ผ่านไปแล้ว สำหรับงานบุญใหญ่วัดพระธรรมกาย พิธีสถาปนาอุโบสถ ประดิษฐานลูกนิมิตและผูกสีมา ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ดังที่โฆษณาเชิญชวนพุทธศาสนิกชนไว้ก่อนหน้านี้ถึงการจะได้บุญใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอพิธีกรรมแปลกไม่เหมือนใคร
ไม่ได้มีแค่ “ลูกนิมิต” เหมือนวัดอื่นๆ ทั่วไป
แต่ที่วัดพระธรรมกายงานนี้ มีทั้งพ่อนิมิต-ลูกนิมิต-หลานนิมิต-เหลนนิมิต
จำนวนทั้งหมด รวม 108 ลูก (ยังไม่นับรวมหลานนิมิต-เหลนนิมิต-จุลนิมิต ซึ่งมีขนาดจิ๋ว)
พร้อมรับการทำบุญ การบริจาคเงินกันตามสะดวก
1. โดยทั่วไป การจะเป็นเจ้าภาพตัดลูกนิมิตตามวัดทั่วๆ ไป จะต้องร่วมบุญในอัตราที่ทางวัดกำหนด
แตกต่างกันไปตามชื่อเสียงของแต่ละวัด
ปกติ ก็จะมีอยู่ 9 ลูก
แต่ที่วัดพระธรรมกายจัดให้มีลูกนิมิตและพ่อนิมิตถึง 108 ลูก พร้อมสำหรับการรับเงินบริจาคเต็มที่
ส่วนเรตของวัดพระธรรมกายนั้น ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ คาดว่า ไม่น่าจะต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ส่วนผู้ที่กำลังทรัพย์ไม่ถึงระดับพ่อนิมิตหรือลูกนิมิต ทางวัดก็จัดให้มีหลานนิมิต น่าจะอยู่ราวๆ 1 แสนบาท หรือเหลนนิมิต น่าจะอยู่ราวๆ 1 หมื่นบาท รวมไปถึงจุลนิมิตอีกจำนวนมาก ซึ่งแจ้งในเฟซบุ๊คให้ผู้สนใจติดต่อกับเจ้าหน้าที่เอง (จริงๆ ในการขายของออนไลน์ปัจจุบัน กำหนดให้แจ้งราคาอย่างเปิดเผย มิให้ใช้วิธีแจ้งราคาผ่านอินบ็อกซ์)
แฟนเพจของพระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ถึงกับโพสต์ข้อความเชิญร่วมพิธีไว้เมื่อ 21 มิถุนายน 2562 ว่า เทวดาประจำทิศต่างๆ งานประดิษฐานลูกนิมิตและผูกสีมา โบสถ์พระไตรปิฎก เทวดาสำคัญนะ ชายแมนๆ ตั้ง 3,000 กว่าล้านคน ที่จะคัดเป็นเทวดาได้ ไม่กี่คน คัดจากทั้งโลกเลย เหลือแค่ 24 คน คัดจากบนสวรรค์ แล้วเอาลงมาเกิดในเมืองมนุษย์ แล้วคัดมาเป็นเทวดา ประจำทิศต่างๆ ไม่ธรรมดาหรอกแบบนี้ จึงเรียกว่า “เทวดา” เทวดาคัดเลือกมาเหลือแค่นี้ ตามกำลังบุญ กำลังบารมี
2. ในหนังสือ ฝังลูกนิมิต-ผูกสีมา ปุจฉา – วิสัชนา โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ได้ให้ปัญญาธรรมเกี่ยวกับพิธีฝังลูกนิมิตไว้น่าสนใจ
มีการอธิบายคำว่าลูกนิมิตไว้ว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตวัตถุ 8 ชนิดให้ใช้เป็นเครื่องหมายกำหนดเขตที่เรียกว่า สีมา สีมาก็คือเขต วัตถุ 8 ชนิดอย่างใด
อย่างหนึ่งที่ใช้เป็นเครื่องหมายเขตได้ คือ ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ และน้ำ ถ้าใช้วัตถุที่ไม่มั่นคงทนทาน พัทธสีมาที่ผูกคือกำหนดกันไว้
ก็ไม่มั่นคงยั่งยืน มาถึงปัจจุบันจึงนิยมกันลงตัว เอาศิลาขนาดที่เป็นหลักเป็นฐาน จึงเรียกว่า “นิมิต”
ต่อมา ลูกนิมิตก็กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เพราะงานผูกสีมา ต้องอาศัยนิมิต นิมิตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีนิมิตก็ผูกสีมาไม่ได้ นิมิตที่เป็นองค์ประกอบสำคัญก็เลยกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทีนี้อะไรที่เกี่ยวกับลูกนิมิต เช่น หวายสาแหรก ก็ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอีก ดึงกัน แย่งกันเลย มีดตัดสาแหรก มีดตัดหวายก็ศักดิ์สิทธิ์อีก อะไรๆ ไม่รู้ ศักดิ์สิทธิ์ไปหมด ใครๆ ก็อยากได้
ความจริงในแง่หนึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นอนุสรณ์สำคัญ ถ้าไม่มองในแง่ความศักดิ์สิทธิ์ ใครๆ ก็อยากได้ไปเป็นอนุสรณ์ แต่นี่ไม่ใช่แค่อนุสรณ์ธรรมดา อนุสรณ์มีความศักดิ์สิทธิ์ในความหมายทางจิตใจที่ลึกซึ้งเข้าไปอีก พอนิมิตศักดิ์สิทธิ์ ทีนี้ปิดทองก็ตามมาอีก ชาวบ้านเขาอยากร่วมอุปถัมภ์อยู่แล้ว การปิดทองก็ชอบอยู่แล้ว เมื่อทำกันนานๆ ไป เรื่องก็อาจจะชักบานปลาย
ทีนี้ถ้าพระถือโอกาสหาเงินก็ไปกันใหญ่ จนเมืองไทยปัจจุบันนี้ชักจะกลายเป็นว่า เวลาจัดงานฝังลูกนิมิตผูกสีมา ก็พากันเน้นที่การหาเงินไปหมด คิดว่าทำอย่างไรจึงจะหาเงินได้มากๆ ก็ต้องจัดงานให้ใหญ่ที่สุด แล้วก็มีหลายๆ วัน มีดนตรี มีมหรสพต่างๆ และโฆษณากันใหญ่ ทำป้ายติดไปตามสี่แยก หรือข้างถนนใหญ่ บางทีทั่วประเทศ บางทีติดกันเป็นปีๆ แล้วก็ชอบมาจัดงานเอาตอนตรุษจีน อันนี้เป็นเรื่องประเพณีขยายมา คือประเพณีทำบุญนั่นเอง
การที่ชาวบ้านอยากได้บุญ เลยกลายเป็นจุดที่มาบรรจบกับพระในเรื่องที่ว่า ถ้าไม่ระวังแล้วจะเป็นจุดเสื่อม ก็คือกลายเป็นเรื่องหาเงินทองไป ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นไปมาก จึงเป็นจุดที่เราคงจะต้องระวังว่า จะทำอย่างไรให้ได้สาระ ไม่ใช่มาติดแค่ว่าจะหาเงิน
อย่างปิดทองลูกนิมิตนี่ จะเอาไหม ในเมื่อมันไม่ใช่ตัววินัย หรือพุทธบัญญัติ ซึ่งมีแค่ว่ามีลูกนิมิตที่ทางพระใช้กำหนดเอา ก็จบเรื่อง แต่จะปิดทองไหม นี่เป็นประเพณี ถ้าเราตกลงให้มีการปิดทองก็เป็นการอนุรักษ์ประเพณี แต่จะปิดทองเพื่อหาเงิน หรือจะเพียงให้ชาวบ้านได้บุญ แค่นั้นพอไหม สมมุติว่าเราไม่มุ่งหาเงิน แต่แค่ชาวบ้านบอกว่าได้บุญจากปิดทอง พอไหม?
3. หลังวันพิธีสถาปนาอุโบสถ ประดิษฐานลูกนิมิตและผูกสีมา จนถึงปัจจุบัน วัดพระธรรมกายยังโฆษณาเชิญชวนให้ชาวบ้านมาร่วมปิดแผ่นทอง “ดวงแก้วแห่งความสมปรารถนา” แถมบรรยายสรรพคุณเลิศลอย
4.น่าคิดว่า วัดพระธรรมกายและมูลนิธิในเครือ มีปมปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินอยู่ก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ และถูกกำกับดูแลการจัดกิจกรรมต่างๆ ของวัด
ปรากฏว่า ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษา ในคดีเกี่ยวกับเงินที่นายศุภชัย (อดีตผู้บริหารสหกรณ์คลองจั่น-อดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย) โกงสหกรณ์ แล้วผ่องถ่ายเงินออกมา ประกอบด้วย
เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 25,597,194.91 บาท เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,257,934.88 บาท ชื่อบัญชีวัดพระธรรมกาย
เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต จำนวน 1,651,227.42 บาท เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำนวน 17,263,081.04 บาท ชื่อบัญชีมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์
ศาลแพ่งชี้ว่า นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ จำนวน 27 ฉบับ เป็นเงินรวม 1,458,560,000 บาท เป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน มีลักษณะเป็นปกติธุระ เชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยักยอกเกิดขึ้นอันเป็นความผิดมูลฐาน และเมื่อมีความผิดมูลฐานเกิดขึ้น พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐานตกเป็นของแผ่นดิน
วัดและมูลนิธิฯ กระทำการอันมีลักษณะเป็นการหลีกเลี่ยงการรายงานการทำธุรกรรมเป็นระยะเวลาหลายปีหลายครั้ง ส่อแสดงให้เห็นว่ากระทำเพื่อปกปิดลักษณะที่แท้จริงของแหล่งที่มาของเงิน เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเกิดขึ้น พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้แต่งตั้งนายศุภชัยเป็นไวยาวัจกรของวัด เชื่อได้ว่าวัดพระธรรมกายเกี่ยวข้องกับนายศุภชัย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายศุภชัย โดยผ่านทางพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย) พฤติการณ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลอุปถัมภ์ค้ำจุนกันเช่นว่านั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างกันที่มีมากกว่าเพียงการศรัทธาของบุคคลทั่วไป
ในคดีนั้น ศาลแพ่งพิพากษาให้คืนเงินในบัญชีเงินฝาก ทั้ง 4 บัญชีข้างต้น จำนวน 58 ล้านบาท แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ขณะที่ยังมีคดีอื่นๆ อีกหลายคดี ที่กำลังสอบสวนเกี่ยวกับมูลนิธิบางแห่งที่คอยจัดการเงินของธรรมกาย
เข้าไปพัวพันกับเรื่องฟอกเงิน
คดีฟอกเงิน ที่พัวพันถึงนายทุนใหญ่ของธรรมกาย
คดีเอาเงินวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น ฯลฯ
จึงน่าสนใจว่า ปัจจุบัน วัดพระธรรมกายได้จัดการเงิน จัดให้มีการบริหารจัดการที่ชัดเจน โปร่งใส มีธรรมาภิบาล ตรวจสอบได้ มากน้อยแค่ไหน อย่างไร?
สมควรจะได้เปิดเผยสู่สาธารณะว่าเงินทั้งหลายจัดการอย่างไร? จัดสรรไปไหน? และผ่านวัด หรือผ่านมูลนิธิใด? เพื่อป้องกันมิให้ซ้ำรอยเดิมๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี