“ผมฟังมาสองวันแล้ว กลับไปย้อนฟังใหม่ ถามลูกน้องผมก็ได้ ผมพูดถึงการเป็น ผบ.ทบ.ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาผมเผชิญกับอะไรมาบ้าง ท่ามกลางความขัดแย้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น ก็ไม่รู้พวกไหนเหมือนกัน หลังจากนั้นผมก็เตรียมการ ฝึกกำลังพลให้ความระมัดระวังภัย จะดูแลประชาชนอย่างไร นั่นคือส่วนที่ผมเตรียมการ และก่อนที่ผมจะเกษียณอายุ 6 เดือน เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย
...คุณไม่ต้องยิ้มเลย พวกนั่งอยู่ทางนี้ ยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น คนตายคนเจ็บไปแล้วเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นผมจึงต้องตัดสินใจ ไม่ได้ตัดสินใจก่อนหน้าอะไรด้วย วันนั้นเท่านั้นเอง ที่คนของท่านบางพวกบอก ก็ไม่ต้องอยู่ อยู่กันแบบนี้ ถ้าทหารไม่ออกมาทำงานก็อยู่กันแบบนี้ งบประมาณทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำ รับผิดชอบกันหรือเปล่า ตอบมาสิ เพราะฉะนั้นมาทำหน้าเยาะเย้ยแบบนี้ผมไม่ชอบ”
นี่คือหนึ่งในประเด็นที่มีการอภิปรายตอบโต้กันในที่ประชุมร่วมสองสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกฝ่ายค้านอภิปรายว่า เตรียมการนานถึง 3 ปี เพื่อกระทำรัฐประหาร
โดยเรื่องทั้งหมดเริ่มจากนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ที่กล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมการที่จะรัฐประหารมาก่อนหน้าแล้วถึง 3 ปี ต่อมา นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำไปขยายความต่อในเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า “ผมยืนยันคำถามอาจารย์วันนอร์ เรื่อง“ตู่”เตรียมการรัฐประหารมา 3 ปี กว่า ก่อนทำการยึดอำนาจจริงในวันที่ 22พ.ค.2557 (ผมอยู่ในหอประชุมทบ.วันนั้นด้วย) เท่ากับตอกย้ำว่า “ตู่”เตรียมการและตั้งใจเข้ามาสู่อำนาจ...ผลพวงทั้งหมดจึงเป็นเรื่องการเตรียมเข้ามายึดอำนาจและตั้งใจสืบทอดอำนาจต่อโดยแท้”
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ระบุว่า “ไม่ต้องเถียงและไม่ต้องแถกัน 22 พ.ค. 2557 ผมอยู่ในเหตุการณ์ พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่าเตรียมการมา 3 ปีจริง ใครได้ยินวันนั้นก็ต้องเข้าใจว่าหมายถึงเตรียมรัฐประหาร ไม่ใช่เตรียมกองทัพไว้รับมือสถานการณ์ ส่วนที่ชี้แจงว่าตัดสินใจวันนั้นก็ทำเลย คนกินข้าวคนไหนเชื่อก็ตามสบาย นายทหารกลุ่ม 3 ป. มีบทบาทตั้งแต่รัฐประหาร คมช. และเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองมาตลอด เช่น แถลงกดดันให้นายกฯสมชาย ลาออก และตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ในค่ายทหาร”
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงในเฟซบุ๊ค มีเนื้อหาดังนี้ “...มีหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยึดอำนาจ 22 พ.ค.2557 เอาเหตุการณ์ขณะพลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจมาพูดกันอีกแล้ว ความจริงเหตุการณ์ตอนยึดอำนาจ ผมเอามาเขียนค่อนข้างละเอียดแล้ว เพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ และในวันนั้นผมก็ถูกควบคุมตัวด้วย หลายคนพูดว่า พลเอกประยุทธ์พูดขึ้นว่า เตรียมการยึดอำนาจมา 3 ปีแล้ว ผมว่าโกหกนะครับ ผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย พลเอกประยุทธ์ไม่ได้พูดประโยคนี้ สิ่งไหนที่ท่านพูดก็ต้องบอกว่าท่านพูด สิ่งไหนท่านไม่ได้พูดก็ต้องบอกว่าท่านไม่ได้พูด จะไปโกหกกันทำไม และผมก็ไม่มีเหตุต้องไปปกป้องท่าน ปกป้องท่านทำไม ท่านจับผมไปขังด้วย ผมยังโกรธอยู่เลย”
หากไปดูข้อเขียนของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จะพบข้อเท็จจริงที่ถูกบันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า
“พลเอกประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะ เปิดการประชุม ทักทายที่ประชุม “วันนี้ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ต้องพูดกันให้จบ ไม่จบผมมีที่นอนหมอนมุ้งรอไว้เรียบร้อยแล้ว” ที่ประชุม เฮ ด้วยคำพูดของท่าน ที่กึ่งจริงจังกึ่งขี้เล่นหยอกล้อ โดยหารู้ไม่ว่า ได้มีการเตรียมการหาที่นอนหมอนมุ้งให้แก่ทุกคนแล้ว !!
“เอ้า ที่ผมฝากการบ้านไว้เมื่อวาน ใครมีอะไรว่าไป” ท่าน เริ่มเปิดประเด็น
นายชัยเกษม นิติสิริ กล่าวในฐานะตัวแทนรัฐบาล “ตกลงรัฐบาลยอมตามข้อเสนอของ กกต. ครับ คือ 1) ยอมให้มีการเลือกตั้งใน 4-5 เดือนนับจากนี้ 2) ทุกฝ่ายช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีก่อนไปสู่การเลือกตั้ง โดยเน้นปฏิรูปเล็ก คือการปฏิรูปเลือกตั้งก่อน ส่วนการปฏิรูปเรื่องอื่นๆ ไปว่ากันหลังจากมีสภาผู้แทนราษฎร 3) รัฐบาลไม่ลาออก แต่จะไม่ขอรักษาการในระหว่างการเลือกตั้ง โดยให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาการแทน”
“พรรคเพื่อไทย ว่าไง” ผู้นั่งหัวโต๊ะ ถาม
“พรรคเพื่อไทย เอาตามที่รัฐบาลแถลงครับ” พล.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตอบสั้นๆ
“พรรคประชาธิปัตย์ ว่าอย่างไร” คำถามถูกเวียนไปยังพรรคประชาธิปัตย์
“คงเท่านั้นไม่ได้ครับ ถึงให้ปลัดกระทรวงรักษาการ แต่รัฐมนตรีไม่ยอมลาออก รัฐมนตรีก็ยังมีอิทธิพลสั่งการผ่านปลัดกระทรวงได้ ปลัดกระทรวงก็เหมือนนอมินีของฝ่ายการเมืองอยู่ดี ยืนยันว่า ขอให้รัฐบาลลาออก” คุณอภิสิทธิ์ กล่าวแบบเฉียบขาด หลังจากนั้น ที่ประชุมก็อื้ออึงด้วยการอภิปรายในเชิงเหตุผลทางกฎหมายว่า รัฐบาลสามารถลาออกได้หรือไม่ มีกฎหมายอะไรรองรับ จะขัดกับกฎหมายหรือไม่
“นปช. ว่าอย่างไรล่ะ” ผู้นั่งหัวโต๊ะ ขอความเห็น จตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งไม่พอใจต่อคำตอบของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นทุนเดิม เริ่มเปิดประเด็นใหม่ แทนที่จะยืนยันแนวทางที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกรุยทางมาแล้ว “ถ้างั้นก็ทำประชามติกันเลยดีกว่า ถามประชาชนว่า จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งก่อนปฏิรูป” จตุพร มั่นใจว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการเลือกตั้ง
“ท่านสุเทพว่าอย่างไร” คำถามถูกโยนต่อไปยัง สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. สุเทพ ส่งสายตาที่ดุดันข้ามฟากไปยังจตุพรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “อย่างไรเสีย กปปส.ก็ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป ยืนยันว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” นายสุเทพ กล่าวด้วยเสียงอันดัง
“ทาง สว.ว่าอย่างไรล่ะ” ท่าน ผบ.ทบ.หันไปถาม สว.ที่วันนี้มีตัวแทนมาประชุมแค่สองคน คือ คุณสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา และนายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง คุณสุรชัย หลบสายตาใครต่อใครที่จับจ้องมา พร้อมกล่าวสั้นๆ “ทาง สว.ไม่มีความเห็นครับ”
“กกต.ว่าไง” คำถามวนมาที่ กกต.แล้ว ผมสบหน้าท่านประธาน พอได้สัญญาณว่าให้พูดแทนได้ ก็ตอบออกไปสั้นๆ “กกต.ไม่มีความเห็นครับ”
พลเอกประยุทธ์ ซึ่งนั่งประธาน เริ่มออกอาการหงุดหงิด “ไปทางโน้นก็ไม่ได้ ไปทางนี้ก็ไม่ได้ แล้วจะเอาอย่างไรกันดี”
นายสุเทพ สบตา นายจตุพร “ถ้าเช่นนั้น ผมขอเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ประชุมแยกเฉพาะ กปปส. และ นปช. จะได้ไหมครับ”
“เอาอย่างงี้ สองกลุ่มแยกไปประชุมครึ่งชั่วโมง ส่วนที่เหลือ ก็แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก รัฐบาลไปประชุมกับเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ กลุ่มที่สอง กกต.ไปประชุมกับ สว.ดีไหม” พลเอกประยุทธ์เสนอ
“ประชาธิปัตย์ ยังไม่มีอะไรคุยกับเพื่อไทย ครับ” นายอภิสิทธิ์กล่าว “สว.ก็ไม่มีอะไรคุยกับ กกต.ครับ” รักษาการประธานวุฒิ กล่าว “ถ้าเช่นนั้น ก็พักการประชุมครึ่งชั่วโมง จะเข้าห้องน้ำหรืออะไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวจะเอาชากาแฟมาเสิร์ฟ ให้สองฝ่ายเขาคุยกันให้รู้เรื่อง” สองฝ่ายแยกไปประชุม ในห้องเล็กๆ ข้างๆ ส่วนห้าฝ่ายนั่งพักในห้องประชุม
ประมาณ 15.30 น. ทุกคนกลับมาอยู่ในห้องประชุม ก่อนการประชุมจะเริ่มต่อ นายสุเทพและนายจตุพรได้เดินมาข้างหลังพลเอกประยุทธ์ กระซิบกระซาบบางอย่าง พลเอกประยุทธ์ พูดกับที่ประชุมว่า “เขาขอเวลาผม 2-3นาที ที่ประชุมอนุมัตินะครับ” ที่ประชุม เฮ อีกครั้ง ด้วยบุคลิกที่น่ารักของท่าน
พลเอกประยุทธ์ นายสุเทพ และนายจตุพร สามคนไปยืนคุยกันที่มุมห้องห่างออกไปจากผู้อื่น ไม่ได้ยินเสียงเขาคุยอะไรกัน แต่เห็นหน้าตาพยักเพยิด รับถ้อยรับคำกัน ต่อหน้า ผบ.ทบ.นายจตุพร ก็ดูพูดจาสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ทั้งสามคนคุยกันแค่ 2-3 นาทีตามที่ขอ เสร็จทุกคนกลับมานั่งที่โต๊ะของตน
“เขามาบอกว่าห้องน้ำสโมสรสกปรก ใครน่ะดูแล ให้ปรับปรุงหน่อย” ที่ประชุมฮาครืน ในคำพูดของ ผบ.ทบ.
“มันอึดอัดไปทั่วนะ จะไปทางนี้ก็ติด ทางโน้นก็ติด จะเลือกตั้งก็ไม่ได้ เลือกไปคนก็ไม่ยอมรับ รัฐบาลอยู่คนก็ชุมนุมประท้วง ไม่สงบเสียที แล้วจะเอายังไงกันดี” พลเอกประยุทธ์ เปรย
“ผมขอเสนอความเห็น ท่าน ผบ.ทบ.ประกาศกฎอัยการศึกแล้ว ตอนนี้เหมือนจมน้ำไปครึ่งตัว หากท่านตัดสินใจใช้กำลังทหารอีก ก็จะเหมือนจมน้ำเต็มตัว ท่านควรอาศัยการประกาศกฎอัยการศึกเพื่อผลักดันการเลือกตั้งให้สำเร็จ เพื่อให้ตัวเองพ้นมาจากน้ำ” นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ตัวแทน นปช.กล่าว
“ไม่ต้องมาสอนผม เรื่องว่ายน้ำ ผมรู้ ผมว่ายเป็นตั้งแต่เด็กแล้ว” ที่ประชุมฮาครืนอีกครั้ง คุณวีระกานต์ ถึงกับเงียบไป
“รัฐบาล รัฐบาลจะทำอย่างไร ยอมลาออกไหม” พลเอกประยุทธ์ถามไปยังคุณชัยเกษมที่เป็นตัวแทนรัฐบาล
นายชัยเกษม นิติสิริ ตัวแทนรัฐบาล ตอบอย่างเหยาะแหยะไม่เต็มปากคำ เนื่องจากไม่ใช่ผู้มีอำนาจเต็มที่จะมาบอกว่ายอมลาออกหรือไม่ลาออก และอาจด้วยการประเมินสถานการณ์ผิด คิดว่าทหารคงไม่ยึดอำนาจ “คงไม่ลาออกละครับ”
ทุกคนในที่ประชุมเริ่มนิ่งเงียบ กับคำถามเชิงรุกฆาตของ ผบ.ทบ. และเริ่มเดาเหตุการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา พลเอกประยุทธ์ถามไปยังคนอื่นๆ “ใครมีความเห็นอะไรไหม” ทุกคนนิ่ง “กกต.ล่ะ สว.ล่ะ มีความเห็นอะไรไหม” ประธาน กกต.เอามือแตะตักของผม ในเชิงปราม ซึ่งผมรู้ความหมายดี จึงตอบไปว่า “กกต.ไม่มีความเห็นครับ”
“สว. ไม่มีความเห็นครับ” ประธาน สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย พูดประโยคเดียวกัน
“ว่าไง รัฐบาล จะยอมลาออกหรือเปล่า” คำถามรุกฆาตถูกถามออกไปเป็นครั้งที่สอง
นายชัยเกษม เอนตัวไปข้างหลังเป็นภาษาท่าทางเชิงป้องกันตัว แล้วตอบว่า “นาทีนี้ก็ยังคงไม่ลาออกหรอกครับ”
พลเอกประยุทธ์ ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะโน้มกายไปข้างหน้า “ถ้าเช่นนั้น ผมก็ไม่มีทางออก เพื่อให้บ้านเมืองสงบ นาทีนี้ผมขอยึดอำนาจ ทุกคนในห้อง อยู่ในห้องนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน กกต.ไม่เกี่ยว สว.ไม่เกี่ยว ออกไป”
ข้อเท็จจริงที่ชัดที่สุดคือ ชุดข้อมูลของ อ.สมชัยครับ และกระนั้นก็ดี เตรียมการกี่ปีไม่สำคัญเท่ากับว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยใช้สภาออกกฎหมายเลวทราม ให้ประชาชน นปช. ตายฟรี ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยตัดกระบวนการยุติธรรมและการพิสูจน์ทราบออกไปได้อย่างไร อันนี้สิ ชั่วร้ายกว่าหลายเท่านัก-ใช่หรือไม่?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี