เกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดในกรุงเทพมหานคร ทั้งระเบิดเก๊ ระเบิดกวน และระเบิดจริง (ที่ไม่เน้นการเอาชีวิต เน้นการสร้างสถานการณ์) ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกและฉกฉวยสถานการณ์นี้ เป็นกูรู เป็นฮีโร่ เป็นอะไรต่อมิอะไรกันสารพัด
ผมชอบท่าทีของ “ชื่นชอบ คงอุดม” โฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไท ที่โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวของเขาว่า
“ผมขอประณามการก่อเหตุใน กทม. ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้โดยผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ และประชาชนที่บริสุทธิ์ เพื่อสร้างสถานการณ์ในหลายพื้นที่ พวกเราจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงและความพยายามสร้างความหวาดกลัวกับสังคม
ผมขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และขอให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันดูแล ระมัดระวังเมื่อเห็นสิ่งผิดปรกติ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
การกระทำเช่นนี้จากผู้ไม่หวังดีก็เพื่อต้องการให้พวกเราตื่นตระหนก ผมอยากให้พวกเราทุกคนระมัดระวังแต่ไม่ตื่นตระหนก รับข่าวอย่างมีสติ ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อข่าวลวงกันนะครับ”
เป็นความเห็นที่พอดีๆ ไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ ไม่ขยายผล ไม่วางระเบิดลูกใหม่ แต่ให้ “หลักคิด” ที่ดี
ลองถอดรหัสการลำดับความและการเรียบเรียงของเขาดูสิ
1.ประณามการก่อเหตุ (เป็นสิ่งแรกที่สมควรต้องทำ เพื่อส่งสัญญาณว่า ความรุนแรง ไม่ว่ากระทำโดยใคร ไม่ใช่วิธีการที่จะยอมรับได้ จึงขอตำหนิ ประณาม การกระทำเช่นนี้)
2.ให้สติว่า นั่นคือความพยายาม “สร้างความหวาดกลัวให้สังคม”
3.ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และขอความร่วมมือจากประชาชน ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา
4.ย้ำอีกครั้งว่า นี่เป็นการกระทำของ “ผู้ไม่หวังดี” (ไม่ได้ด่วนชี้ไปว่า ใครทำ)
5.ย้ำอีกครั้งว่า คนร้าย “หวังผล” คือ ให้พวกเราตื่นตระหนก
6.บอกวิธีในการรับมือ (ผมอยากให้พวกเราทุกคนระมัดระวังแต่ไม่ตื่นตระหนก รับข่าวอย่างมีสติ ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อข่าวลวงกันนะครับ)
ถ้านี่เป็นถ้อยแถลงของ “โฆษกรัฐบาล” ผมจะให้คะแนนเต็ม 10 เลยครับ เพราะเป็นถ้อยแถลงที่สุขุม สร้างสรรค์ และ “ให้หลัก” มากกว่า “ให้เรื่อง”
กวาดตาดูจากหลายๆ คน ล้วนเน้นการ “ให้เรื่อง” มากกว่า “ให้หลัก”
หลักสำคัญกว่าเรื่องนะครับ เมื่อเผชิญเหตุการณ์หนึ่งๆ หลัก จะสร้างกลไกการนำเข้าข้อมูลข่าวสารสู่ตัวเราเอง และเลือกวิธีที่จะส่งออกความเห็น ความคิด
จะเห็นว่าหลายคน “ไม่ทำ” อย่างที่ชื่นชอบ คงอุดม ทำ แต่รีบ “ชี้นิ้ว” คาดการณ์ วิเคราะห์ กันเป็นตุเป็นตะ ด้วยการมุ่งแสดงเชาวน์เพื่อชี้ให้เร็วที่สุดว่า “น่าจะเป็นฝีมือของใคร”
ถ้าเราเป็นเจ้าหน้าที่เก็บกู้ เราจะยังไม่รีบบอกหรอกครับ ว่าทำโดยใคร แต่จะเริ่มว่า “ทำอย่างไร” ด้วยการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เก็บวัตถุพยาน เอามาตรวจสอบ ดูส่วนประกอบ ดูวิธีประกอบ ดูวิธีวาง เพื่อหาทางเชื่อมโยงกับข้อมูลที่มีว่า “บ่งชี้” ไปที่กลุ่มไหน มืออาชีพ หรือสมัครเล่น เคยมีการประกอบวัตถุระเบิด เพื่อก่อเหตุแบบนี้มาก่อนบ้างหรือไม่
เจ้าหน้าที่อีกส่วนจะดูพยาน-หลักฐานแวดล้อม เช่น มีใครเห็นเหตุการณ์หรือเห็นบุคคลต้องสงสัยบ้างหรือไม่ มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพบุคคลต้องสงสัยในเวลาเกิดเหตุหรือก่อนและหลังเกิดเหตุบ้างหรือไม่
ในทาง “การข่าว” มีเบาะแส มีความเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
แล้วจึงค่อยมาในทาง “การเมือง” หรือในทาง “ความขัดแย้ง”
ซึ่งทั้งหมดจะค่อยๆ “เล่าเรื่อง” เพื่อนำไปสู่คำตอบว่า “ใครทำ” และเมื่อได้ตัวผู้ทำจึงจะรู้ว่า “ทำทำไม”
แต่ลองดู “ปารีณา ไกรคุปต์” กันหน่อยไหมครับ เธอโพสต์เฟซบุ๊คของเธอว่า
“นายกทักษิณเป็นคนไม่ดีคะ ต้องเรียนรู้แพ้ รู้ชนะ พอหยุดเผา ก็มาระเบิด”
แน่นอนครับ นอกเหนือจากความล้มเหลวเรื่องความรู้ขั้นพื้นฐานระดับชั้นประถมศึกษาในการ “ผันวรรณยุกต์” ที่มีปัญหาเรื่อง คะ ค่ะ ของเธอแล้ว มันเป็นเรื่อง “ทัศนคติ” และ “ความยับยั้งชั่งใจ”
ปารีณาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสติและความยับยั้งชั่งใจในการให้ความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ จึงไม่แปลกหรอก ที่จะมีความพยายาม “ส่งสัญญาณ” ความรังเกียจ ผ่านการล่าชื่อถอดถอนที่ไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ ใน chang.org
สิ่งที่ปารีณาโพสต์นี้ เท่ากับฟันธงเปรี้ยงไปเลยว่า “นายกทักษิณ” ซึ่ง “เป็นคนไม่ดี” เป็นคนไม่รู้แพ้รู้ชนะ พอหยุดเผา ก็มา “ระเบิด”
มาต่อกันที่ท่านผู้บัญชาการทหารบก บ้าง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานคร ว่า ทางฝ่ายความมั่นคงได้มีการแจ้งเตือนมาระยะหนึ่งแล้ว โดยได้ประสานงานทั้ง กอ.รมน. เหล่าทัพ ตำรวจ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดในช่วงนี้ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการสั่งการหน่วยงานความมั่นคง โดยโทรศัพท์สายตรงไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้ดูแลสถานการณ์ด้วย เหมือนว่า นายกฯ กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ในจุดที่ 2 และ 3 ตามมา
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า ลักษณะเหตุการณ์รูปแบบการก่อเหตุคล้ายกับเหตุการณ์ในปี 2549 เป็นกลุ่มคนเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ มาจากสำนักเดิมๆ ที่เคยระเบิดป้อมตำรวจหลายจุด
พล.อ.อภิรัชต์ ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงก็คือ จะมีฝ่ายการเมือง หรือพวกที่ไม่หวังดีกับประเทศ มาใส่ความว่า ฝ่ายความมั่นคง ทำเรื่องแบบนี้ทำเองเพราะเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทั้งที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มเดิมๆ ความคิดเดิมๆ คนสั่งการคนเดิม แต่คนลงมืออาจเป็นคนหน้าใหม่
“นี่คือสิ่งบอกเหตุทางการเมือง เกิดจากกลุ่มที่มีความคิดแบบนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นสิ่งบอกเหตุ ว่า อาจจะมีครั้งต่อไปเกิดขึ้นอีก แต่ขอให้มั่นใจว่า นายกฯ และฝ่ายความมั่นคง สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ “ ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นหน้าหน่วยทหาร ถือเป็นการท้าทายนายกฯ ที่คุมทหาร คุมตำรวจ ด้วยหรือไม่ พลเอกอภิรัชต์ บอกว่า อย่าเรียกว่าท้าทาย คนที่จะทำ ก็จ้องหาช่องโหว่อยู่แล้ว แต่มันเป็นสิ่งบอกเหตุว่า ต่อไปอาจจะมีการเอาเรื่องแบบนี้มาใช้หวังผลทางการเมือง ขึ้น ขอให้ประชาชนช่วยกัน อย่าให้ คนไม่หวังดีเหล่านี้ มาทำร้ายประเทศเราได้
ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นรอบ กทม.ว่า ขณะนี้ข้อเท็จจริงยังไม่นิ่ง จึงไม่สมควรชี้ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ทั้งนี้ ตนอยากให้กำลังใจเจ้าที่ฝ่ายปฏิบัติการทั้งหมด และให้กำลังใจพี่น้องประชาชน โดยอยากให้ระมัดระวังตัวกันด้วย นอกจากนี้ ขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงด้วย เพราะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งก็เจอเรื่องแบบนี้ ก็อยากให้จัดการปัญหานี้ให้ได้ สมดังที่ท่านพูดมาเสมอว่า ถ้าท่านเข้ามาแล้วความมั่นคงจะตามมา ความสงบเรียบร้อยจะกลับมา
“อย่าทำให้พี่น้องประชาชนคิดว่างบประมาณที่เราทุ่มเทลงไปให้กับเรื่องความมั่นคง ใช้ไปเฉพาะกับเรื่องความมั่นคงของ คสช.และรัฐบาลเท่านั้น แต่ขอให้นำมาใช้กับความมั่นคงของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้กระทบกระเทือนต่อความเชื่อมั่น และบรรยากาศทางการเมืองที่กำลังทยอยกลับเข้าสู่ระบบปกติ แต่ตนเชื่อว่าประชาชนเข้าใจดี และเชื่อว่าจะผ่านไปได้ ซึ่งพวกเราต้องช่วยกัน อย่าให้สถานการณ์ระเบิดในวันนี้ ลุกลามบานปลายไปจนเป็นข้ออ้างในการเข้ามาใช้อำนาจพิเศษใดๆ อีก” นายปิยบุตร กล่าว
ปารีณา ฟันธงว่า “นายกทักษิณเป็นคนไม่ดีคะ พอหยุดเผาก็มาระเบิด” / ผบ.ทบ.ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นพวก “กลุ่มเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ” และ “จะมีฝ่ายการเมือง หรือพวกที่ไม่หวังดีกับประเทศ มาใส่ความว่า ฝ่ายความมั่นคง ทำเรื่องแบบนี้ทำเอง” / ปิยบุตรบอกว่า อย่าให้สถานการณ์ระเบิดในวันนี้ ลุกลามบานปลายไปจนเป็นข้ออ้างในการเข้ามาใช้อำนาจพิเศษใดๆ อีก ขณะที่ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ต้องนั่งบัญชาการสยบ “ข่าวเท็จ” ที่แพร่หลายออกมา
นี่ยังไม่รวมนักวิชาการ นักวิเคราะห์ แหล่งข่าว และ “ดาวรุ่ง” ในสื่อสังคมออนไลน์ ที่พากันตั้งตนเป็น “ผู้รู้” กันเยอะแยะมากมาย ขยายผลกันอยู่อย่างล้นหลามในโลกใบนั้น ---เราเห็นอะไรบ้าง ในท่ามกลางเหตุระเบิดป่วนเมืองเกิดขึ้น เราเห็นมนุษย์ครับ มนุษย์ที่ตั้งอยู่บน “ฐาน” คนละฐาน และ “แสดงออก” กันตาม “ฐานคิด”ของตัวเอง
“รอฟังความคิดเห็นของคุณปู เรื่องระเบิดอยู่นะครับ” มีข้อความส่งเข้ามาหา ตั้งแต่ช่วงสายๆ ผมได้แต่วางเฉย ด้วยเหตุผลหลายอย่าง
1) เตือนตัวเองเอาไว้ว่า เราไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่แม้กระทั่งเห็นที่เกิดเหตุ
2) เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องระเบิด
3) เรามีระเบิดลูกหนึ่ง ถูกวางไว้แล้วในใจเรา จงระวังอย่าให้มันทำงาน
เห็นกันชัดๆ เลยใช่ไหมครับ ว่าหลายปีมานี้ เราคนไทยถูกบรรยากาศทางการเมืองกำหนดให้เราต้อง “เลือกข้าง” อยู่ข้างไหนสักข้าง ซึ่งทุกข้างต่างบอกว่าข้างตนเป็น “ฝ่ายความดี” เป็น “ฝ่ายความถูกต้อง” และโดยอัตโนมัติ เราชิงชัง รังเกียจ ระแวงระวังต่อ “ฝ่ายตรงข้าม”
ทันทีที่เกิดเหตุระเบิดจริง ระเบิดเก๊ ระเบิดป่วน เกิดขึ้น เราเขม้นมองไปที่ “ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง” หรือ “ฝ่ายตรงข้ามทางความคิด” ในทันที
เรากลายเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ในทันใด วิเคราะห์กันยกใหญ่ว่า เนี่ย...มันอยากรักษาอำนาจพิเศษเอาไว้ เลยสร้างสถานการณ์ / เนี่ย แพ้การเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็แค้น ก็ป่วน / โอ๊ยยยย จะพวกไหนล่ะ ที่คุ้นเคยกับระเบิด กับอาวุธ กับการเผาบ้านเผาเมืองน่ะ ฯลฯ บลาๆๆๆ
เราห้ามความคิดของคนไม่ได้ เพราะเหตุที่เกิดมันก่อความตื่นตระหนกอยู่ ไม่มากก็น้อย ในท่ามกลางความกลัวและความโกรธ (ต่อผู้กระทำ-ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร) คนเราย่อมต้องหาคำอธิบายให้แก่ “ความรู้สึก” ของตัวเอง ยิ่งในยุค “ดาราไซเบอร์” ทุกคนก็อยาก “นำเสนอความเห็น” ของตัวเองกันทั้งนั้น แม้จะมีบ้าง เพียงแค่พร่ำบ่นระบาย
เราห้ามความคิดของคนไม่ได้ แต่เรา “หยุด” ที่ตัวเราเองได้ ถามว่าผมไม่คิดบ้างหรือ ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง คิดสิครับ แต่ผมเลือกด้วยว่า เราควรพูดมันออกมาหรือเปล่า เรารู้จริงไหม หรือเราแค่ “รู้สึกว่า---” หากเราพูดไอ้สิ่งที่เรา “รู้สึกว่า---” นั้นออกไป มันจะไปกระทบกับสถานการณ์ กระทบกับความรู้สึกของคนที่กลัวหรือเกลียดอยู่แล้วยังไง สำคัญที่สุดคือ มันตรงกับความเป็นจริงไหม?
ไม่พูดดีที่สุด
อยู่ระหว่างความตระหนกกับความตระหนัก
รู้จักรอคอยความคืบหน้า และสดับตรับฟังเหตุการณ์ โดยไม่ต้องเต้นไปด้วย
มันมี “ระเบิด” อยู่ลูกหนึ่ง ที่อานุภาพ “ร้ายแรงที่สุด” ที่ต้องระวังอย่าให้มันทำงาน
คุณเห็นไหมครับ ทุกฝ่ายต่าง “ชี้นิ้ว” ไปที่ “ฝั่งตรงข้าม” ของตน แล้ว “ส่งสัญญาณ” ในทำนองว่า “มึงนั่นแหละ” ระเบิดลูกนี้เรียกว่า อคติ ความไม่ไว้วางใจ หรือไม่ก็รุนแรงถึงขั้นความเกลียดชัง
อย่าจุดชนวนระเบิดลูกนี้
ระเบิดลูกที่ควรจุด และทำให้มันทำงาน คือ “สติ” กับ “ปัญญา”
สติ-ที่จะระงับยับยั้งความคิดทั้งหลาย ที่จะไปจุดชนวน “อารมณ์” และอารมณ์ก็จะไปผลักดัน “ปาก” ให้พูด “นิ้ว” ให้พิมพ์ พิมพ์แล้วพูดแล้ว ก็มีคนเห็นด้วยมาสนับสนุน คนเห็นต่างมาด่าทอ โกรธ โมโห แล้ว “วิวาทะ” ก็เกิดขึ้น
ตั้งสติกันครับ ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องค้นหาความจริง
ส่วนปัญญา เอามาประกอบการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้วนิ่งคอยให้เป็น เพื่อที่จะรอสักวันเมื่อความจริงปรากฏขึ้น เพื่อ “เฉลย” ว่า เราคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ได้แม่นยำเพียงใด
ไม่ต้องรีบผลีผลามเป็น “นักวิเคราะห์” กันยกใหญ่
เพราะเท่าที่กวาดตาดู วิเคราะห์กันตาม “ระเบิด” แห่งความชัง ที่ฝังอยู่ในหัวใจเป็นสำคัญกันแทบทุกคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี