จับกระแสกันรัวๆ แล้ววิเคราะห์กันหนาหูว่า นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหลายหมายจับ อดีตนายกฯ ที่หลบลี้หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศทำท่าจะ “วางมือทางการเมือง” เสียแล้ว
โดยเริ่มต้น “จับสัญญาณ” จากที่ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2562 นายทักษิณ ทวีตข้อความ เกี่ยวกับการจัดงานวันเกิดปีที่ 70 ในวันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ระบุว่า
“วันเกิดครบ 70 ปีของผม หลายท่านแจ้งว่าจะมาร่วมงาน ผมต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้จัดงานในปีนี้ ผมคงทานข้าวกับลูกหลานในบ้าน ซึ่งสถานที่มีจำกัด และอากาศที่ดูไบร้อนเกือบ 50 องศา ไม่สามารถจัดนอกอาคารได้ ขอบคุณทุกท่านสำหรับความปรารถนาดี และยังนึกถึงกันเสมอครับ”
พร้อมกับท่าทีของ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.พลังงาน และแกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะลูกน้องมือขวาของทักษิณ ระดับมือจัดโผคณะรัฐมนตรีให้นาย ก็ได้ประกาศต่อหน้า สส.พรรคเพื่อไทย ที่ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 69 ปี ว่า ขอยุติบทบาททางการเมืองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากอายุเยอะแล้ว และได้ทำการเมืองมานานพอสมควร วันนี้จึงอยากหยุดเพื่อพักผ่อน
ขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” เลขาธิการพรรค “พ่อบ้านและแกนนำคนสำคัญ” ของพรรคเพื่อไทย ก็ประกาศวางมือแบบ “ปัจจุบันทันด่วน” ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า เป็นเลขาธิการพรรคมานาน ควรเปิดให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ทั้งที่ตัวภูมิธรรมเองนั้น นับเป็นมือหลักประสานงาน 7 พรรคร่วม ในการเดินเกมการเมืองฝ่ายค้านสู้กับฝ่ายรัฐบาล อยู่ๆ ก็ถอยหลบฉาก นัยว่าจะไปช่วยงานเบื้องหลังในฝ่ายกฎหมาย เคียงข้าง “ชูศักดิ์ ศิรินิล” ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคแทน
พูดกันอย่างหยาบๆ สองคนนี้ไม่ต่างจากอัณฑะซ้ายอัณฑะขวาของ “พี่แม้ว” มาก่อน เป็นเหมือน “กล่องดวงใจ” และเป็น “ตัวขับเคลื่อนงานสำคัญ” ให้ทักษิณมานาน อยู่ๆ ก็ประกาศ “อยู่ในความสงบ” กันทั้งพวง ก็ออกจะผิดปกติ อยู่ไม่น้อย
1) “จตุพร” วิเคราะห์ อายุ 70 ปี แก่แล้ว คงอยากพักเพื่อครอบครัวที่ยังเหลืออยู่
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศงดจัดงานวันเกิดครบ 70 ปี วันที่ 26 ก.ค.นี้จะเป็นการส่งสัญญาณวางมือทางการเมืองหรือไม่ว่า ที่ผ่านมาชื่อของนายทักษิณถูกหยิบยกมาใช้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายจากฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้าน ฝ่ายสนับสนุนเป็นปกติที่จะต้องใช้นายทักษิณ ฝ่ายต่อต้านก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีชื่อทักษิณการจัดการปัญหา การหล่อหลอมองค์กรก็อาจเป็นไปด้วยความยากลำบาก เช่น การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายใน ถ้าไม่มีชื่อทักษิณขึ้นมาให้เห็น บางครั้งความแตกแยกของฝ่ายต่อต้านก็ดำรงอยู่ แต่พอมีชื่อทักษิณขึ้นมาก็แก้ปัญหาได้ นั่นคือปัญหาในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ปัจจุบันก็เป็นอย่างนี้แม้จะมีชื่อธนาธรอาจจะมาแบ่งบ้าง แต่ชื่อทักษิณยังถูกหยิบยกมาใช้ ทั้งที่ทางนิตินัยจริงๆ ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ชื่อของทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถเข้ามาอยู่ในวงการการเมืองไทยได้อีกเลย เหลือแต่ทางพฤตินัยอย่างเดียว แต่ก็ถูกหยิบยกมาใช้ทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ฝ่ายต่อต้านหมายถึงช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซีกตรงข้ามพรรคไทยรักไทยเดิม โดยเฉพาะปีกทางการเมืองก็ใช้ชื่อทักษิณมาใช้ในการต่อสู้ ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันว่าคนในประเทศจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งที่จริงก็เป็นกันทั้งสองฝ่าย
ส่วนประเด็นที่ว่านายทักษิณจะวางมือทางการเมืองเลยหรือไม่นั้น นายจตุพรกล่าวว่า คนอายุ 70 ปี ซึ่งก็ผ่านอะไรกันมามากมาย จะต้องคิดมากกว่าปกติ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องของตัวตนเพียงแค่คนเดียว แต่เป็นเรื่องของครอบครัว เป็นเรื่ององคาพยพ เป็นเรื่องอะไรหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้น ในทางการเมือง การนิ่ง การหยุดเป็นการรุกมากกว่าการเคลื่อนไหวในบางเรื่องบางเวลา ดังนั้น เชื่อว่าในสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ยิ่งเดินรุกยิ่งจะเป็นการไปสร้างความแข็งแรงให้อีกฝ่ายโดยปริยาย แต่ในที่สุดก็ไม่มีทราบว่านายทักษิณจะตัดสินใจอย่างไร แต่เชื่อว่าคนอายุ 70 ปีจะต้องคิดมากกว่าปกติอยู่แล้วว่าจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป มันเป็นธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ที่ต้องคิดถึงครอบครัว คนที่ยังมีเวลาเหลือมากกว่าตัวเองก็คือคนในครอบครัวที่เขายังต้องใช้ชีวิตต่อไป เป็นปกติของปุถุชนที่ต้องคิดแบบนี้
“คนในวัย 70 ปี ย่อมที่จะคิดมาก เพราะในทางธรรมชาติเวลาของตัวเองก็ถอยลง เวลาของลูกหลานของครอบครัวมีมากขึ้น ดังนั้น มันต้องคิดรายละเอียดมากมายว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ทำอะไร ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ผมว่าทุกอย่างเป็นคำตอบ” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ความจริงคำว่าหยุดหรือไม่หยุดของนายทักษิณ บางครั้งบุคคลภายนอกมองง่ายๆ ว่ายังคงต้องเป็นมารผจญกันอยู่ ทั้งผู้สนับสนุนผู้ต่อต้านก็ยังจะได้ประโยชน์จากชื่อทักษิณ ชินวัตร
“ในความเห็นผมคือ การตกผลึกทางการเมืองของอดีตนายกฯทักษิณ จะอยู่ในมุมใด ซึ่งเป็นได้ทั้ง 2 ทาง จะเลือกทางสงบ หรือว่าจะเลือกหนทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้า แต่ว่าวัย 70 ผมว่าในทางการเมืองก็น่าจะเพียงพอเหมือนกัน”
ส่วนการที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนใกล้ชิดนายทักษิณ ประกาศยุติบทบาททางการเมืองอย่างถาวรนั้น นายจตุพรกล่าวว่า เข้าใจในบริบทของนายพงษ์ศักดิ์ว่าเดินมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว อายุ 69 ปีแล้ว เห็นว่าตนเองควรหยุดตรงนี้ในทางการเมือง เป็นการตัดสินใจเมื่อถึงเวลาของตัวเอง เขาก็มีครอบครัวที่ต้องเดินไปข้างหน้า เมื่อเขาเห็นว่าพอแล้วก็เข้าใจได้ การเดินมายาวนานก็ควรจะมีจุดสิ้นสุด ส่วนจะสะท้อนถึงทักษิณหรือไม่ อยู่ที่มุมมอง คนที่มีจิตใจมุ่งมั่นอย่างนายพงษ์ศักดิ์เขามีเวลาคิดอ่าน มองการเปลี่ยนแปลงของโลกมามากมาย ส่วนจะตอบคำถามไปถึงทักษิณหรือไม่ตนยังไม่ได้มอง แต่การเดินมาถึงจุดอิ่มตัวเป็นเรื่องของตัวเขาเองในการเดินเส้นทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม นายจตุพรกล่าวว่า หากนายทักษิณวางมือทางการเมืองจริงๆ พรรคเพื่อไทยก็ต้องยอมรับความจริง ต้องยืนด้วยตัวเอง ต้องรับผิดชอบกับประชาชนโดยตรง เพื่อไทยต้องยืนด้วยตัวเอง คิดเอง ทำเอง เพราะในทางกฎหมายบังคับเอาไว้เรื่องการให้คนนอกครอบงำ ส่วนคนที่เห็นต่างที่หยิบชื่อนายทักษิณมาเป็นประเด็น ก็ควรยุติ คิดเรื่องการแก้ไขปัญหาประเทศชาติต่อไป เพราะในความจริง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
นายทักษิณไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่ชื่อก็ถูกหยิบมาเป็นประเด็นความขัดแย้ง เราต้องยอมรับความจริง คนที่มีความคิดเห็นต่างๆ ควรอยู่ในโลกความจริง
2) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะวางมือทางการเมือง ว่า “ก็ต้องไปถามนายทักษิณ ถามตน ตนคงไม่รู้”
เมื่อถามว่า ถ้านายทักษิณวางมือทางการเมืองจริง จะส่งผลดีต่อทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมานายทักษิณถูกนำชื่อมาใช้ทางการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ท่านอยู่ต่างประเทศ ความจริงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรอยู่แล้ว และก็ไม่ทราบว่านายทักษิณจะมีตัวแทนที่จะมาเดินเกมทางการเมืองต่อหรือไม่”
เมื่อถามว่า กระเเสข่าวที่นายทักษิณประกาศวางมือ จะส่งผลกระทบอะไรต่อการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ทราบ” เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณต้องการซุ่มเงียบเพื่อหวังที่จะเดินเป็นเกมทางการเมืองต่ออย่างลับๆ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ตนไม่ทราบ สื่อคิดอย่างไรก็เขียนไปอย่างนั้นแหละ”
เมื่อถามอีกว่า คิดว่านายทักษิณจะวางมือทางเกมการเมืองจริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้น ไม่เคยคิดว่านายทักษิณจะวางมือ หรือไม่วางมือ เพราะไม่เกี่ยวกับผม”
เมื่อถามอีกว่า พล.อ.ประวิตร จะวางมือด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ทราบ”
3) ประชาชาติออนไลน์ รายงานว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดนายใหญ่ทักษิณ บอกความเคลื่อนไหวทักษิณว่า ท่านทักษิณเห็นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถึงอย่างไรก็ต้องแตกพรรคออกไปแบบพรรคไทยรักษาชาติ จะมีแค่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียวคงเป็นไปไม่ได้ และพรรคเพื่อไทยเวลานี้ “รีโนเวต” ยาก มีปัญหาเยอะ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตั้งพรรคใหม่ เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา
4) ขณะที่อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักษาชาติ กระทั่งเกิดปรากฏการณ์ 8 ก.พ.เชื่อว่า นายใหญ่ยังจำเป็นต้องใช้พรรคการเมืองในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะมีปัจจัยเรื่องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ยังต้องขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในคดีกรุงไทย เป็นเหตุผลสำคัญ เพราะขนาดเคลื่อนไหวยังโดนขนาดนี้ ถ้าอยู่นิ่งๆ คงจะถูกกระทำฝ่ายเดียว
ตราบใดที่ พรรคการเมืองยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญ “ทักษิณ” ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวการเมือง ขณะที่อดีตไทยรักษาชาติ บางส่วนที่ยังไม่กลับเข้าเพื่อไทย ยังคง wait and see ดูท่าทีนายใหญ่อย่างใจจดใจจ่อ “ทักษิณ” ยังคงไม่ยุติบทบาทการเมือง เพียงแต่ปล่อยพรรคเพื่อไทยไปตามยถากรรม
5) เพจ “เสธ.เพล” สำรวจการประกาศวางมือของทักษิณในอดีต พร้อมแสดงความคิดเห็นว่า “...เรื่องนี้ในความเห็น เสธ. คิดว่า จะประกาศวางมือ หรือไม่ประกาศวางมือ ก็มีค่าเท่ากัน เพราะเท่าที่ผ่านมา นช. ทักษิณ พูดทำนองว่าจะวางมือทางการเมือง รวมถึงจะให้คนในตระกูลเลิกเล่นการเมืองเข้ามานี่ก็ 7 ครั้งเข้าไปแล้ว แล้วทำจริงสักครั้งหรือเปล่า? ก็ไม่
“แต่จะว่าไป จะหวังเรื่องการรักษาคำพูดอะไรจากทักษิณ? ขนาดตอนปลุกม็อบ บอกว่าเสียงปืนแตกจะกลับมาร่วมตายกับคนเสื้อแดง สุดท้ายก็เป็นประโยคที่หลอกคนเสื้อแดงโง่ๆ ไปตายแทน ส่วนตัวเองกับครอบครัวสบายใจ สุขภาพดีแข็งแรง มีเงินทองมากมายขึ้นทุกวัน
“งาช้างไม่งอกจากปากหมาเช่นใด การรักษาคำพูดก็ไม่หลุดจากปากทักษิณฉันนั้นแหละครับ” เพจเสธ.เพลสรุป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี