จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ กำลังนำพาพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นสู่ “สถานะ” ที่แข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกรุมกระหน่ำจากทุกทิศทาง หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งที่ผ่านมา และถูกกดดันทั้งจากฝ่ายที่อยากให้ร่วมรัฐบาล และที่ไม่อยาก
เริ่มตั้งแต่รุมกระหน่ำกดดันกันว่า จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาล ร่วมก็มีกลุ่มหนึ่งต่อว่า ว่าทรยศต่อสัจจะและอุดมการณ์ ไม่ร่วมอีกพวกหนึ่งก็ว่า ว่าไม่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ทำตัวเป็นอุปสรรค ทำให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้
ระหว่างนั้น ประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายจุรินทร์ไม่ถกเถียง ไม่ต่อปากต่อคำ เลือกเดินเกมเจรจาอย่างหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อเสียงก่นด่าและแรงกดดันเหล่านั้น พลันที่การเจรจายุติ สมหวังในการเสนอเงื่อนไขขอร่วมบริหารบ้านเมืองในเก้าอี้ “กระทรวงพาณิชย์” กับ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ซึ่งต้องทำงานประสานกันเป็นหลัก แน่นอน เขาและคณะก็ถูกต่อว่าอีก ว่าต่อรองอยู่นั่นแหละ รัฐบาลตั้งไม่ได้เสียที ซึ่งจุรินทร์ก็ไม่ต่อปากต่อคำอีก เงียบ สุขุมเดินเกมเจรจาจนสำเร็จ
หลังจากเจรจาสำเร็จ ปิดดีลได้ ดูจังหวะการเดินของจุรินทร์และคณะกันให้ชัดๆ นะครับ
1) ลงพื้นที่ภาคใต้ ติดตามและรับฟังปัญหาราคาปาล์มน้ำมันและยางพารา ศึกษาการจัดการพลังงานทางเลือกที่ใช้ปาล์มน้ำมันแปรรูป โดยที่หลังลงพื้นที่ เขาก็ไม่ได้คุยโวโอ้อวด ข่มรัฐบาล สร้างคะแนนนิยมให้ตัวเองจนเกินงาม อันที่จริง ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าที่สื่อรายงานข่าวธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ น่าเสียดายว่า หากเพจของพรรคประชาธิปัตย์หรือเพจของเขาเอง จะได้สรุปสาระสำคัญที่เกิดจากการลงพื้นที่ที่ “ตกผลึก” ในผู้นำที่ชื่อ “จุรินทร์” ความแหลมคมของเขาจะค่อยๆ ซึมเข้าสู่การรับรู้และกลายเป็นภาพจำที่คมชัดเรื่อยๆ ว่าจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์คือใคร น่าสนใจอย่างไร
2) จากนั้นนายจุรินทร์ พร้อมคณะ อาทิ นายนิพนธ์ บุญญามณี และนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)นายธนา ชีรวินิจ สส.กทม. ซึ่งมาเป็นตัวแทนนายเฉลิมชัยศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และนายเกียรติ สิทธีอมร สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายศึกษากฎเกณฑ์ IUU ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประมงอีก
โดยเป็นการรับฟังการสะท้อนปัญหาของ 59 สมาคมประมงไทย ผู้ประกอบการประมง 22 จังหวัดและชาวประมงกว่า 500 คน ระหว่างการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2562 ของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่นำไปแก้ปัญหาประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน
นายจุรินทร์กล่าวว่า มารับฟังสภาพความเป็นจริงด้วยหูตัวเองเพื่อนำปัญหาไปคลี่คลายตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจากการรับฟังปัญหาสามารถสรุปได้คร่าวๆ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.เรื่องกฎหมายโดยเฉพาะ พ.ร.ก.ประมง รวมถึงกฎเกณฑ์ กติกาที่ต้องได้รับการแก้ไข และแนวทางการปฏิบัติของทางราชการ 2.เรื่องแรงงาน แม้ไม่มีหน้าที่โดยตรงแต่ในฐานะ สส.และหัวหน้าพรรคการเมือง สามารถนำความเดือดร้อนและเรื่องร้องทุกข์ไปสะท้อนต่อสภาเพื่อแก้ปัญหาต่อไปได้ 3.เรื่องการเยียวยาที่ยังล่าช้า โดยต้องเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และ 4.เรื่องราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำ โดยจะรับไปประสานกับกระทรวงพาณิชย์ต่อไป
“หลักใหญ่ในการแก้ปัญหา คือ 4 ภาคีเครือข่ายประมง ได้แก่ ประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ ผู้ประกอบการและผู้ส่งออก อยู่ร่วมกันหรือประกอบกิจการภายใต้ความรับผิดชอบควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล”
นายจุรินทร์ยังกล่าวด้วยว่า จะผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาการประมงแห่งชาติ ให้เกิดขึ้นเพื่อทำงานร่วมกันของ 4 ภาคีเครือข่าย นอกจากนี้ถึงเวลาแล้วที่จำเป็นเรื่องตั้งกองทุนเพื่อดูแล ส่งเสริมและสนับสนุน เยียวยาและฟื้นฟูท้องทะเล ภายใต้ชื่อ “กองทุนอนุรักษ์ทะเลไทย” โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อกำหนด กฎเกณฑ์
ขณะที่เรื่องแรงงานจะขยายระยะเวลาข้อตกลง (MOU) แรงงานต่างด้าว จำนวน 1.5 ล้านคนออกไปอีก2 ปี โดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.แรงงาน มาตรา 14 สุดท้ายเรื่องราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำจะประสานให้กระทรวงพาณิชย์รับไปแก้ปัญหา
การเคลื่อนไหวจังหวะนี้ของจุรินทร์ ผมถือว่า “งาม” มาก คือ งามด้วยกาลเทศะ ไปในฐานะผู้รับฟัง ไม่อวดอ้างเป็นผู้รู้ ทั้งในที่ประชุมนั้น และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมนั้น ไม่เหมือนธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ งามด้วยท่าที คือไปอย่างผู้อยากจะทำความเข้าใจและด้วยความเห็นใจ และงามด้วยวิสัยทัศน์ คือ เมื่อรับฟังเสร็จแล้ว ก็แปรสิ่งที่ได้รับฟังนั้นเป็น “แนวทางการปฏิบัติ” ทันที
ที่จริงแล้ว แผนงานของ “ประชาธิปัตย์ภาคใต้” ได้พูดถึงการจำแนกมาตรการเพื่อช่วยเหลือดูแลประมงออกเป็นกลุ่มๆ อยู่แล้ว เพราะปัญหาของประมงก็มีความขัดแย้งหรือต้องการแนวทางที่ต่างกันอยู่ ทั้งประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ และประมงส่งออก ซึ่งทีมนโยบายประชาธิปัตย์ “กระจ่าง” ในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อมา “รับฟัง” เขาก็วาง“ท่าที” ได้ดี และไม่ออกมาคุยโว้ข่ม “พล.อ.ประยุทธ์” อย่างที่ธนาธรทำ ยังไม่รวมว่า ประชาธิปัตย์มีความตั้งใจจะจัดตั้ง “กองทุนอนุรักษ์ทะเลไทย” มาตั้งแต่ชั้นของการทำยุทธศาสตร์ภาคใต้ในช่วงหาเสียงอยู่แล้ว เพื่อให้ “คนอยู่รอด ทะเลอยู่ได้”
3) ต่อมา นายจุรินทร์ และคณะ ประกอบด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค นายไชยยศจิรเมธากร รองหัวหน้าพรรค นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ดร.รัชดา ธนาดิเรก นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข กรรมการบริหารพรรค นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ดร.ศุภชัย ศรีหล้า นายวุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี นายจุฤทธิ์ลักษณวิศิษฎ์ รองโฆษกพรรค นายธนน เวชกรกานนท์ นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรค พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่พบปะตัวแทนเกษตรกร และผู้ประกอบการมันสำปะหลัง เพื่อรับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ และติดตามสถานการณ์ราคามันสำปะหลัง ที่สำนักงานเทศบาลตำบลไชยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
นายจุรินทร์ กล่าวถึงการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง ว่า ตนตั้งใจมาพบเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังภาคอีสาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกมันสำปะหลังมากที่สุดในประเทศ ซึ่งวันนี้จะได้แลกเปลี่ยน และรับฟังข้อเสนอแนะจากเกษตรกร รวมทั้งตัวแทนสมาคมมันสำปะหลัง ผู้ประกอบการโรงมัน ผู้ประกอบการแปรรูปผลิตพันธุ์มันสำปะหลัง ผู้ประกอบการส่งออกมันสำปะหลัง และตัวแทนเกษตรกรจาก 49 จังหวัดทั่วประเทศด้วย ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้มารับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำไปประกอบกับข้อมูลเดิมที่มีอยู่ และจะได้แลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกันเพื่อที่จะให้ทั้ง 4 องคาพยพ คือ 1.ชาวไร่มันสำปะหลัง 2.ผู้ประกอบการลานมัน 3.ผู้ประกอบการโรงมัน และ4.ผู้ส่งออกมันสำปะหลังสามารถอยู่ร่วมกันได้
“ทั้งหมดต้องอยู่ได้ เกษตรกรต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้ง 4 องคาพยพก็ต้องมีรายได้ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจโดยใช้มันสำปะหลังเป็นฐาน สามารถเดินหน้า
ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า แนวทางที่เตรียมไว้คือ นโยบายการประกันรายได้เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง เพื่อให้เกษตรกรที่ผลิตมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ สามารถมีรายได้ มีหลักประกัน ว่า จะสามารถขายมันสำปะหลังได้กิโลกรัมละเท่าไร
นอกจากการประกันรายได้แล้ว จะต้องมีการส่งเสริมให้มีการใช้มันสำปะหลังในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการทำเกษตรพันธสัญญา กล่าวคือ เกษตรแปลงใหญ่ที่รวมตัวกันปลูกและบริหารจัดการร่วมกัน โดยจะมีการทำสัญญาข้อตกลงกับผู้ใช้มันสำปะหลัง ว่าจะรับซื้อใน ปริมาณ คุณภาพ ราคา เท่าไหร่ และอีกประการคือต้องส่งเสริมการขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังไทยไปทั่วโลก นอกจาก จีน เกาหลี ญี่ปุ่นดังนั้นต้องส่งเสริมการขยายตลาดการส่งออกใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการพบปะแลกเปลี่ยน รับฟังความเห็น ข้อเสนอแนะ จากทั้ง 4 องคาพยพนายจุรินทร์ นำคณะ เดินสำรวจแปลงมันสำปะหลังทันที พร้อมสอบถามและรับฟังการสะท้อนปัญหาจากเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังอย่างใกล้ชิด
4) หลัง นายจุรินทร์ และคณะ พบปะ รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะ ร่วมกับตัวแทนเกษตรกรและผู้ประกอบการค้ามันสำปะหลัง ที่สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยใช้ เวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลกว่า 3 ชั่วโมง
นายจุรินทร์ กล่าวสรุปว่า วันนี้มาในฐานะหัวหน้าพรรคและในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะวันนี้มีสภาแล้ว จึงมาทำหน้าที่พรรคการเมือง และหน้าที่ของผู้แทนประชาชน เมื่อได้รับฟังข้อมูลวันนี้แล้ว ตนในฐานะหัวหน้าพรรคจะมอบหมายให้นายวุฒิพงษ์ นามบุตร สส. อุบลราชธานีของพรรคฯ ได้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มารับฟังในวันนี้ โดยเฉพาะปัญหาเร่งด่วนคือปัญหาใบด่างมันสำปะหลัง ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งได้ แต่กลับขยายวงไปในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“วันนี้ถือว่ามารับฟังข้อมูลล่วงหน้า ซึ่งความจริงผมเคยปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปี พ.ศ. 2535 จึงอยากให้มั่นใจว่าจะดูแลทุกกลุ่มตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ อย่างเท่าเทียมกัน ให้อยู่ร่วมกันอย่างยุติธรรมและเติบโตไปด้วยกันด้วยหลักการทำงานที่ชัดเจนคือการใช้ 3 ฝ่ายตัดสินใจร่วมกันทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ซึ่งมั่นใจว่าจะดูแลผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป” นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์กำลังหลอมรวมประสบการณ์การทำงานในอดีต เข้ากับสถานะหัวหน้าพรรค และว่าที่รองนายกฯ กับว่าที่รัฐมนตรี นำพาผู้คนทั้งในพรรคและประชาชนไปสู่การ “มีความหวัง” ท่ามกลางบรรยากาศของการแย่งเก้าอี้กัน บรรยากาศของการโจมตีกัน ตรวจสอบกันทั้งที่เป็นประเด็นและไม่เป็นประเด็น ด้วยการ “เล่นการเมืองสร้างสรรค์”ให้เห็นเป็นแบบอย่าง เอาทุกข์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง เอาคณะทำงานและโอกาสที่เจรจาต่อรองมานั้น เพื่อเข้าสู่การ“แก้ปัญหา” ให้ประชาชนอย่างแท้จริง
ทำให้คนเริ่มชื่นชมและศรัทธาว่า ไม่ว่าจะเคยก่นด่าหรือแสดงความผิดหวังเสียใจกับประชาธิปัตย์มามากเพียงใดแต่เมื่อกวาดตาดู จะพบว่าเวลานี้ ทางที่ประชาธิปัตย์เดินสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำ ภายใต้การนำของนายจุรินทร์นั้น งดงามที่สุดแล้ว ในความเป็นนักการเมือง-พรรคการเมือง ในความเป็นประชาธิปไตย และในการพูดว่า เราจะทำงานเพื่อประชาชน
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ถือว่าคุณจุรินทร์เริ่มต้นหนทางนี้ได้ดีจริงๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี