การมีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับอยู่ใน “โรงเรียนเปิด” คือสามารถเรียนรู้และหาความรู้ใหม่ๆ ได้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสื่อสารพัฒนาผันแปรไปอย่างรวดเร็ว อยากรู้อะไรก็หาได้ง่าย เรียกว่าชีวิตวันๆ หนึ่งนอกจากจะท่วมท้นไปด้วยข้อมูลและสถิติต่างๆ นานา แล้วยังต้องทำตนให้ทันโลก ทันสมัยอีกด้วย ชีวิตจึงจะดูมีคุณค่า และมีความคึกคักขึ้น
มีศัพท์การเมืองที่ผมไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน คือคำว่า Authoritarian Modernism ซึ่งแปลเป็นไทยก็คงจะมีความหมายว่า ประเทศหนึ่งใดมุ่งพัฒนา เสริมสร้างความก้าวหน้า มีความทันสมัยได้ก็ต้องด้วยระบบการเมืองการปกครองแบบเผด็จการ
ความเป็นเผด็จการนั้นก็มีหลายรูปแบบ เช่น เผด็จการทหาร เผด็จการพรรคเดียว เผด็จการพรรคเดียวครอบงำ (พรรคอื่นๆ เป็นตัวประกอบ) เผด็จการอุดมการณ์เดียว เผด็จการตัวองค์บุคคล เผด็จการสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เผด็จการครอบครัวหนึ่งเดียว เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความว่า การที่ประเทศหนึ่งใดจะเป็นเผด็จการแล้วจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนรูปโฉมประเทศให้ขึ้นไปที่ระดับที่มีความทันสมัย ทั้งทางด้านกายภาพต่างๆ และคุณภาพชีวิตของผู้คน แต่ก็ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถ วิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และความเฉียบขาดของบรรดาผู้นำด้วย
ประเทศเผด็จการส่วนใหญ่ล้มเหลวในการนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากสถานะด้อยพัฒนา หรือความล้าหลังได้ เพราะผู้นำเผด็จการหาประโยชน์เข้าตัว โกงกิน และติดอยู่กับอำนาจเพื่อตนเอง และผู้ล้อมรอบใกล้ชิดเท่านั้น
แต่ก็มีประเทศที่อิงรูปแบบเผด็จการที่สามารถนำพาและสร้างความทันสมัยและเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศได้อย่างน้อยก็ 2 ประเทศ คือ สิงคโปร์ และจีน จึงเกิดทฤษฎีทางการเมืองว่า เพื่อให้ประเทศเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจได้ ระบอบการเมืองการปกครองต้องเป็นแบบเผด็จการ
จีนเมื่อเริ่มปรับตัวให้หลุดออกจากระบอบคอมมิวนิสต์เต็มใบ และความล้าหลังด้อยพัฒนา ก็ได้ศึกษาสิงคโปร์เป็นแบบอย่าง เป็นแหล่งเปรียบเทียบ และเรียนรู้
การเมืองสิงคโปร์ เป็นแบบเผด็จการครอบครัวลี ในกรอบหรือความเป็นประชาธิปไตยแบบจำกัดจำเขี่ย ควบคุมเข้ม (มีพรรคฝ่ายค้าน) แต่ผู้นำสิงคโปร์ปกครองประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยวิสัยทัศน์ ด้วยแผนยุทธศาสตร์ และเป้าหมายว่า สิงคโปร์จะพัฒนาไปในทิศทางใดและอย่างใด เช่น เป็นศูนย์กลางคมนาคมหลักของภูมิภาค ทั้งทางเรือและอากาศ เป็นศูนย์กลางการค้า (ท่าเรือเสรี Free Port) เป็นศูนย์กลางการเงินและตลาดโภคภัณฑ์ขั้นปฐมเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการบริการ และศูนย์กลางพัฒนาองค์ความรู้ทั้งทางวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ควบคู่กับการพัฒนาการศึกษาให้ผู้คนมีความรู้และทักษะ มีที่อยู่อาศัยและการได้รับการดูแลเรื่องการแพทย์ และการเกษียณอายุ เพื่อความมั่นคงของชีวิต เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ระบบราชการของสิงคโปร์อยู่กับกฎหมาย ความมีวินัยและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักโดยมีค่าตอบแทน (เงินเดือน) ที่อำนวยต่อคุณภาพชีวิตอย่างคุ้มค่า
จีนภายใต้การริเริ่มนำพาของ เติ้ง เสี่ยว ผิง ก็อยู่กับระบบเผด็จการพรรคเดียว แต่รับเอาระบบทุนนิยม หรือเศรษฐกิจการตลาดเข้ามาพัฒนาประเทศ และ 40 ปีให้หลังโดยประมาณ ผู้นำรุ่นต่อๆ มาก็สามารถนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศจีน ให้เป็นเศรษฐกิจใหญ่เป็นที่ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาได้
รัสเซียโดยประธานาธิบดีปูติน ภายใต้กรอบประชาธิปไตยครึ่งใบ ก็สามารถสร้างเสถียรภาพ และค่อยพัฒนาประเทศได้เป็นลำดับ
ทั้งหมดนี้ก็พิสูจน์ได้ว่า ระบบเผด็จการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างความทันสมัยเจริญก้าวหน้าได้ หากแต่ผู้นำประเทศนั้น ต้องอุทิศตนต่อประเทศอย่างจริงจัง
ซึ่งก็มีคำถามตามมาว่า มนุษย์นั้นจะต้องการแค่อิ่มท้องแล้วจบ หรือว่ายังต้องการความเบิกบานทางใจและจิตด้วย (นั่นคือ สิทธิเสรีภาพ)
และคำถามต่อไปก็คือ หากประเทศเป็นระบบเปิดและผู้นำประเทศซื่อสัตย์สุจริต ความเจริญก้าวหน้า ความทันสมัย ก็จะเกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่?
คำตอบก็มีอยู่แล้ว เช่นที่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เป็นต้น
ฉะนั้น ผู้นำ มาอย่างไร จะด้วยระบบเปิด หรือปิดนั้นคงไม่สำคัญเท่ากับว่า เมื่อมาแล้ว ได้อำนาจแล้ว ใช้อย่างไร และเพื่อใคร
ของไทยเรา ได้เห็นทั้งระบบเปิด ระบบปิด ระบบกึ่งปิดกึ่งเปิด แต่ทั้งหมดมักจบที่การเอาแต่โกงกิน ฉะนั้น ปัญหาของไทยคือ บรรดาผู้นำมักจะสอบตกเมื่อเทียบกับผู้นำสิงคโปร์ จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ไปจนถึงฮ่องกง
บัดนี้ โครงสร้างการเมืองไทยเป็นระบบลูกผสม Authoritarian Democracy คือ ประชาธิปไตยแบบผสมเผด็จการ ต่อจากระบบเผด็จการทหารระยะเวลา 5 ปี แต่คณะผู้นำจัดได้ว่าเป็นชุดเดิม เท่ากับว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรอบสอง มีโอกาสที่จะไปในทิศทางของ ท่านลี ท่านเติ้ง ท่านปูตินในการนำเอา Modernity มาสู่ประเทศไทย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี