั่นคง ไม่รีบร้อนเก็บสะสม คำสอน ประสบการณ์ เดินตามหลังผู้ใหญ่ ในสิ่งที่ดีงาม : ทั้งที่ บ้าน วัด โรงเรียน (บวร) ทำทุกอย่างที่ขวางหน้า เก็บเล็ก ผสมน้อย ทำไปเรื่อยๆ
ไม่หยุด ตามหน้าที่และบทบาทของชีวิต ที่ค่อยๆ เติบโต ชีวิตในวัยเด็กนักเรียน ที่โรงเรียนอรุโณทัย อัสสัมชัญลำปาง จึงเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่โดดเด่น ไม่โลดโผน มีแต่การเรียนและเรียน ทั้งที่โรงเรียน และเรียนพิเศษที่บ้าน ที่คุณแม่ จ้างครูมาสอน เพื่อให้ลูกเรียนเก่ง มีเพื่อนที่โรงเรียนเป็นหลัก เพราะชีวิตอยู่กับโรงเรียน และมีเพื่อนบ้าน เล่นกันในวันหยุดและมาดูทีวีที่บ้าน (ในสมัยนั้น “ร้านชัยประสาน” มีทั้ง วิทยุ และทีวีขาวดำ ที่เด็กๆ จะมาชุมนุม ฟังและดูละครและภาพยนตร์) สมัยเด็ก ตัวเล็ก : แต่ชอบตามพี่ และเพื่อนๆรุ่นใหญ่ข้างบ้านไปเที่ยวเล่น ตามประสาเด็กๆ เจอแจ๊กพอต คือ “เพื่อนๆ รุ่นพี่ ตัวโต” เดินข้าม “ศพที่เผาแล้วมอดเป็นเถ้าถ่าน” ขายาวเดินข้ามได้สบาย แต่เราขาสั้น “ก้าวแรกก็เหยียบเถ้าถ่านที่ยังร้อน” แล้ววิ่งลงน้ำแม่วัง ตีนจึงสุก แล้วเพื่อนแบกมาส่งบ้าน ผลงานนี้ : ทำให้เราได้ไปใช้บริการ “วัด” ให้พระเป่าน้ำมนต์ และยานวด อยู่หลายเดือน กว่าจะหายปกติ
- สิ่งที่ได้ไม่น้อย คือ การไปคลุกคลีที่ร้านกวางฮั่วหลี(ร้านก๋ง) และการไปวัดไปเป็นเพื่อนยายจำศีลที่ม่อนฯ หลวงพ่อวัดเชียงรายลำปาง ที่ยายไปประจำ ทำให้ “นายกิ๊บ”(คำที่หลวงพ่อเรียก) ได้กลายเป็นลูกศิษย์วัดด้วยได้เห็น “อาหารมากมายหลายชนิด เป็นหลายสิบจาน ทั้งคาวหวาน ผัก หมู ไก่ เนื้อ ที่เลือกกินไม่ถูก ไม่หมด”
- มีโอกาสพิเศษสุดของชีวิต ในคราวที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯจังหวัดลำปาง, ตามยายไปเฝ้าฯรับเสด็จขบวนแถวของชาวบ้านตั้งมาแต่ไกลยาวเหยียด : ที่หน้าร้านฯ “ยายตั้งโต๊ะ และมีพวงมาลัยที่เตรียมถวาย” ไม่คาดคิด เมื่อรถพระที่นั่งผ่านมาถึง และมาหยุดอยู่ “หน้ายาย” : สมเด็จฯ ทรงชะโงกพระพักตร์ออกมา ทักทายฯ ภาพที่ยายถวายพวงมาลัย และสมเด็จฯทรงยื่นพระหัตถ์มารับต่อหน้าและสายตาของผมเป็นความปลาบปลื้มที่สุดฯ
l เริ่มเข้าใจชีวิตการเรียนการมีเพื่อน กิจกรรมส่วนรวม เมื่อมาเรียนต่อที่ รร.เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ และเริ่มมากขึ้น
เมื่อก้าวเข้ามาเป็นนิสิตวิศวะ จุฬาฯ เมื่อปี 2510 ในวัย 18 ปี ที่มีคำนำหน้า เป็นนายชัยวัฒน์ เรื่องการเรียน มิได้โดดเด่น เพราะความขยัน เอางาน เอาจริง มุ่งมั่นไปที่การทำกิจกรรมของคณะมหาวิทยาลัยการเรียนซ้ำชั้น Repeater ครั้งแรก ในปีที่สอง “มันเจ็บปวด” เพราะเป็นครั้งแรกของชีวิต แต่ก็เป็นไม่นาน ตกซ้ำชั้นครั้งที่สอง ตอนเป็นซีเนียร์ ปีที่สี่ กลับไม่รู้สึกเสียใจอะไร เพราะ “แทบไม่ได้เรียน ทำงานลูกเดียว”
@ ทุกวิกฤติ มีโอกาส : การเป็นรีพีทเตอร์ สำหรับ “นิสิตวิศวะจุฬาฯ” มีความหมาย นิสิตที่ซ้ำชั้นจะถูกจัดมารวมกัน และมีกิจกรรมร่วมกันหลายอย่าง ที่เป็นการปลอบประโลมใจให้แก่กันอย่างหนึ่ง รู้จักกัน ในนาม “Repeater Spark” โดยการจัดทัศนศึกษา ที่ภูกระดึง ไปพบรุ่นพี่ คุยกินเที่ยวได้เห็นความเป็นอินทาเนียร์ ความรักสามัคคีช่วยเหลือกัน สปิริตน้ำใจของรุ่นพี่ ที่มีต่อรุ่นน้อง : ให้อะไรมากมาย
l พูดถึงกิจกรรม : สร้างความคิด ให้ชีวิต การทำงาน เพื่อส่วนรวม และต่อยอดไปถึง ประชาชน บ้านเมือง
w เป็นงานกิจกรรม ในฐานะอุปนายก และนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ปี 2514 หลังจากผ่านงาน กิจกรรมของคณะวิศวะฯ และก้าวเข้ามาสู่ ชมรม สโมสรนิสิตจุฬาฯ ตั้งแต่เรียนปี 1 ปี 2
w งานชมรมบริการโลหิตและสังคมสงเคราะห์ ชมรมค่ายอาสาสมัคร ปาฐกถาและโต้วาที ฯลฯ (ความประทับใจมิรู้ลืม คือ การได้คุ้นเคย ไปกินที่ซอยสวนพลู ไปบ้านขุนตาล ของ อ.คึกฤทธิ์ ปราโมช)
w งานนอกมหาวิทยาลัย ชมรมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม และการสัมพันธ์กับนักกิจกรรมมหาวิทยาลัยต่างๆการไปสวนโมกข์ ไปอยู่กับ ท่านพุทธทาส ที่สวนโมกข์ กับ ดร.ระวี ภาวิไล และครอบครัว ปี 2512 นอกจากการได้เห็นการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ที่เป็นแบบอย่าง ยังเจอเพื่อนมิตรต่างมหาวิทยาลัย
w งานการบ้านการเมือง เริ่มจาก “การเป็นตัวแทนคณะวิศวะจุฬาฯ ไปร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง ปี 2512 เพราะ “รุ่นพี่” ผู้แทนคณะวิศวะจุฬาฯ” มอบหมาย เพราะเห็นว่า “เราเป็นคนทำงานจริง” งานเล็กๆ ที่เข้าร่วม คือ ขายดอกป๊อปปี้ ช่วยเหลือทหารผ่านศึก โครงการของคุณหญิงจงกล กิตติขจร การชุมนุมของนิสิตจุฬาฯ ต่อต้านการบริหารมิชอบของผู้บริหารมหาวิทยาลัย ปี 2513
w การได้ร่วมงานกับ ธีรยุทธ บุญมี 2512, ประสาร ไตรรัตน์วรกุล 2513 นิสิตวิศวะฯรุ่นน้อง
ธีรยุทธ : ในการทำกิจกรรมระดับชาติ คือ การรณรงค์ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น ส่งเสริมใช้สินค้าไทยเสื้อผ้าดิบ
และพัฒนามาถึง งานการเมือง ในสมัยธีรยุทธ เป็นเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
ประสาร : ในฐานะนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ ปี 2516 ในยุค “สมบัติ ธำรงธัญวงศ์” เป็นเลขาฯ ศนท. ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ที่รับช่วงต่อๆ มาจนถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่ผมและธีรยุทธได้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ในนาม “13 กบฏเรียกร้องรัฐธรรมนูญ 2516”
l งานที่สำคัญระดับชาติ ที่ขอบันทึกไว้ เป็นประวัติศาสตร์
ในช่วงเป็นซุปเปอร์ซีเนียร์ (ปี 6) ได้ร่วมกับ นิสิตวิศวะฯรุ่นน้อง “ปี 4 ปี 3” รณรงค์ ให้ครม. คืนเงิน 5,000 บาท / ปี ที่นิสิตนักศึกษาที่เรียนวิศวะฯทั่วประเทศต้องจ่ายไป ได้สำเร็จ
w มีเรื่องสำคัญ ในปี 2514 ในช่วงเป็นนายกสจม. ที่ทำร่วมกับผู้แทนคณะสัตวแพทย์ “พี่พงษ์ศักดิ์” ในการ
เรียกร้อง ให้ ครม. ยกเลิกมติ ที่ให้ “ยุบ คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ ไปรวมกับ สัตวแพทย์เกษตรศาสตร์ โดยการ
ไปพบกับ พลเอกประภาส จารุเสถียร ในฐานะนายกสภาจุฬาฯ จนสำเร็จ
w การรณรงค์เรียกร้องให้มีการสงวนอาชีพวิศวะฯ แก่ประชาชนไทย (2515) ฯลฯ
l ตลอด 6 ปี ที่เป็นนิสิตวิศวะฯ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
“การเรียน การได้รับปริญญา วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของการเรียน : เป็นเรื่องรองแต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยต่อชีวิต ในเรื่อง “การทำงาน การมีเพื่อนมิตร ความคิดประสบการณ์อินทาเนียร์” เรื่องหลักของชีวิต ความเป็นคน เป็นอินทาเนียร์ เป็นนิสิต เป็นพลเมืองที่ดีของบ้านเมือง ได้มาจากกิจกรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี