อยู่ๆ ก็นึกถึง คำถามต่างๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี สมัยที่เป็น “หัวหน้า คสช.” ด้วย ตั้งคำถามหลายข้อให้ประชาชนไปตอบ
26 พ.ค. 2560 ท่านถามในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า รัฐบาลและคสช. ยืนยันว่า การเป็นประชาธิปไตยของไทย จะต้องไม่เป็ประชาธิปไตยที่ล้มเหลว จะต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีรัฐบาลซึ่งยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล นำพาให้ชาติ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ภายใต้ศาสตร์พระราชาให้ได้ โดยตนอยากฝากประเด็นคำถามไว้ 4 ข้อ เพื่อรับทราบความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน และนำมาพิจารณาแนวทางการทำงานต่อไป คือ
1.ท่านคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่
2.หากไม่ได้ จะทำอย่างไร
3.การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยแต่การเลือกตั้งอย่างเดียวที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศ และเรื่องอื่นๆ เช่น ประเทศชาติจะมียุทธศาสตร์และการปฏิรูปหรือไม่นั้น ถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง
และ 4.ท่านคิดว่า กลุ่มนักการเมือง ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี ควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่ หากเข้ามาได้อีก เกิดปัญหาอีก แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร
ต่อมา 8 พ.ย. 2560 หลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนถึงคำถามที่ขอสอบถามประชาชน รวม 6 ข้อ ดังนี้
1.วันนี้เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่? การที่มีแต่พรรคการเมืองเดิม นักการเมืองหน้าเดิมๆ แล้วได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่?
2.การที่ คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด ก็ถือเป็นสิทธิ์ของ คสช. ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯ ก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว
3.สิ่งที่ คสช. และรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่
4.การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต มาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่? เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนหน้าที่ คสช. และรัฐบาลนี้จะเข้ามา เราได้พบเห็นแต่ความขัดแย้ง ความรุนแรง การแบ่งแยกประเทศเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่ ?
5.รัฐบาลและการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาของไทย ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล และมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่อง ชัดเจนเพียงพอหรือไม่?
6.ข้อสังเกตเพื่อพิจารณา เหตุใดพรรคการเมือง นักการเมืองจึงออกมาเคลื่อนไหว คอยด่า คสช., รัฐบาล, นายกรัฐมนตรี บิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานในช่วงนี้อย่างมากผิดปกติ ฝากถามพี่น้องประชาชนว่าเป็นเพราะอะไร
จากวันนั้นถึงวันนี้ คนที่ถามคำถามนี้ ได้พยุง “ความมีธรรมาภิบาล” ให้แก่รัฐบาลใหม่มากน้อยเพียงใด ได้ทำอย่างไรกับ “นักการเมืองหน้าเดิมๆ” และ “กลุ่มนักการเมือง ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในทุกกรณี”
ดูได้จากการแถลงนโยบายเร็วๆ นี้ ที่ฝ่ายค้านเตรียม “ถล่ม” และ “ถลก” คุณสมบัติของรัฐมนตรีหลายคน โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สายล่อฟ้าตัวจริง ที่จู่ๆ ก็ได้เป็น รมช.เกษตรฯ อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และอาจรวมถึง “นายกรัฐมนตรี” กับคำว่า “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ด้วย ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยากถามคำถามเดิมๆ เหล่านั้นให้ประชาชนได้ตอบอีกสักครั้งหรือไม่
ยังไม่รวมเหตุการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ไปสัมมนาในรีสอร์ทที่กำลังถูกตรวจสอบว่า “ถูกกฎหมาย” หรือไม่อยู่ด้วย
โดยเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม สส.นครราชสีมา พรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรค พปชร.ได้จัดงานสัมมนาที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ข้อพิพาทบุกรุกพื้นที่ป่า ว่า ในฐานะคนจัดหาสถานที่ ทราบปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว และเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นที่จะพา สส.ไปประชุมที่นี่
ก่อนหน้านี้ได้แจ้งหัวหน้าและผู้บริหารพรรครับทราบแล้วว่า ต้องการทำให้เกิดกระแสเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประชาชนกว่า 2.4 ล้านคน ที่ประสบปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินระหว่างรัฐกับราษฎร ซึ่ง อ.วังน้ำเขียว เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ประสบปัญหานี้ โดยเมื่อปี 2555 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินคดีจับกุม ตรวจยึด ทุบทำลาย ทรัพย์สินสิ่งปลูกสร้างของราษฎรทั้งที่มีอยู่เดิมและเข้ามาอยู่ใหม่ โดยอ้างว่าบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ทั้งที่ชาวบ้านได้อยู่อาศัยมาก่อนที่จะมีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งไปถึงชั้นอัยการก็ไม่มีการสั่งฟ้อง จนกระทั่งปี 2560 มีการจับกุมซ้ำ ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุด จะไปกล่าวหาว่าเขาเป็นคนผิดไม่ได้ เพราะคนที่จะบอกว่าผิดคือศาล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ
“ตอนนี้เขายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ส่วนเรื่องของรีสอร์ทสร้างตั้งแต่ปีไหน ไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมาถาม ถ้าบอกว่าเขาผิด แปลว่าโรงพยาบาลอำเภอวังน้ำเขียวก็ผิด ตลาดก็ผิด ธนาคารและร้านค้าก็ผิดกันหมด” นายสมศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมตั้งกระทู้ถามสดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า ตนพร้อมตอบคำถามทุกประเด็น วันนี้ยินดีที่จะถูกด่าว่าเป็นคนส่งเสริมให้มีการบุกรุกป่าตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เพราะต้องการทำให้สังคมเห็นว่าอะไรถูกหรือผิด ความจริงไม่อยากให้ฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามสด แต่อยากให้นำเสนอญัตติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินที่มีข้อพิพาทด้วยซ้ำ
ส่วนที่ นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ถามถึงจริยธรรม ตนก็ยินดีตอบทุกคำถามเช่นกัน และไม่เข้าใจว่า จริยธรรมของนักการเมืองที่นายดำรงค์พูดถึงมีความหมายว่าอย่างไร เพราะเห็นว่าจริยธรรมนักการเมืองต้องดูแลความเดือดร้อนของประชาชน แน่นอนว่าตอนนี้เราสู้ในแง่ข้อกฎหมายไม่ได้ แต่เราเห็นความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ขอร้องอย่าบ้าอำนาจกันนักเลย ทำแล้วจะได้อะไรเลยขึ้นมา เพราะการทุบสิ่งปลูกสร้างมันทำให้ประชาชนตกใจ วันนี้ควรจะชวนทุกคนมาทำรายการท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวจะดีกว่า
ผมเห็นด้วยกับประเด็นที่ต้องทำให้ “พื้นที่ทับซ้อน” แบบวังน้ำเขียวชัดเจนขึ้นมาเสียที พิสูจน์ให้มันเป็นวาระแห่งชาติไปเลย 3 เดือน 6 เดือน ต้องทำให้จบ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกษตรกรบ้าง ชาวเขาบ้าง กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ บ้าง ถูก “เสือกไส” และ “จับกุม บางแห่งถึงกับถูก “เผาไล่ที่” เหมือนกรณีกะเหรี่ยงบางกลอย แก่งกระจาน ที่กลายเป็นปัญหาหนึ่งของการเสนอขึ้นทะเบียนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นมรดกโลก อย่าเห็นใจเฉพาะ “นายทุนรีสอร์ท” ที่มาทีหลัง มากว้านซื้อที่ ส.ป.ก. บ้าง ที่เกษตรกรบ้าง เอามาดัดแปลงทำธุรกิจ โดยเฉพาะบางเครือข่ายธุรกิจ อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับการ “ซื้อโต๊ะจีน” บริจาคเงินให้พรรคการเมืองบางพรรคด้วย
และการ “แถ” แบบนี้ ก็น่าสงสารสีข้างยิ่งนัก จะแก้ปัญหานี้ก็แก้เลย ไม่ต้องเอาเงินมาอุดหนุนเขาก็ได้ ไปสัมมนาที่อื่น ที่คนที่ “สุจริตล้านเปอร์เซ็นต์” จะได้ประโยชน์จากค่าห้องพักและอื่นๆ โดยไม่ต้องถูกตั้งคำถามและต้องมาแถในลักษณะนี้ คิดดูเถอะ ถ้าไม่มีการถามเรื่องไปสนับสนุนรีสอร์ทที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบนี้ จะมีประเด็นนี้ออกมาไหม
พล.อ.ประยุทธ์ สวมหัวโขน “คนดี” นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มี “คนพวกนี้” แบกหามอยู่ ไม่รู้ต้อง “หล่อเลี้ยง-เลี้ยงดู” ด้วยอะไรบ้าง
ไม่แปลกใจเลย ที่ต้องใช้ “มือประสาน 10 ทิศ” ระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปจัดการ
“...ขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียว จากนี้ไปขออย่าให้แตกกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอีก นอกจากนี้ ขอบคุณที่ช่วยเหลือกันมา และขอบคุณที่มากันอย่างพร้อมเพรียง แสดงถึงความร่วมมือ ส่วนการที่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไม่ต้องกลัวถ้าทุกคนร่วมมือกันอยู่อย่างนี้ ตนเองจะพยายามทำให้รัฐบาลอยู่ให้ได้ถึง 4 ปี การที่มาวันนี้มาในฐานะผู้สนับสนุนที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปได้ เมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จจะพิจารณาเรื่องการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ขณะที่เรื่องการอภิปรายที่ขอให้ตนเองใจเย็น อย่านอตหลุดนั้น ก็จะนั่งยิ้มอย่างเดียว ไม่ตอบโต้ และจะไปเตือนนายกรัฐมนตรีให้ยิ้มด้วย ไปบอกว่าน้องๆ ฝากมาบอกว่าอย่านอตหลุด” พล.อ.ประวิตร กล่าวในงานปิดการสัมมนา สส.พรรคพลังประชารัฐที่วังน้ำเขียว
ทั้งนี้ เมื่อ พล.อ.ประวิตร พูดเสร็จสิ้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณในฐานะตัวแทน สส.ของพรรคพลังประชารัฐ
“...ก่อนหน้านี้พรรคอาจจะมีความเห็นที่หลากหลาย มีกลุ่มมีก๊วนจนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่วันนี้ ยืนยันว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เปรียบเสมือนก้อนกรวดที่ต่างคนต่างที่มา แต่เมื่อผ่านความร้อนวันนี้ก็เกิดการหลอมรวมเป็นแก้วเนื้อเดียวกัน ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐเมื่อเป็นแกนนำรัฐบาลแล้วจะรักษาขับเคลื่อนให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดจากผู้ที่ไม่สมหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี ต่อไปนี้ยืนยันว่าจะเดินหน้าและรักษารัฐบาลนี้ไว้ให้นานที่สุด ให้อยู่ได้นาน 4-12 ปี”
คำพูดที่ว่า “ปัญหาที่เกิดก่อนหน้านี้ เกิดจากผู้ที่ไม่สมหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี” นี่แหละ คือเค้าลางของ “ความฉิบหาย” ความไม่มั่นคง ที่ไม่รู้ว่า “ลุงป้อม” ต้องใช้ “วัตถุประสาน” อะไร ที่จะทำให้แก้วที่หลอมจาก “กรวด” แทนที่จะหลอมรวมจาก “ทรายชั้นดี” มาเป็น “เก้าอี้รองก้น” ให้พล.อ.ประยุทธ์
และมันจะรองได้นาน 4 ปี ตามที่ประกาศได้จริงๆ หรือ?!!?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี