ในสัปดาห์นี้มีเหตุการณ์ที่น่าสลดใจและน่าสมเพชเวทนาในบ้านเมืองของเราอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่ภาพการประชุมวุฒิสภา ซึ่งปรากฏภาพโหรงเหรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นในการประชุมฝ่ายนิติบัญญัติ
ดูด้วยตาเปล่าก็เห็นชัดว่ามีผู้เข้าประชุมไม่ถึง 50 คน เก้าอี้ที่ประชุมเกือบทั้งหมดว่างเปล่า ผู้ที่เข้าประชุมบางคนก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งไม่แน่ว่าจะดูรูปโป๊หรือว่าแทงบอล บางคนก็นั่งสนทนากันอย่างออกรสชาติ บางคนก็นั่งอ่านหนังสือ บางคนก็สัปหงกอยู่
สภาพเท่าที่เห็นนั้นทำให้เกิดความรู้สึกและความเข้าใจได้ว่า เห็นทีการประชุมตามที่ปรากฏในภาพนั้นเป็นการประชุมที่ไม่ครบองค์ประชุมเสียเป็นแน่แท้
เพราะว่าวุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 250 คน องค์ประชุมจะต้องเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาจึงจะครบเป็นองค์ประชุมตามกฎหมายและข้อบังคับการประชุม
ดังนั้นถ้ามีผู้เข้าร่วมประชุมอยู่เพียงระดับ 50 คน หรือไม่ถึงครึ่งหนึ่งคือ 125 คนขึ้นไป ก็ต้องถือว่าการประชุมนั้นไม่ครบเป็นองค์ประชุม และจะปรึกษาหารือลงมติใดๆ ไม่ได้
สภาพการณ์เช่นนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ทำหน้าที่ประธานและสมาชิกวุฒิสภาที่เข้าร่วมประชุม ที่จะต้องรีบหยุดการประชุมไม่ให้ดำเนินไปโดยผิดกฎหมายและข้อบังคับ ซึ่งประธานที่ประชุมอาจสั่งให้นับองค์ประชุมก็ได้ หรือสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมจะขอให้นับองค์ประชุมก็ได้
ถ้าหากปล่อยให้มีการประชุมไปโดยที่เห็นอยู่กับตาว่าอาจจะไม่ครบองค์ประชุม การประชุมนั้นย่อมเป็นโมฆะและเป็นการผิดกฎหมายและข้อบังคับด้วย
และถ้าหากมีผู้กล่าวอ้างขึ้นมาว่ามีการกระทำผิดกฎหมายและข้อบังคับเช่นนั้นก็จะต้องมีความรับผิดชอบในทางการเมือง หรือถ้าเป็นการมีมติเกี่ยวกับกฎหมายหรือมติใดๆ มตินั้นก็ผิดกฎหมายและไม่มีผลเป็นกฎหมายด้วย
เรื่องแบบนี้เคยมีตัวอย่างมาแล้วในยุค รสช. ที่มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งถือว่าเป็นสมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่เป็นสภาผู้แทนและวุฒิสภา รวมทั้งรัฐสภาด้วย ซึ่งในการประชุมก็จะต้องครบองค์ประชุมตามกฎหมายและข้อบังคับที่สืบทอดและต่อเนื่องมาเหมือนกัน
ในหลายครั้งของการประชุมมีผู้ทักท้วงว่าที่ประชุมไม่ครบองค์ประชุม จะทำกิจการใดๆ ไม่ได้ แต่กลับถูกพวกนักอภินิหารทางกฎหมายหรือนักกฎหมายศรีธนญชัย
แถว่าสามารถดำเนินการประชุมต่อไปได้ เพราะไม่ปรากฏว่าไม่ครบเป็นองค์ประชุมเนื่องจากไม่มีใครขอนับองค์ประชุม
หมายความว่าผู้ทำหน้าที่ประธานการประชุมก็ทำตัวเป็นคนตาบอด เห็นอยู่กับตาว่ามีผู้เข้าประชุมไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็อ้างว่าไม่รู้ว่าไม่ครบองค์ประชุม เพราะเหตุที่ไม่ได้นับองค์ประชุม
ส่วนผู้ที่เข้าประชุมก็ทำเป็นตาบอดและสมรู้ทำการประชุมกันโดยที่รู้ดีว่าไม่ครบเป็นองค์ประชุม
การแถในเรื่ององค์ประชุมในครั้งกระนั้นส่งผลให้กฎหมายผ่านการลงมติไปหลายฉบับ แต่เจ้าเวรเจ้ากรรมในการบันทึกผลการลงคะแนนนั้นได้ระบุว่ามีผู้ลงมติเห็นด้วยกี่คน มีผู้ลงมติไม่เห็นด้วยกี่คน และมีผู้ไม่ออกเสียงกี่คน ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็สามารถนับเป็นจำนวนผู้เข้าประชุมได้
ในที่สุดกฎหมายหลายฉบับที่ผ่านการลงมติโดยการประชุมที่ไม่ครบองค์ประชุมแบบนี้ก็ถูกกล่าวอ้างขึ้นในศาลในหลายกรณีว่ากฎหมายนั้นใช้บังคับไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมายที่พิจารณาโดยไม่ครบองค์ประชุม
และในที่สุดเรื่องได้ถูกส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งมีการไต่สวนพยานหลักฐานจากการลงมติต่างๆ ซึ่งสามารถนับเป็นองค์ประชุมได้ ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าการประชุมไม่ครบองค์ประชุมตามที่กฎหมายและข้อบังคับกำหนด การประชุมนั้นจึงเป็นโมฆะและไม่มีผลเป็นการลงมติ
เป็นผลให้มีการเพิกถอนกฎหมายที่ผ่านการลงมติโดยไม่ครบองค์ประชุมในลักษณะนี้หลายฉบับ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง
ที่สำคัญคือเป็นแบบอย่างของความอัปยศของกระบวนการนิติบัญญัติของประเทศที่อยู่ภายใต้การครอบงำของอภินิหารทางกฎหมายจนทำให้บ้านเมืองไร้ขื่อแป กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหตุให้มีการบิดเบือนการใช้อำนาจอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้มีการเพิกเฉยไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร
เป็นเหตุให้มีการตราไว้ในบทพระราชปรารภในรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นข้อเตือนใจให้คนทั้งปวงได้ร่วมจิตร่วมใจแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ ซึ่งได้ระบุว่า
มีต้นเหตุที่มาสี่ประการคือ การทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร
แต่ก็หามีใครนำพาไม่ ปากตะโกนร้องปาวๆ ว่ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ร้องปาวๆ ว่าต้องการบ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น และร้องปาวๆ ให้คนทั้งหลายเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย
ทว่าที่ทำกันหาได้เหมือนที่ร้องตะโกนปาวๆ ไม่ ดังนั้นผู้คนทั้งแผ่นดินจึงเย้ยหยันคนแบบนี้ และยิ่งมีกรณีปรากฏภาพและข่าวการประชุมดังกล่าวแล้ว ก็ยิ่งเกิดความสมเพชเวทนากันทั้งบ้านทั้งเมือง
ที่สำคัญคือบทเรียนที่มติและกฎหมายที่ผ่านการประชุมโดยไม่ครบองค์ประชุมนั้นได้ถูกเพิกถอนจนเกิดความเสียหายมากมายสุดคณานับมาแล้ว ยังจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกต่อไปหรือ และอย่าลืมว่าการสมรู้กันประชุมโดยผิดกฎหมายและข้อบังคับนั้นก็มีความรับผิดชอบทั้งทางการเมือง ทางจรรยาบรรณ ทางจริยธรรม และทางกฎหมายอยู่ด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี