เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ปวงชนชาวไทยกว่า 30 ล้านคน ได้ออกมาใช้สิทธิพลเมืองหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งตัวแทน เพื่อไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร เช่น การออกกฎหมาย การอนุมัติงบประมาณประจำปี และควบคุมกำกับการทำงานของฝ่ายบริหาร (รัฐบาล ที่นำโดยคณะรัฐมนตรีจำนวน 35 คน)
พลเมืองไทยทุกคนต่างก็อยากให้ตัวแทนหรือผู้แทนของเขาไปทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความผาสุกของเขาทั้งหลาย และเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติโดยรวม
การลงคะแนนเลือกผู้แทนราษฎร หรือตัวแทนของประชาชนพลเมืองก็จัดว่าเป็นการกรองครั้งที่หนึ่ง เพื่อที่จะสรรหาคนดี จำนวน 500 คน ไปทำงานเพื่อประเทศชาติ รับใช้ประชาชนด้วยจิตอาสา ซึ่งผู้สมัครเหล่านี้ต่างมาด้วยความสมัครใจ หามีผู้ใดบังคับไม่
การคัดกรองของประชาชนพลเมืองก็เป็นไปตามความรู้ความเข้าใจ ความรู้จักมักจี่ ทั้งต่อตัวผู้สมัครและทั้งต่อพรรคการเมืองที่สังกัด ซึ่งขึ้นอยู่กับความสนอกสนใจในเรื่องบ้านเมือง ขึ้นอยู่กับการสอบถามผู้อยู่รอบข้าง หรือไม่ก็ได้รับการแนะนำบอกกล่าว บ้างก็อาจหลงผิดยอมแลกเสียงตนเองกับเงิน แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อย เพราะเชื่อว่าคนไทยโดยทั่วไปนั้นอยากได้คนดีมาทำงานให้ตัวและประเทศชาติ
ก็อนุมานว่า ผู้แทนจำนวน 500 คนที่ผ่านการคัดสรรมานั้นล้วนเป็นคนดี เนื่องจากต่างคนต่างบอกกับประชาชนพลเมืองว่า ตนเป็นคนดี ซึ่งก็ได้รับความเชื่อถือจากประชาชนพลเมืองโดยหลังจากนี้ หากคนเหล่านี้มีผลงานการเมืองไม่ดี ก็ไม่ควรไปโทษคนไทย เพราะเขาได้ให้ความเชื่อถือและให้ความไว้วางใจไปแล้วหากผลงานย่ำแย่ ก็เป็นเพราะถูกบิดเบือนเจตนารมณ์ ดังนั้นความผิด และความรับผิดชอบทั้งปวง ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้แทนนั้นๆ
และในจำนวนผู้แทน 500 คนนี้ ก็จะมีประมาณ 35 คน ที่จะได้รับการคัดเลือกจากนายกรัฐมนตรี ให้ไปเป็นคณะรัฐมนตรีด้วยกัน (อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีบางคนอาจไม่ต้องมาจากการเป็นผู้แทนก็ได้ แต่เป็นส่วนน้อย)
เท่ากับว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้เลือกตัวรัฐมนตรีนี้ ก็เสมือนเป็นการกรองผู้แทนราษฎรครั้งที่สอง เป็นการดำเนินการเพื่อได้ “คนดี” จากหมู่คนดี ให้ไปบริหารบ้านเมือง
ซึ่งในการกรองครั้งที่ 1 โดยประชาชนพลเมืองดังกล่าวนั้น อาจจะมีการผิดพลาดกันบ้าง อาจได้คนไม่ดี ไม่ค่อยดี ติดร่างแหไปบ้าง ประชาชนก็ต้องคอยตามดู ตามไปกำกับควบคุมกันไปก่อน แต่การคัดกรองบุคคลให้มาเป็นรัฐมนตรีอีก 34 คน นอกเหนือจากตัวนายกรัฐมนตรีนั้น จะผิดพลาดเลือกคนไม่ดีเข้าไปบริหารประเทศไม่ได้ แต่นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ ที่จะไม่ปล่อยให้ “คนไม่ดี” เข้าไปเป็นรัฐมนตรี
ประเด็นคือ “กรุงศรีอยุธยา” นั้นไม่สิ้นคนดี แล้วยุครัตนโกสินทร์ เราจะหาคนดี แค่ 34-35 คน ไปเป็นคณะรัฐบาลไม่ได้เชียวหรือ
ที่สำคัญ รายชื่อคณะรัฐมนตรีต้องมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์ คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องแน่นอนใจ 100% ว่า ทีมงานนั้นยอดเยี่ยมทั้งจิตใจ จิตสำนึก และความรู้ความสามารถอย่างเพรียบพร้อมทีเดียว
ก็ขอให้กรองให้ดีนะครับ คุณประยุทธ์
ส่วนบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ที่สาละวนกับการอ้างความชอบธรรมจากเกณฑ์สัดส่วน สส. ต่อโควตารัฐมนตรี ก็ขอให้คิดทบทวนให้ดีเพราะตำแหน่งในการบริหารประเทศชาติมิใช่เรื่องการตอบแทนบุญคุณกัน ไม่ใช่ว่ามีที่นั่งจำนวนหนึ่ง แล้วจะให้ใครมาเป็นรัฐมนตรีกันก็ได้ โดยไม่ต้องสนใจความเหมาะสม
พฤติกรรมการเมือง ค่านิยมการเมืองแบบเก่าๆ ต้องโยนทิ้งไปได้แล้วครับ เพราะในวันนี้ โลกแห่งการสื่อสารนั้นมาไกล ประชาชนเขารู้ เขาเห็น เขาค้นหาข้อมูลกันได้ลึก ได้จริง ดังนั้น จะแต่งตั้งใครเป็นรัฐมนตรีในครั้งนี้ ก็ขอให้สมกับที่ประกาศไว้ว่าเป็นยุคปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งควรจะต้องเกรงอกเกรงใจประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยกันอย่างจริงจังและจริงใจ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี