หนังสือพิมพ์แนวหน้า อุดมการณ์มั่นคง ตรงไปตรงมา...nn สัปดาห์ที่ผ่านมา“ไม้หน้าสาม” รายงานถึงกรณีที่มีมือดีไปร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเรื่องสัดส่วนกำลังผลิตกระแสไฟฟ้า จนทำให้หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปั่นป่วนทั้งระบบ และมือดีผู้นี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่า “สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล” นั้น...
nn “สุทธิพร” เป็นใครมาจากไหน? “ไม้หน้าสาม” จะพาไปทำความรู้จักกันอีกรอบ และรอบนี้จะลงรายละเอียดให้ลึกกว่าเดิม รับรองว่า เมื่อได้รับรู้ข้อมูลแล้วจะอ้าปากค้างไปตามๆ กันแน่นอน...
nnย้อนหลังไปเมื่อปี 2558 ซึ่งในขณะนั้นได้เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาอย่างรุนแรงภายในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ว่าใครกันแน่ที่เป็นอธิการฯตัวจริง ระหว่าง ภราดาบัญชา แสงหิรัญ อธิการบดี และ “สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล” ซึ่งเวลานั้นเป็นคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และอ้างว่ามีอำนาจปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดี โดยชนวนปัญหามาจากกรณีจัดซื้อเครื่องฝึกบินจำลอง (Simulator) สำหรับสาขาวิศวกรรมการบิน คณะวิศวกรรมศาสตร์...
nnเหตุการณ์ในครั้งนั้น ได้เกิดมีปัญหากันอย่างรุนแรง คณาจารย์เกิดความแตกแยก แบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่าย แต่ที่เกือบจะต้องพลอยฟ้าพลอยฝนรับความซวยไปด้วยก็คือ นักศึกษา ซึ่งเกือบจะไม่ได้รับปริญญาบัตร เพราะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจอนุมัติปริญญาบัตร...
nn หนักข้อไปกว่านั้น ได้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายคณาจารย์ และที่น่าตกใจยังมีการนำกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าปิดล้อมมหาวิทยาลัย ร้อนไปถึง “พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ ในขณะนั้น ต้องเข้ามาหย่าศึก ประกาศใช้อำนาจพิเศษ ตั้งคณะกรรมการเข้ามาควบคุมมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องราวและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในที่สุด ก่อนที่จะได้ผลสรุปว่าฝ่ายบริหารเดิม ซึ่งก็คือฝ่ายของ“ภราดาบัญชา” บริสุทธิ์ กระทั่ง “สุทธิพร” ต้องยอมรามือ และถอยตัวเองออกจากมหาวิทยาลัยไปในที่สุดเนื่องจากหมดสัญญาจ้าง...
nn เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับม.เอแบค จบไปแล้วก็จริง แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยความบอบช้ำอันเกิดจากการกระทำของคนบางกลุ่ม “ไม้หน้าสาม” พลิกแฟ้มข้อมูลหาข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนั้นก็ยิ่งน่าตกใจ เพราะปี 2558 มีข่าวความรุนแรงจากกรณีนี้เกิดขึ้นกับเอแบคถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2558 มีรายงานข่าวว่า “รศ.ดร.ประทิต สันติประภพ”ผอ.ห้องวิจัยเทคโนโลยีเครือข่าย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.อัสสัมชัญเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สน.หัวหมาก ว่าถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งมูลเหตุมาจากการที่เข้าไปสังเกตการณ์ “พล.ร.ท.วิทวัส ณ นคร” หัวหน้าแผนกวิชาแมคคาทรอนิกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.อัสสัมชัญ ที่กำลังสั่งการให้แผนกบริหารและทรัพยากรบุคคลทำตามคำสั่งของตน โดย พล.ร.ท.วิทวัส อ้างว่า “สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล” คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในเวลานั้น ซึ่งเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นรักษาการอธิการบดี ม.อัสสัมชัญ มอบหมายให้ตนมาดูแลแผนกบริหารและทรัพยากรบุคคล แต่เจ้าหน้าที่เองก็ไม่แน่ใจว่าจะทำตามคำสั่งดีหรือไม่ เพราะคำสั่งแต่งตั้งรักษาการอธิการบดีนั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อ รศ.ดร.ประทิต ยกมือถือขึ้นจะบันทึกภาพ จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์ปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกาย...
nn เหตุการณ์ลอบทำร้ายคณาจารย์ในครั้งแรกผ่านไปไม่กี่เดือน ต่อมาในเดือนธันวาคม ได้เกิดเหตุการณ์โด่งดังไปทั่วประเทศเมื่อ “สุทธิพร” พร้อมกลุ่มชายฉกรรจ์ ได้พยายามเข้าปิดล้อมบริเวณประตูหน้าของ ม.อัสสัมชัญ...
nn“ไม้หน้าสาม” นำรายละเอียดของข่าวอันอื้อฉาวมาให้อ่านและพิจารณากันชัดๆ...
nnเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 ธันวาคม ที่บริเวณหน้าประตูมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก (เอแบค) ซอยรามคำแหง 24 กทม. หลังจากเกิดกรณีความขัดแย้งของคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย จนเกิดความแตกแยกเป็นสองฝ่ายได้มี นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ พร้อมทนายความ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 20 นาย นำคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลแพ่ง ลงวันที่ 4 ส.ค. 2558 ว่า ห้ามมิให้บุคคล 5 คน ประกอบด้วย นายบัญชา แสงหิรัญ, นายวิทยา เจริญศรี, นายธนา กายพันธุ์เลิศ, นายวีระศักดิ์ อนุสนธิวงศ์ และ นายสมพล ณ สงขลาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะรักษาการอธิการบดี แต่ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ทำการขัดขวางไม่ให้ นายสุทธิพร พร้อมพวก เข้าไปด้านใน...
nn อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้นำประกาศห้ามมิให้บุคคล ซึ่งประกอบด้วย นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล น.ส.นรนุช ไผ่แก้ว ดร.รุ่งศรี ว่องวิทวัส น.อ.ชำนาญ สอนแพง เข้าไปในมหาวิทยาลัย โดยนำมาติดบริเวณหน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย จากนั้นได้นำกุญแจมาล็อกประตูทางเข้า-ออกไว้ทุกด้าน ซึ่งมีการอ้างว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยห้ามมิให้บุคคลตามที่ประกาศ เข้ามาในมหาวิทยาลัย...
nn ทั้งนี้ นายสุทธิพร ได้นำช่างกุญแจพร้อมเครื่องตัดเหล็ก เข้าทำการตัดโซ่ที่คล้องประตูทางด้านข้าง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ นายสุทธิพร กว่า 20 คน พยายามช่วยกันยกประตูออก จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน โดยทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย ได้นำกำลังมาขัดขวาง พร้อมใช้ถังดับเพลิง และน้ำมาทำการฉีดสกัด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปภายใน จนเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้น ต่อมาได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก และเจ้าหน้าที่ทหาร ร.12 พัน 2 รอ. จ.สระแก้ว นำกำลังประมาณ 30 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์ โดยไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกัน ทั้งสองฝ่ายจึงแยกย้ายกันไป โดยทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยได้มีการตรึงกำลังไว้โดยรอบ...
nnต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. นายสุทธิพร พร้อมเจ้าหน้าที่ เดินทางกลับมายังหน้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง และได้พยายามใช้คีมตัดกุญแจประตูอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชุดเก่าของทางมหาวิทยาลัย ได้นำถังดับเพลิงมาฉีดสกัด และมีการโต้เถียงกันเกิดขึ้น ท่ามกลางการเฝ้าระวังสถานการณ์จากตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (คฝ.บก.น.4) และเจ้าหน้าที่ทหาร...
nn นี่คือ ข้อมูลข่าวสารในอดีต และเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธความเป็นจริงได้ ความจริงย่อมคือความจริงอยู่วันยังค่ำ และต่อมาก็อย่างที่รับทราบกันคือ “พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ ในขณะนั้น ต้องใช้ “ยาแรง” สั่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเข้าควบคุมการบริหาร ม.อัสสัมชัญ ในที่สุด ก่อนจะมีการชำระสะสางตั้งกรรมการตรวจสอบ ก่อนจะมีคำตอบให้สังคมว่า ขั้วอำนาจผู้บริหารเดิม ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับ “สุทธิพร” นั้นบริสุทธิ์ ส่วน “สุทธิพร” มีฐานะเป็นเพียงคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้หมดสัญญาจ้างและต้องออกจากมหาวิทยาลัยไป ก่อนจะหายหน้าหายตาไปจากสังคม และกลับมาปรากฏชื่อเป็นข่าวอีกครั้งด้วยการไปยื่นเรื่องร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเรื่องสัดส่วนกำลังผลิตกระแสไฟฟ้า จนทำให้หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปั่นป่วนทั้งระบบนั่นเอง!!...nn
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี